กรุงเทพฯ ( 18 ธันวาคม 2558 ) – มาสเตอร์การ์ดได้เปิดตัว มาสเตอร์การ์ด ไอเดนติตี้ เช็ค ( MasterCard Identity Check ) ซึ่งเป็นโซลูชั่นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะช่วยในเรื่องการพิสูจน์ตัวตนของผู้บริโภค เพื่อให้การจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์เป็นเรื่องสะดวกมากยิ่งขึ้น
วิธีการพิสูจน์ตัวตนผ่านระบบออนไลน์ในปัจจุบันอาจเป็นสาเหตุให้นักช้อปเลิกสนใจในเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์ได้ เนื่องจากอาจต้องใช้เวลานาน และบางครั้งอาจทำให้การซื้อขายไม่สำเร็จหรือถูกยกเลิกไป มาสเตอร์การ์ด ไอเดนติตี้ เช็ค จะช่วยให้การตรวจสอบตัวตนเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วของผู้ถือบัตรผ่านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น การส่งรหัสผ่านทาง SMS เพียงครั้งเดียว หรือ การใช้เทคโนโลยีตรวจสอบคุณลักษณะจำเพาะส่วนบุคคล หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ไบโอเมตริกซ์ ( Biometrics )
“ทุกวันนี้ คนเราจะซื้อของกันผ่านทางอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบ และก็หวังว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้ธุรกรรมง่าย และมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มาสเตอร์การ์ด ไอเดนติตี้ เช็ค ทำให้เป็นจริงได้” นายอาเจย์ บัลลา ประธานส่วนโซลูชั่นความปลอดภัยส่วนพาณิชย์ ( Enterprise Security Solutions ) แห่งมาสเตอร์การ์ดกล่าว
มาสเตอร์การ์ด ไอเดนติตี้ เช็ค สานต่อความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการยกระดับความปลอดภัยของธุรกรรมการเงินออนไลน์ โดยการใช้เทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนการอาศัยสิ่งที่ผู้บริโภครู้ ( รหัสผ่าน ) มาเป็นการใช้สิ่งที่พวกเขามี ( มือถือ หรืออุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ) และสิ่งที่พวกเขาเป็น ( ไบโอเมตริกซ์ ) ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรหลายร้อยคนในเนเธอร์แลนด์ได้เริ่มใช้การชำระค่าสินค้าและบริการผ่านระบบไบโอเมตริกซ์ไปแล้วเมื่อเดือนก่อน และจะเริ่มเปิดทดลองใช้แบบเดียวกันนี้ในสหรัฐอเมริกาในอนาคตอันใกล้อีกด้วย
สถาบันการเงินต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาจะสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมระบบมาสเตอร์การ์ด ไอเดนติตี้ เช็ค ได้ตั้งแต่กลางปี 2559 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเปิดใช้ได้ทั่วโลกในปี 2560
รายงานผลวิจัยระดับสากลชิ้นใหม่เผยให้เห็นแนวโน้มของการชำระเงินสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่
การพิสูจน์ตัวตนด้วยเทคโนโลยียุคใหม่นี้ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยล่าสุดว่าสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยผลสำรวจจากมาสเตอร์การ์ดระบุว่า นักช้อปออนไลน์ร้อยละ 53 ลืมรหัสผ่านที่จำเป็นมากกว่าสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ทำให้ต้องเสียเวลากว่า 10 นาทีเพื่อตั้งค่าบัญชีใหม่ ชาวสิงคโปร์คาดว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเกินกว่า 15 นาทีทุกครั้งที่ต้องตั้งรหัสผ่านใหม่เมื่อลืมรหัสเดิม
ผลก็คือ กว่าหนึ่งในสามของนักช้อปจะล้มเลิกความตั้งใจในการซื้อผ่านระบบออนไลน์นั้น ในขณะที่ 6 ใน 10 กล่าวว่ามันทำให้พวกเขาต้องพลาดโอกาสในการทำธุรกรรมที่ต้องใช้เวลาให้รวดเร็ว อย่างเช่น การซื้อบัตรเข้าชมคอนเสิร์ต และกว่ากึ่งหนึ่งของชาวออสเตรเลียและสิงคโปร์ต้องถูกระงับสิทธิ์การใช้เว็บไซต์เนื่องจากเหตุนี้อีกด้วย
