Malicious Extensions เป็นปัญหาที่ค้างคาสำหรับ Google Chrome มาอย่างยาวนาน แฮ็กเกอร์พยายามใช้หลายเทคนิคเพื่อทำให้ Extension ของตนเองสามารถเปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดได้ผ่าน Chrome Web Store ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างเขียนรีวิว การเขียนโค้ดให้มีความซับซ้อน (Obfuscated Code) หรือการใช้สคริปต์จากภายนอก ล่าสุด Google ได้ประกาศกฎกติกาใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Extension ที่ร้องขอสิทธิ์อย่างไร้เหตุผล
ใน Chrome เวอร์ชันปัจจุบัน Google ให้สิทธิ์แก่ Extension ในการเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาบนเว็บไซต์ทั้งหมด (Full Access) ซึ่งช่วยให้ Extension สามารถแก้ไขหน้าตาของเว็บไซต์ เพิ่มฟีเจอร์พิเศษ หรืออุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยสิทธิ์การเข้าถึงแบบเต็มที่นี้ ทำให้ Extension สามารถสอดแทรกโฆษณา, ขโมยข้อมูลผู้ใช้, แทรกโค้ด In-browser Miner, ขโมยข้อมูลล็อกอิน หรือกระทำกิจกรรมอันไม่พึงประสงค์บนเว็บเบราว์เซอร์ได้
อย่างไรก็ตาม ใน Chrome เวอร์ชัน 70 ผู้ใช้จะมีความสามารถในการจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงของ Extensions โดยสามารถเลือกได้ว่า จะให้ Extension สามารถเข้าถึงข้อมูลเว็บไซต์ได้ “ก็ต่อเมื่อคุณกดคลิกที่ Extension, เฉพาะบางเว็บไซต์ หรือทั้งหมด” อย่างไรก็ตาม การจำกัดสิทธิ์นี้จะไม่เปิดใช้งานตั้งแต่แรก ผู้ใช้จำเป็นต้องทำการแก้ไขการตั้งค่านี้ด้วยตนเองหลังจากที่อัปเดต Chrome เป็นเวอร์ชันใหม่แล้วเท่านั้น
นอกจากการเพิ่มความสามารถให้แก่ผู้ใช้แล้ว Google ยังเพิ่มกติกาในการรีวิวการทำงานของ Extensions เพิ่มเติม ในกรณีที่ Extension นั้นทำการร้องขอสิทธิ์ในระดับสูงหรือแบบ Full Access รวมไปถึงจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดถ้ามีการใช้สคริปต์จากภายนอก เพื่อให้มั่นใจว่า Extensions จะไม่ดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้
สุดท้าย Google ได้สั่งห้ามการใช้โค้ด JavaScript ที่มีความซับซ้อน (Obfuscated Code) สำหรับ Extension ที่ใช้โค้ดแบบนี้อยู่ Google สั่งให้ทำการแก้ไขภายในวันที่ 1 มกราคม 2019 เพื่อให้ทีมงานสามารถตรวจสอบการทำงานของโค้ดได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Google ยังบังคับให้นักพัฒนาต้องเปิดใช้งาน 2-Factor Authentication บนบัญชี Chrome Web Store ของตน เพื่อป้องกันการแฮ็กและเปลี่ยน Extensions ให้กลายเป็นมัลแวร์อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://blog.chromium.org/2018/10/trustworthy-chrome-extensions-by-default.html