COVID-19 เปลี่ยนวิถีธุรกิจทั่วทุกมุมโลกอย่างพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ส่งผลให้บริษัททุกระดับต่างเร่งพลิกตำราศาสตร์การบริหารเพื่อให้องค์กรสามารถเดินหน้าต่อไปให้ได้บนข้อจำกัดของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส
LinkedIn เป็น Social Network Platform ด้านอาชีพและธุรกิจ ซึ่งเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้ถูกจ้าง เชื่อมโยงฐานข้อมูลทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันเพื่อให้กลายเป็นการสรรหาและจัดหางาน
LinkedIn ได้ทำการวิจัยจากฐานข้อมูลของบริษัทชั้นนำ และทรัพยากรบุคคลระดับมืออาชีพจากทั่วทุกมุมโลก ที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อจัดอันดับ 50 บริษัทที่ดีที่สุดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา สำหรับบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุด บนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพที่จะเติบโตในธุรกิจที่กำลังดำเนินงานอยู่ โดยบริษัท Amazon เว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและระดับโลก ถูกจัดให้อยู่ในอับดับ 1 รองลงมาคือบริษัท Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google และบริษัท Wells Fargo เข้ามาในอันดับ 3 เป็นบริษัทข้ามชาติอเมริกันที่ให้บริการทางการเงินและการธนาคารที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิส, แคลิฟอร์เนีย และแมนฮัตตัน
10 อันดับแรก บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุด
-
Amazon ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยี
-
Alphabet ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยี
-
Wells Fargo ดำเนินธุรกิจด้านการเงินการธนาคาร
-
JPMorgan Chase & Co. ดำเนินธุรกิจด้านการเงินการธนาคาร
-
Walmart ดำเนินธุรกิจด้านการค้าปลีก
-
IBM ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยี
-
AT&T ดำเนินธุรกิจด้านโทรคมนาคม
-
Bank & America ดำเนินธุรกิจด้านการเงินการธนาคาร
-
Apple ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยี
-
Comcast ดำเนินธุรกิจด้านโทรคมนาคม และ บันเทิง
สามารถเข้าไปดูข้อมูลทั้ง 50 อันดับ ได้จากเว็บไซต์ของ LinkedIn ตามด้านล่างนี้
จากการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของโปรไฟล์พนักงานช่วงเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม 2564 โดยมีการให้คะแนนมาจากแต่ละองค์กรเลือกให้ 7 ปัจจัยหลัก คือ การตัดสินใจเลือกทำงานด้วย (สำหรับบริษัทที่มีจำนวนพนักงานมากว่า 500 คนขึ้นไป)
-
การก้าวหน้า ในตำแหน่งหน้าที่การงาน
-
การเติบโตด้านทักษะ กลุ่มนี้จะมองถึงการได้รับการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ในองค์กร
-
ความมั่นคงขององค์กร แน่นอนว่าข้อมูลที่จะจัดได้มากที่สุด คือ การลาออกและการรักษาพนักงานเอาไว้กับบริษัท
-
โอกาสภายนอก ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กรจากภายนอกจะช่วยสร้างเครดิตติดตัวบุคคลและเป็นที่ต้องการจากบริษัทต่างๆ ได้ง่าย
-
ความใกล้ชิดของบริษัท ประเมินจากจำนวนพนักงานที่เชื่อมต่อถึงกันบน LinkedIn
-
ความหลากหลายทางเพศ ความเท่าเทียมกันทางเพศภายในองค์กร
-
วุฒิการศึกษา วัดจากความหลากหลายในระดับการศึกษา
“การลงทุนที่สำคัญ” ที่ทำให้ Amazon เป็นอันดับ 1 สำหรับบริษัทที่น่าทำงานด้วย คือ การปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานและสนับสนุนการยกระดับทักษะให้ฟรี โดยปีที่ผ่านมา Amazon ได้อนุมัติเพิ่มฐานเงินเดือนระดับสูงสุดให้พนักงานมากกว่าสองเท่าตัว พร้อมกับเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางการศึกษา 100% เต็ม สำหรับพนักงานรายชั่วโมง เป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจที่ส่งผลดีต่อความรู้สึกในรูปแบบใหม่ของบริษัท นี่เพียงแค่หนึ่งในตัวอย่างของสวัสดิการดีๆ ที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น ซึ่งอยู่ในสามองค์ประกอบหลักของนโยบายที่ต้องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลแบบบูรณาการ นั่นก็คือ
-
สร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน
-
ให้โอกาสในการพัฒนาทางวิชาชีพ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางการศึกษาฟรี เป็นต้น
-
การเปิดบริการด้านสุขภาพจิตเสริมความเข้มแข็ง ด้วยการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้ฟรี และการเพิ่มรายได้จากค่าล่วงเวลา
ท่ามกลางดอกกุหลาบที่หอมกรุ่น อีกด้านหนึ่งจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติที่โหดร้ายต่อพนักงานคลังสินค้าในช่วงเวลาที่มีการระบาดหนักที่สุดของ COVID-19 เหตุมาจากเสียงโหวตของกลุ่มคนแรงภายในคลังสินค้า ซึ่งถือว่าปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายใต้ความเสี่ยงและใกล้ชิดกับสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากมากที่สุด สำหรับการบริหารจัดการพนักงานกลุ่มนี้ที่มีมากกว่า 1.2 ล้านคน