LinkedIn เปิดตัว Switch 100Gbps ของตนเองเป็นครั้งแรก โดยใช้ฮาร์ดแวร์สำเร็จรูปจากผู้ผลิตแบบ Original Device Manufacturer (ODM) และใช้ OS แบบ Linux-based เพื่อตอบรับกับจำนวนผู้ใช้งานที่มีมากขึ้น
หลังจากที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับ Latency ในเครือข่ายมาร่วม 3 ปี LinkedIn ได้ตัดสินใจเปิดโครงการชื่อว่า Falco ซึ่งเป็นโครงการที่พยายามจะแยก Network ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ออกจากกันเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ ปัญหาดังกล่าวไม่เพียงแค่เกี่ยวกับเรื่อง latency เท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาในการพบเจอ bug ภายในอุปกรณ์ commercial ที่ใช้งานและความยากในการ Monitor อุปกรณ์เหล่านี้อีกด้วย
โดย Switch ตัวแรกของ LinkedIn มีชื่อว่า Pigeon ใช้ฮาร์ดแวร์สำเร็จรูปจากผู้ผลิตแบบ Original Device Manufacturer (ODM) โดยใช้ Chip รุ่น Tomahawk ที่ความเร็วในการประมวลผล 3.2Tbps มีพอร์ทความเร็ว 100Gbps จำนวน 32 พอร์ทด้วยกัน สามารถใช้เป็นได้ทั้ง Leaf หรือ Spine สำหรับ OS นั้นใช้ Linux เป็นหัวใจหลัก โดย LinkedIn ได้ทดลองนำแอพพลิเคชันที่ใช้งานอยู่ปัจจุบันขึ้นไปทำงานบน Switch ตัวนี้ รวมถึงซอฟต์แวร์ Monitor และ Logging ต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้การใช้ Switch แบบ Linux-based ช่วยให้ทางทีมพัฒนา สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ Automation เช่น Chef, Puppet หรือ CFEngine ได้อีกด้วย
LinkedIn มีแผนนำ Switch ตัวนี้ไปใช้ใน Data Center ที่ Oregon โดยปัจจุบันยังอยู่ในช่วงการทดสอบเท่านั้น สำหรับ LinkedIn มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 55 ล้านคนในปี 2009 เติบโตจนถึง 400 ล้านคนในปีที่แล้ว