Nokia กับการกลับมาสู่ตลาด Optical Networking ความเร็ว 100Gbps – 500Gbps หลังการควบรวมกิจการกับ Alcatel-Lucent

หลังจากที่การควบรวมกิจการระหว่าง Nokia และ Alcatel-Lucent เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว Nokia ก็พร้อมที่จะกลับเข้ามาสู่ตลาดของ Optical Network ในฐานะของผู้ผลิตเทคโนโลยีเชื่อมต่อเครือข่ายความเร็วสูงด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้เรามีระบบเครือข่ายความเร็วสูงในระดับ 100Gbps – 500Gbps ในระยะไกล เพื่อเป็นโครงข่ายให้แก่เทคโนโลยี 5G พร้อมเปิดตัวอุปกรณ์ Photonic Service Switch รุ่นล่าสุดซึ่งมีประสิทธิภาพ 48Tbps/Rack เพื่อรองรับระบบเครือข่าย Backhaul ที่มีความเร็วเกินกว่า 100Gbps ในปัจจุบัน

nokia_pse_2_infographic

เพื่อรองรับต่อการเติบโตของการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วในประเทศไทย ที่ได้เติบโตขึ้นมากถึง 73% ในช่วงปี 2014-2015 และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อรูปแบบใหม่ๆ, อุปกรณ์ใหม่ๆ, บริการใหม่ๆ รวมถึงเทคโนโลยีและวิถีชีวิตใหม่ๆ ระบบเครือข่ายที่มีความเร็วสูงยิ่งกว่า 100Gbps จึงกลายเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางด้านระบบเครือข่ายในประเทศไทย

Nokia Thailand เองก็มีวิสัยทัศน์ในปี 2020 ที่อยากจะช่วยพัฒนาให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงเพื่อให้ประเทศไทยก้าวต่อไปในเชิงการพัฒนาเทคโนโลยีได้ รวมถึงรองรับบริการ Internet of Things (IoT) ใหม่ๆ และส่งเสริมให้ประชาชนในไทยสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายได้มากขึ้นและมีความรู้มากขึ้นด้วยการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในไทยไปพร้อมๆ กัน

ปัจจุบัน Nokia Thailand ได้มีส่วนช่วยในการให้บริการ Optical Fibers จำนวนมากในประเทศไทย ซึ่งมี Capacity รวมกันเกินกว่า 125TB ครอบคลุมการให้บริการของ Mobile Operator และ ISP หลายรายด้วยกันแล้ว

Nokia Thailand ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการมาของ Internet of Things (IoT) และ 5G ว่าในมุมของ Nokia นั้นจะสามารถมาช่วยผลักดันเทคโนโลยี Connected Cars, Connected Industry, Digital Health, Virtual Reality และ Public Safety ในประเทศไทยได้ในอนาคต

Nokia เป็นผู้ผลิตรายแรกใน APAC ที่รองรับเทคโนโลยี 200Gbps และ 500Gbps รวมถึงเป็นผู้ให้บริการ WAN SDN อันดับหนึ่งของโลก โดยตลาด Optical Networking นี้ที่ความยาวคลื่น 100G ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี 2018 ในขณะที่เทคโนโลยี 100Gbps+ นั้นจะเติบโตขึ้นไปอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น

 

เปิดตัว Nokia Photonic Service Engine 2 และ Nokia 1830 PSS-24x

เพื่อรองรับการมาของเทคโนโลยีความเร็วสูงกว่า 100Gbps ทาง Nokia ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่อยอดจากการควบรวมกิจการกับ Alcatel-Lucent ดังต่อไปนี้

Scalability

  • เพิ่ม Bit-rates ด้วย 100Gbps+ Interfaces ทำให้มีความเร็วตั้งแต่ 100Gbps – 500Gbps
  • เพิ่ม Channel ด้วยเทคโนโลยี Flex-Grid
  • รองรับการให้บริการหลายๆ รูปแบบได้ภายในระบบเดียว

Agility

  • มีระบบ Zero-touch Traffic Steering โดยไม่มี Constraint
  • รองรับการทำ SDN เพื่อสร้างบริการใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

Reliability

  • มีเทคโนโลยี Failure Protection ที่หลากหลาย
  • สามารถกู้คืนบริการที่ล่มได้ด้วยการเลือกใช้วิธีการที่ TCO ต่ำที่สุดโดยอัตโนมัติ

โดยเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มจาก Nokia ได้แก่

 

Nokia Photonic Service Engine (PSE) 2

nokia_pse_2

ด้วยการผสานนวัตกรรมจากสิทธิบัตรเกินกว่า 100 ฉบับ ทำให้ Nokia Photonic Service Engine (PSE) 2 นี้กลายเป็นชิปประมวลผลที่มี Transistor มากถึง 1,400 ล้านตัว มีประสิทธิภาพระดับ 500Gbps และรองรับการทำ Programmable Wavelengths ที่ช่วยให้ปรับแต่งค่าความเร็วและการกำหนดค่าต่างๆ ได้อย่างอิสระในการใช้งาน ทำให้มีความยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังใช้พลังงานในการประมวลผลที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีรุ่นก่อนๆ

 

Nokia 1830 PSS-24x

nokia_pss_24x

เป็น Switch รุ่นใหญ่สุดสำหรับให้เพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยการเสริม Line Card เข้าไป และรองรับ Switching Capacity สูง 9.6Tbps – 24Tbps ได้ในอุปกรณ์เพียงชุดเดียว และรองรับระยะสูงสุดเกินกว่า 5,000 กิโลเมตรที่ความเร็ว 100Gbps

 

ทั้งนี้ Nokia Bell Labs ได้มีการทดสอบความเร็วสูงสุดได้ถึง 1Tbps บนสาย Fiber Optics แล้วในปัจจุบัน และในอนาคตก็จะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ให้ได้ใช้งานกันต่อไป ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ของ Nokia เองเมื่อควบรวมกับ Alcatel-Lucent แล้วก็ครอบคลุม Networking Infrastructure อย่างกว้างขวาง และหลังจากนี้เราก็คงได้เห็นชื่อของ Nokia กันมากขึ้นต่อไปตราบใดที่โลกนี้ยังคงต้องการระบบเครือข่ายและการติดต่อสื่อสารครับ

สำหรับผู้ที่สนใจลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ http://networks.nokia.com/portfolio/products/optical-networking นะครับ


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

ขอเชิญเข้าร่วม NDBS Thailand Webinar: Unleash the Power of Business Data for SAP Analytics Cloud to SAP Business technology platform [23 มิ.ย.23] เวลา 10.00-11.30 น. ไม่มีค่าใช้จ่าย

NDBS Thailand ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงาน Webinar: Unleash the Power of Business Data for SAP Analytics Cloud to …

รีวิว : Acer Swift Go 14 แล็ปท็อปเพื่อธุรกิจที่ความคล่องตัว ขับเคลื่อนด้วย Intel Core i7 เจนเนอเรชัน 13 รุ่นล่าสุด

Acer Swift Go 14 จะเข้ามาเป็นคู่หูที่รู้ใจให้การทำงานในรูปแบบ Working from Anywhere มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ด้วยความบางเพียง 14.9 มม. มีน้ำหนักเบาถึง 1.25 กก. …