ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน HPE Aruba Atmosphere 2016 APAC งานสัมมนาใหญ่ของ HPE Aruba ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ครับ ใน Keynote Session นี้มีเทคโนโลยีและแง่คิดที่น่าสนใจค่อนข้างเยอะทีเดียว จึงขอหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ดังนี้นะครับ
อัปเดตสถานการณ์ของ Aruba หลังถูก HP เข้าซื้อกิจการ และกลายมาเป็น HPE Aruba
นับเป็นเวลา 18 เดือนแล้วที่ HP ได้เข้าซื้อกิจการของ Aruba Networks และแยกกิจการออกมาเป็น HPE ส่วน Aruba Networks เองก็กลายเป็น HPE Aruba อย่างในปัจจุบันไป Dominic Orr ผู้ดำรงตำแหน่ง President แห่ง HPE Aruba และ Keerti Melkote ผู้ก่อตั้ง Aruba Networks และยังคงทำงานอยู่ใน HPE Aruba ในปัจจุบันก็ได้ออกมาอัปเดตความเป็นไปของ HPE Aruba ให้ได้รับทราบโดยทั่วกัน
- 3 สิ่งที่ HPE Aruba นั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ถูกเข้าซื้อกิจการมาเลยนั้น ก็ได้แก่การให้ความสำคัญต่อลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในแง่การพัฒนาเทคโนโลยีและการสนับสนุนหลังการขาย, การพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีที่สุดและเปิดกว้างต่อการเชื่อมต่อเข้ากับ Partner รายต่างๆ ให้ได้ และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้เทคโนโลยีระบบเครือข่ายก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
- ปัจจุบัน HPE Aruba มีเทคโนโลยีครบถ้วน ทั้ง WLAN, LAN, Security (ClearPass), Mobile (Meridian) และ Cloud (Aruba Central)
- HPE Aruba มียอดขายเกินกว่า 1,000 ล้านเหรียญหรือ 35,000 ล้านบาทแล้ว
- Airheads ซึ่งเป็น Community ด้านเครือข่ายของ HPE Aruba มีสมาชิกเกินกว่า 49,000 คนแล้ว ใครที่สนใจก็เข้าไปร่วมได้ที่ https://community.arubanetworks.com/ เลยนะครับ
จะเห็นได้ว่า HPE Aruba นั้นมีเทคโนโลยีทางด้านระบบเครือข่ายค่อนข้างจะครบภาพแล้ว และก็เติบโตอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ระบบเครือข่ายขององค์กรกำลังจะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ด้วยการมาของเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกอย่าง Mobile, Cloud และ Internet of Things (IoT) ก็ทำให้ HPE Aruba ยังคงต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาตอบโจทย์เพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่นับวันจะยิ่งทวีความสำคัญสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น ในมุมของธุรกิจเองที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้เกิดความต้องการในการสร้างระบบ Application ใหม่ๆ ขึ้นมาตอบโจทย์ในเชิงธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และระบบเครือข่ายเองก็ต้องพร้อมจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อรับต่อการมาของเทคโนโลยีหรือ Application ใหม่ๆ เหล่านี้ให้ได้ ต่างจากสมัยก่อนที่การลงทุนระบบเครือข่ายหนึ่งๆ ไปนั้นก็อาจใช้งานต่อเนื่องไปได้ 3-5 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
HPE Aruba ได้เตรียมตอบรับต่อความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย Next Generation Network Access Platform ภายใต้ชื่อ Aruba Mobile First Platform ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบเครือข่ายให้กลายเป็น Software Defined Networking อย่างเต็มตัว พร้อมสามารถนำข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้งานระบบเครือข่ายมาต่อยอดในการทำ Data Analytics หรือเชื่อมต่อกับ Application และระบบ Automation ต่างๆ ผ่านทาง API ได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจ ดังนี้
