Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

[Guest Post] New Normal Solutions from WTC Computer and HPE

สถานการณ์ Covid 19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้เกิด Digital Transformation และทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ประสบการณ์ของผู้ใช้งานก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง หลายธุรกิจจึงต้องปรับระบบโครงข่ายเพื่อให้ตอบโจทย์กับ New Normal – คุณเอกลักษณ์ พัวพงศกร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท WTC Computer จำกัด ได้แชร์มุมมองและข้อมูลโซลูชันที่ได้ร่วมกับ Hewlett Packard Enterprise (HPE) จัดทำโซลูชันสำหรับองค์กร เพื่อให้ปรับตัวตาม New Normal ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโซลูชันเด่นที่พร้อมนำเสนอมี 4 โซลูชัน ได้แก่ Data Backup & Protection Solutions, Data Security and PDPA Solutions, HPE SimpliVity Solution และ Cohesity Solution

โซลูชันแรกที่น่าสนใจก็คือ Data Backup & Protection ที่ช่วยป้องกันการโจมตีจาก Hacker โดยเฉพาะรูปแบบของ “Ransomware” หรือการโจรกรรมข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่งเป็นการโจมตีที่รุนแรงและพบเห็นได้บ่อยที่สุด

HPE Data Backup & Protection Solutions จะช่วยตรวจหา ปกป้อง และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Detect-Protect-Response) ช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับ Ransomware ได้อย่างทันท่วงที

? รับชมวีดีโอเพิ่มเติม https://www.youtube.com/watch?v=5kq2SR_dpEw 

นอกจากนี้ HPE ยังมีอีกหนึ่งโซลูชัน สำหรับองค์กรยุคดิจิทัล ซึ่งก็คือ Data Security and PDPA Solutions ที่ช่วยให้องค์กรเตรียมความพร้อมสำหรับ  “พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) ที่จะมีการบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ช่วยให้องค์กรรู้ข้อดี สิ่งที่ต้องพึงตระหนัก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่จะตามมา

? สามารถรับชมวีดีโอ พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาด้านการทำ Data Security และ PDPA Solutions จาก HPE ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=DTJmaPdHoNA

ถึงแม้ว่า Covid 19 จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานตามแบบ New Normal เราก็ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องของระบบการจัดการข้อมูลอยู่ ซึ่งเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร ด้วยระบบการจัดการข้อมูลแบบรวมศูนย์ HPE SimpliVity จาก HPE

HPE SimpliVity เป็นการใช้เทคโนโลยี Hyperconverged ผสานความสามารถของ Server, Storage และ Data Virtualization เข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังมีความสามารถรองรับการทำ Backup และ Disaster Recovery จาก VM (Virtual Machine) ช่วยให้การจัดเก็บและปกป้องข้อมูล ทำงานร่วมกันได้อย่างดีเยี่ยม โดดเด่นในเรื่องการจัดการที่มีความเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ทำให้เป็นระบบ HCI หนึ่งเดียวที่ครบครันอย่างแท้จริง

ในส่วนของ การจัดเก็บและสำรองข้อมูล การกู้คืนระบบ และการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ระดับองค์กร ก็มีโซลูชันของ Cohesity ผู้นำด้าน Hyperconverged Storage มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวก และรวดเร็วต่อการใช้งาน

Cohesity เป็นโซลูชันที่ผสมผสานฮาร์ดแวร์ ประสิทธิภาพสูง จากผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Dell, HPE และ Cisco สามารถ Scale-out Storage และมีระบบสำรองข้อมูลที่สามารถเชื่อมต่อระบบภายนอกเพิ่มเติมได้ ยิ่งไปกว่านั้น Cohesity ยังได้เสริมความสามารถด้าน Software-Defined Storage และการสำรองข้อมูล ด้วยการทำให้ระบบจัดเก็บ สำรองและกู้คืนข้อมูล ได้ในระบบเดียวกัน ลดความเสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูล เพิ่มความสะดวกต่อการบริหารจัดการและดูแลระบบ ทำให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจาก Backup Solution ทั่วไป

ด้วยเทคโนโลยีและโซลูชันที่ล้ำสมัยเหล่านี้ จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคแห่ง Digital Transformation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์การทำงานแบบ New Normal ในยุค Covid ได้ ซึ่งองค์กรที่สนใจ สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติม และรับคำปรึกษาจาก WTC Computer เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นพร้อมสนับสนุนกับทุกธุรกิจ

#WTCcomputer #TechtalkThai #Covid19 #NewNormal #HPE #DigitalTransformation

บริษัท ดับบลิวทีซี คอมพิวเตอร์ จำกัด
โทรศัพท์: +662-612-1188 | อีเมล: sale@wtc.co.th 
เว็บไซต์: https://www.wtc.co.th/
Facebook: @WTCComputerThailand 
LINE: @WTCCOMPUTER

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs [PR]

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลัง AI ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ และประสบการณ์ของผู้ใช้ในสภาพแวดล้อม การทำงานแบบไฮบริด

Microsoft ยกเลิกการใช้ 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว

Microsoft ประกาศยกเลิกการใช้กุญแจเข้ารหัส 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว เปลี่ยนไปใช้กุญแจเข้ารหัสความยาว 2048-bit เป็นอย่างน้อย