โดยเฉลี่ยแล้ว คนทั่วไปจะต้องป้อนรหัสผ่านแปดครั้งต่อวันเพื่อเข้าถึงบัญชีหรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่พวกเขาใช้เป็นประจำทุกสัปดาห์ราวสิบอย่าง ชาวญี่ปุ่นและอินเดียป้อนรหัสผ่าน 11 ครั้ง และ 9 ครั้งต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
กว่าหนึ่งในห้าของผู้ทำการสำรวจใช้รหัสผ่านเดียวกันกับทุก ๆ อย่าง ในขณะที่อีกร้อยละ 58 จะตั้งรหัสผ่านให้ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าคนเหล่านี้จะได้รับการแจ้งเตือนแล้วว่าการทำเช่นนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูลก็ตาม ชาวสิงคโปร์เกือบหนึ่งในสามใช้รหัสผ่านเดียวกันหมดในทุก ๆ บัญชีที่มี
ทั่วโลก มีคนเกินครึ่งที่อยากให้มีการใช้สิ่งอื่นที่สะดวกกว่าเพื่อมาใช้แทนรหัสผ่าน โดยที่จะต้องมีความปลอดภัยและให้ความอุ่นใจได้ในระดับเดียวกัน
ข้อมูลเชิงสถิติที่สำคัญจากผลสำรวจตลาด
- ประชากรในแม็กซิโก ( 17 นาที ) โคลัมเบีย ( 16.9 นาที ) และสิงคโปร์ ( 15.1 นาที ) สูญเวลากว่า 15 นาทีทุกครั้งที่ต้องตั้งค่ารหัสผ่านใหม่เพื่อทดแทนรหัสเดิมที่ลืมไป
- ทั่วโลก มีคนเกือบถึงหนึ่งในสามที่ยกเลิกการซื้อสินค้าและบริการเนื่องจากไม่สามารถจำรหัสผ่านได้ โดยในบางประเทศอาจมีจำนวนถึงราวกึ่งหนึ่ง ได้แก่ บราซิล ( 52% ) โคลัมเบีย ( 48% ) เยอรมนี ( 47% ) และเปรู ( 47% )
- ผู้คนร้อยละ 40 มักใช้รหัสผ่านเดียวหรือสองรหัสเพื่อใช้ในการเข้าถึงเกือบทุกเว็บไซต์ที่ต้องให้ใส่รหัสผ่าน
- ประชากรในสหราชอาณาจักร แคนาดา สหรัฐ และอินเดีย ต้องใช้รหัสผ่านสำหรับบัญชีหรือแอพพลิเคชั่นออนไลน์กว่า 11 อย่างเป็นประจำทุกสัปดาห์ ถือเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในโลก
- ชาวญี่ปุ่นใส่รหัสผ่านบ่อยที่สุด คือ 11 ครั้งต่อวัน เทียบกับจำนวนเฉลี่ยทั่วโลกที่ 8 ครั้งต่อวัน
เกี่ยวกับงานวิจัย
เป็นการสำรวจผู้บริโภคทั่วไปราว 10,000 คน ในระหว่างวันที่ 13 ถึง 21 สิงหาคม 2558 โดย Norstat ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ใน 17 ตลาด ทั่วทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา ออสเตรเลีย และเอเชียแปซิฟิก กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดให้ค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ที่ +/-0.80% ในระดับความเชื่อมั่นที่ 95 เปอร์เซ็นต์
เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด
MasterCard ( NYSE: MA เว็บไซต์ www.mastercard.com ) เป็นบริษัทเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการชำระเงินระดับสากล บริษัทฯ ดำเนินงานผ่านเครือข่ายกระบวนการชำระเงินที่รวดเร็วที่สุดในโลก เชื่อมต่อผู้บริโภค สถาบันการเงิน ผู้ค้า หน่วยงานรัฐบาล และธุรกิจในกว่า 210 ประเทศ ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของมาสเตอร์การ์ดช่วยให้ธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การจับจ่ายซื้อสินค้า การท่องเที่ยว การดำเนินธุรกิจและการจัดการทางการเงิน เป็นเรื่องง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทฯ ได้ทาง ทวิตเตอร์ @MasterCardAP และ @MasterCardNews ร่วมสนทนากับบริษัทฯ ผ่านทาง Beyond the Transaction Blog และ สมัครที่นี่ เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดผ่าน Engagement Bureau