- HPE Aruba + Robin: โซลูชันจองห้องประชุมอัจฉริยะผ่าน Mobile App ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูล Location ของพนักงานแต่ละคนภายในออฟฟิศว่ามีการประชุมอยู่ที่ห้องไหนหรือไม่ และค้นหาว่ามีห้องไหนว่างพร้อมให้จองหรือให้ประชุมทันทีได้บ้าง
- HPE Aruba + Kasada: เปลี่ยนการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งานระบบเครือข่ายที่เดิมมักจะอาศัยการใช้ Username/Password ให้กลายเป็นการยืนยันตัวตนแบบอื่นๆ ที่สะดวกและปลอดภัยกว่าแทน เช่น ใช้ Mobile Device ในการทำ Multi-Factor Authentication, การอัปโหลดรูปภาพเฉพาะเพื่อยืนยันตัวตน หรือแม้แต่การใช้ลายนิ้วมือยืนยันตัวตนก็ตาม
- HPE Aruba + Skyfii: นำข้อมูลการเชื่อมต่อและใช้งาน Wi-Fi ของลูกค้ามาวิเคราะห์ภายในระบบ CRM เพื่อติดต่อสื่อสารหรือทำการตลาดใดๆ อ้างอิงได้จากข้อมูลที่มีอยู่
การลงทุนระบบเครือข่ายจะมีทางเลือกใหม่ๆ มากขึ้น
นอกเหนือไปจากการลงทุนซื้อขาดในแบบอดีตนั้น ทาง HPE Aruba เองก็ได้นำเสนอทางเลือกใหม่ในการลงทุนระบบเครือข่ายภายในองค์กรเพิ่มเติมขึ้นมา 3 แบบด้วยกัน ได้แก่
- Cloud Managed ด้วย Aruba Central ทำให้ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์ เช่าใช้บริการในการบริหารจัดการผ่าน Cloud เป็นรายเดือนไป
- Managed Services โดยเหล่าผู้ให้บริการ Managed Service Provider ให้องค์กร Subscribe การบริการในการดูแลรักษาแบบรายเดือนได้อย่างง่ายดาย
- Network-as-a-Service จากเหล่า Partner อย่าง Accenture และ Deloitte ทำสัญญาเช่าใช้อุปกรณ์พร้อมบริการอย่างครบวงจร ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์เองเลย
นวัตกรรมทางด้านระบบเครือข่าย จะเริ่มเข้าไปเปลี่ยนแปลงการทำงานต่างๆ ภายในองค์กร
HPE Aruba นั้นมีนวัตกรรมกลุ่มที่เน้นเป็นพิเศษด้วยกัน 4 กลุ่ม พร้อมตัวอย่างกรณีศึกษาประกอบ ดังนี้
1. Digital Workplace: การเปลี่ยนที่ทำงานให้กลายเป็น Digital
Hong Kong Polytechnic University นั้นมีแนวคิดในการปรับตัวให้การศึกษาทั้งหมดกลายเป็นแบบ Digital มากขึ้น ซึ่ง HPE Aruba ก็ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในฐานระบบเครือข่ายที่เอื้อให้ทางมหาวิทยาลัยสามารถเปลี่ยนตัวเองได้สำเร็จ เพื่อตอบโจทย์การศึกษารูปแบบใหม่ ได้แก่
- การรองรับการเรียนผ่าน E-Learning ได้จากทุกที่ทุกเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ให้นักศึกษาสามารถศึกษาในศาสตร์ต่างๆ ด้วยตัวเองได้
- การรองรับการเชื่อมต่อกับ Sensor ของระบบ Internet of Things จำนวนมหาศาลผ่านทาง Wi-Fi เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประมวลผลในระบบ Big Data ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย
- ทางอาจารย์และเจ้าหน้าที่ต้องสามารถสื่อสารกลับไปยังเหล่านักศึกษาได้
- รองรับแนวทางแบบ Mobile First ที่ทุกๆ โซลูชันและทุกๆ แนวคิดจะกลายไปเป็น Mobile Application ทั้งหมดที่เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้
- เรียนและทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย เป็นแนวทางที่ทางมหาวิทยาลัยให้ชื่อว่าเป็น Digital Workspace
ทั้งนี้ HPE Aruba นั้นยังได้เข้าไปช่วยทำให้ประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายถูกยกระดับให้สูงขึ้น ไม่ใช่แค่การให้บริการระบบเครือข่ายที่มีคุณภาพดี แต่เป็นการส่งมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน เป็นการปรับถึงระดับของ User Experience เลยทีเดียว รวมถึงยังสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยว่าห้องเรียนไหนมีการใช้งานบ่อย และนักศึกษาเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อทำอะไร จะได้ปรับปรุงระบบเครือข่ายได้ถูกต้องตามความต้องการของลูกค้านั่นเอง
อันที่จริงแล้วไม่เพียงแต่ระบบเครือข่ายที่จะต้องเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ระบบอื่นๆ อย่าง Server หรือ Storage เองก็ต้องปรับตามเพื่อรับให้ได้กับการมาของ Big Data และ Mobile First ด้วย
