ที่งาน HPE Discover 2021 เมื่อวันที่ 23-25 มิถุนายนที่ผ่านมา HPE GreenLake ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ HPE GreenLake Lighthouse และ Project Aurora เพื่อเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์และทิศทางของบริษัทที่จะเป็น Edge-to-Cloud Platform as-a-Service
HPE GreenLake ส่งมอบ Infrastructure ให้กับคุณในรูปแบบ services ซึ่งช่วยให้คุณพร้อมใช้งานตาม scale โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการเลือกในสิ่งที่เกินกว่าความต้องการจริงหรือต้องหาซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมอีกในภายหลังและมีระยะเวลาในการ Implement ที่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเรายังสามารถส่งมอบได้ทั้งแบบ on premise หรือส่งไปยัง Data Center ที่คุณเชื่อมต่ออยู่ด้วยระยะเวลาเพียงไม่เกิน 14 วันเท่านั้น
เลือกระบบที่มีการทำงานอย่างเหมาะสมลงตัว ขยายขนาดได้ตามความต้องการและจัดการได้กับทุก workloads ด้วย General Purpose Compute จาก HPE GreenLake ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยใช้พื้นฐานเดิมของ rack-optimized HPE Proliant DL Servers, an Intel®-based server โซลูชั่นที่นำเสนอความสามารถในการปรับขนาดตามความต้องการโดยใช้ memory พื้นที่เพียงเล็กน้อยและสามารถตั้งค่าคอนฟิกซ์ให้ดูแลแม้ในสถานการณ์ critical applications และ data on premises ที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น HPE Financial Services จะช่วยคุณในการจัดการกับ assets เดิมที่คุณมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อคุณเลือกไมเกรทแบบ pay-per-use model
และจุดเด่นของ HPE GreenLake Lighthouse และ Project Aurora มีดังนี้
HPE GreenLake Lighthouse
HPE GreenLake Lighthouse เป็นแพลตฟอร์มใหม่ด้วยประสบการณ์แบบ Cloud-native โดยองค์กรสามารถนำไปลงที่ใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็น On-premise และ Cloud ใดๆก็ตาม ซึ่ง Light house platform จะช่วย deploy workload อย่างอัตโนมัติได้เพียงคลิกเดียว ไม่ว่าคุณจะรันงานจากที่ใดก็ตาม สิ่งที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในก็คือโซลูชัน Ezmeral นั่นเอง
Project Aurora
ด้วย Project Aurora คุณสามารถทำ Zero Trust ได้ตั้งแต่ Edge จนถึงคลาวด์ ให้เป็นจริงขึ้นมาได้ ในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยเช่นนั้น Project Aurora จะทำโดยการพิสูจน์และตรวจสอบ Integrity ตั้งแต่ระดับ Supply Chain ไปจนถึงชั้นแอปพลิเคชัน เริ่มตั้งแต่ระดับสายการผลิตโดยการคัดกรองและตรวจสอบกระบวนการผลิต ขั้นที่สองมีการออกแบบและผลิต Hardware พร้อมกับตรวจสอบมาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ภายในมี Trust Platform Module ที่สามารถการันตีความถูกต้องของฮาร์ดแวร์ Firmware และ OS
ในขั้นสุดท้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ความคุ้มครองระดับชั้น Platform และแอปพลิเคชัน ส่วนที่มาเติมเต็มคือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส Secure Production Identity Framework for Everyone (SPIFEE) หรือ Specification ที่ว่าด้วยเรื่องของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้ Dynamic และ Heterogeneous อีกส่วนประกอบก็คือ SPIFEE Runtime Environment ซึ่งเป็นการนำ SPIFEE ไปใช้งานให้เกิดขึ้นจริง
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Project Aurora (https://www.hpe.com/us/en/security/project-aurora.html)