หนึ่งในคำถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับการพูดถึงมากในปัจจุบันคือคำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและจริยธรรมในการนำไปใช้ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับผู้ให้บริการเทคโนโลยีดังกล่าวอย่าง AWS ก็ย่อมถูกจับตามองเป็นพิเศษ ในงาน AWS re:Invent ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Andy Jassy ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงแนวปฏิบัติและความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ว่า Machine Learning ก็เป็นเพียงอีกหนึ่งบริการที่เหมือนกับบริการอื่นๆของ AWS เท่านั้น
Andy Jassy – CEO แห่ง Amazon Web Service ได้เผยถึงแนวทางของ AWS ที่มีต่อการใช้งานเทคโนโลยี Machine Learning บนแพลตฟอร์มของตนว่า AWS มีแนวทางการใช้งาน, Best Practice, และเงื่อนไขการให้บริการที่ชัดเจนอยู่แล้ว และจะไม่อนุญาตให้ใช้งานบริการบนแพลตฟอร์มไปในวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อกฎหมายและสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายอย่างแน่นอน
แต่ในขณะเดียวกัน AWS ก็จะไม่เข้าไปกำกับการใช้งานของผู้ใช้หรือออกกฎในการใช้งาน “เราจะไม่บอกผู้คนว่านี่คือกฎ[ของการใช้ Machine Learning] นี่คือวิธีการใช้เทคโนโลยีนี้ คุณไม่สามารถละเมิดเสรีภาพพลเรือนและสิทธิตามรัฐธรรมนูญของผู้คนได้ บริษัทก็แค่ใช้เทคโนโลยีไป เหมือนที่เราไม่บอกบริษัททั้งหลายว่าควรใช้เซิฟเวอร์ของเราไปประมวลผลอะไร หรือใช้ Database ของเราไปทำอะไร”
ในส่วนของการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการบังคับใช้กฎหมาย เช่นการใช้ Rekognition โดยตำรวจที่เคยเป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมา Jassy กล่าวว่า AWS ได้ใช้ระบบที่มีความแม่นยำ (confidence) อย่างน้อย 99% มีการพัฒนาและปรับปรุงความแม่นยำของอัลกอริทึมอยู่เสมอ และมีการแนะนำอย่างเคร่งครัดว่า Machine Learning ควรเป็นแค่ 1 ในปัจจัยตัดสินใจประกอบกับปัจจัยอื่นๆเท่านั้น
AWS นั้นได้เปิดให้บริการ Machine Learning ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริการสำเร็จรูปอย่าง Amazon Personalize, Amazon Forecast, Amazon Rekoginition, Amazon Lex หรือบริการโมเดลและอัลกอริทึมที่ยืดหยุ่นกว่านั้นอย่าง SageMaker ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้เข้าไปเทรนและ Optimize โมเดลได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลถึง Infrastructure เบื้องหลัง
ปัจจุบัน AI เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆถึงการนำไปใช้งาน เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานมาจากการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้และผู้คนทั่วไป โดยก่อนหน้านี้ Amazon เคยได้รับเสียงวิจารณ์จากสังคมอย่างหนักถึงการขายเทคโนโลยีรู้จำใบหน้า Rekognition ให้กับหน่วยงานบังคับกฎหมายในสหรัฐอเมริกาเพื่อสอดส่องผู้คนในเมือง ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกนำไปสร้างระบบสอดแนมมวลชน (mass surveillance) และมีการประท้วงจากพนักงานของ Amazon เองอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน คลาวด์ของคู่แข่งอย่าง Google และ Microsoft ก็ได้มีการออกหลักการและ ethics ของการใช้ AI ออกมาอย่างชัดเจน รวมถึงมีการจัดตั้งทีมงานขึ้นมาทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวโดยเฉพาะ (เช่น กลุ่มวิจัย FATE ของ Microsoft และกลุ่มวิจัย DeepMind Ethics & Society) ซึ่งเป็นแนวทางที่แตกต่างจาก AWS ซึ่งให้อิสระกับผู้ใช้มากกว่า ทว่าก็อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงเช่นกัน
ที่มา: AWS re:Invent