2. Distributed Enterprise: การรองรับองค์กรที่มีหลากหลายสาขาให้เชื่อมต่อถึงกันได้
Matahari Department Storage จากอินโดนีเซียนั้นเป็นห้างที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในหลายประเภทของสินค้า โดยมี 146 สาขาทั่วประเทศ และมีช่องทางการขายทั้งแบบ Online และ Offline เป็น Omnichannel อย่างแท้จริง
การทำการตลาดที่เชื่อมเอาข้อมูลของลูกค้าบนโลก Online และ Offline เข้าด้วยกันได้นั้นถือเป็นความสำเร็จที่น่าสนใจของ Matahari โดยทางห้างได้ใช้ Mobile Application เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับลูกค้า ทั้งการนำเสนอ Promotion, นำเสนอสินค้า และการขายของออนไลน์ ทำให้สามารถเก็บพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างครบถ้วน ในขณะที่ยังสามารถติดตามลูกค้าที่มาเดินเลือกซื้อสินค้าได้จากระบบ Wi-Fi Analytics ของ HPE Aruba เพื่อนำมาผูกเข้าเป็นข้อมูล CRM ร่วมกันระหว่างโลก Online และ Offline ได้
ในขณะเดียวกัน HPE Aruba เองก็ถือเป็นโซลูชันที่มีความปลอดภัยสูง สามารถให้บริการผู้ใช้งานภายในองค์กรและ Guest ภายนอกได้อย่างปลอดภัย รวมถึงยังปกป้องระบบเครือข่ายจากผู้ที่ประสงค์จะทำการโจมตีได้เป็นอย่างดี อีกทั้งทาง Matahari เองยังได้เปลี่ยนระบบเครือข่ายทั้งหมดให้กลายเป็น SDN และง่ายต่อการบริหารจัดการในระยะยาวอีกด้วย
3. Adaptive Trust: รักษาความปลอดภัยอย่างยืดหยุ่น และยังตอบโจทย์การใช้งานได้จริง
Epworth Healthcare โรงพยาบาลขนาด 800 เตียงนั้นมีโจทย์ที่จะต้องทำ BYOD เพื่อรองรับทั้งอุปกรณ์ของเหล่าแพทย์, เจ้าหน้าที่, คนไข้ และญาติผู้ป่วยทั้งหมด รวมถึงยังต้องทำการรักษาความปลอดภัยให้กับเหล่าอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ IoT ภายในโรงพยาบาล และ HPE Aruba ก็ได้ถูกเลือกนำมาใช้งาน
ถึงแม้ Application ที่ควรจะมีความสำคัญและน่าจะถูกใช้งานมากที่สุดคือระบบทางด้านการแพทย์ภายในโรงพยาบาล แต่จากการตรวจสอบกลับพบว่า Traffic อันดับ 1 นั้นคือ Netflix ที่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยดูระหว่างที่นอนพักในโรงพยาบาลนั่นเอง
Aruba ClearPass ได้ถูกนำมาใช้เพื่อจำแนกประเภทของอุปกรณ์และผู้ใช้งานออกจากกัน, รองรับผู้ใช้งานแบบ Guest และทำการกำหนดสิทธิ์ต่างๆ ให้แตกต่างกัน รวมถึงจัด Priority ในการเข้าถึงเครือข่ายใหม่ ทำให้ระบบเครือข่ายของโรงพยาบาลนั้นยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยไปในเวลาเดียวกันท่ามกลางอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจำนวนมหาศาล
4. Mobile Engagement: ใช้อุปกรณ์ Mobile สร้างความแตกต่าง
HPE นั้นเป็นองค์กรที่มีการใช้งาน Mobile Engagement ภายในองค์กรเพื่อทำระบบจองห้องประชุมและ Collaboration ที่ผสานการประชุมทั้งแบบ Physical และ Virtual เข้าด้วยกัน โดยมี Application ที่ทำงานแบบ Location-based เพื่อใช้ในการจองห้องประชุมและเลิกจองห้องประชุมโดยอัตโนมัติได้เมื่อเดินออกจากห้องประชุมเป็นเวลานานตามที่กำหนด รวมถึงยังมีระบบแผนที่นำทางภายในอาคาร สำหรับกรณีที่พนักงานต้องเดินทางไปประชุมในต่างสาขาและไปห้องประชุมไม่ถูกได้ด้วย
ทั้งนี้ทาง HPE Aruba ก็ได้เชิญ Accenture และ Microsoft มาให้ความเห็นด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งสองบริษัทต่างก็เห็นพ้องกันว่าความสามารถในการติดตามประสิทธิภาพและปัญหาในระบบเครือข่ายของ HPE Aruba นั้นโดดเด่น ทำให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถแก้ไขปัญหาด้านระบบเครือข่ายได้อย่างง่ายดายและถูกจุด นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยในตัวสูง รองรับการทำงานร่วมกับ MDM เสริมความปลอดภัยอีกระดับได้ในตัว
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทีมงาน HPE Aruba นะครับ ที่ให้เกียรติเชิญไปร่วมงานครั้งนี้ด้วยครับ