Amity เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีของ ChatGPT เสริมแกร่งศักยภาพองค์กรธุรกิจไทย [Guest Post]

กรุงเทพฯ 8 กุมภาพันธ์ 2566  — แอมิตี (Amity) ผู้ให้บริการโซลูชันด้านการสื่อสาร หรือ โซเชียลฟีเจอร์ (social features) แบบบูรณาการสำหรับองค์กร พร้อมจะเป็นหนึ่งในบริษัทเทคที่ให้บริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มผ่านระบบคลาวด์ (Platform as a Service: PaaS) รายแรกของประเทศไทยที่นำ GPT-3 เทคโนโลยีซึ่งใช้พัฒนาแชตจีพีที (ChatGPT) มาใช้กับบริการแชตบอตของ Amity สำหรับเทคโนโลยี GPT-3 ของบริษัท โอเพนเอไอ (OpenAI) นั้น คือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) อันล้ำสมัยที่สร้างข้อความและการตอบสนองได้เหมือนมนุษย์ในแบบเรียลไทม์ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จะมาปฏิวัติอุตสาหกรรมบริการลูกค้าต่าง ๆ การนำเทคโนโลยีขั้นสูง อีกทั้งยังใช้งานได้ง่ายมาพัฒนาใช้กับ แอมิตีบอตส์ (Amity Bots) จะช่วยให้หลายองค์กรสามารถมอบประสบการณ์เหนือระดับโดยการใช้ AI ให้บริการลูกค้า อีกทั้งยังเป็นแบบเฉพาะบุคคล (personalized) และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Amity เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะมาปฏิวัติวงการ มีชื่อเรียกว่า “แอมิตีบอตส์พลัส (Amity Bots Plus)” ออกแบบขึ้นโดยใช้พลังของเทคโนโลยี ChatGPT ซึ่งจะมาช่วยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจไทย Amity Bots Plus นั้นใช้ประโยชน์จากโมเดล GPT-3 ขั้นสูงจาก OpenAI นำเสนอโซลูชันแชตบอตที่ทรงพลัง สามารถยกระดับองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ขององค์กรสู่การมอบบริการลูกค้าได้แบบเหนือชั้น และด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจ ประกอบกับการใช้องค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ในรูปแบบเอกสารได้โดยอัตโนมัติแล้วนั้น Amity Bots Plus สามารถสร้างคำตอบได้ด้วยตัวเอง เพื่อรับมือกับการสอบถามข้อมูลของลูกค้าโดยไม่ต้องอาศัยเนื้อหาหรือแบบฟอร์มแบบที่ต้องเตรียมสคริปต์ไว้ล่วงหน้า เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการให้บริการลูกค้าในรูปแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะของ Amity Bots Plus

“การนำเทคโนโลยีอันน่าทึ่งของ ChatGPT มาเสริมกำลังให้กับ Amity Bots นั้นจะทำให้ลูกค้าของเราสามารถใช้พลังของ AI มาขับเคลื่อน เพื่อสร้างข้อความที่ทั้งซับซ้อน และต้องอาศัยการดูแลจัดการได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันก็ช่วยแบ่งเบาภาระปริมาณงาน (workload) ของหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กร” กรวัฒน์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Amity กล่าว “ความเป็นไปได้ที่เราได้นำเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการให้บริการลูกค้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ PaaS รายแรกของประเทศไทยที่สามารถนำเทคโนโลยีของ GPT-3 มาใช้กับแชตบอต และจะได้เห็นความสำเร็จของลูกค้าของเราในการใช้ AI ร่วมกับ Amity Bots Plus

กรวัฒน์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Amity

บริการใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Amity Bots ประกอบไปด้วย แอมิตีบอตส์แพลตฟอร์ม (Amity Bots Platform) แพลตฟอร์ม chat engagement ที่รวบรวมช่องทางการแชต และรวบรวมแชตบอตหลายตัวภายในองค์กรเข้ามาไว้ด้วยกัน แอมิตีบอตส์แชตแอดส์ (Amity Bots ChatAds) ประสบการณ์แบบ interactive engagement สำหรับไลน์แชตแอดส์ (LINE ChatAds) และแอมิตีบอตส์เดสก์ (Amity Bots Desk) เครื่องมือไลฟ์แชตสำหรับเอเจนต์ในการช่วยเหลือสนับสนุนลูกค้าได้อย่างราบรื่นบนช่องทางแชต นับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Amity ในการนำเสนอเทคโนโลยีแชตบอตที่ดีที่สุด

Amity Bots Plus นั้นจะเข้ามาช่วยประโยชน์สำคัญหลายประการ ดังนี้

  •  ออกแบบมาเพื่อตอบคำถามต่าง ๆ และสร้างข้อความได้เหมือนมนุษย์ ChatGPT ให้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) รวมถึงเทคนิคการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (natural language processing: NLP) ล่าสุดเพื่อมอบประสิทธิภาพที่ล้ำสมัย
  •  ปฏิบัติงาน (task) ได้หลากหลายซึ่งสามารถพัฒนาความสามารถในการให้บริการลูกค้า ไปจนถึงการตอบคำถาม การสรุป และการสร้างข้อความ
  •  ปรับขยายขนาดระบบฐานความรู้ (knowledgebase) ให้เป็นเอกสารหลายพันรายการเพื่อช่วยรองรับการโต้ตอบกับลูกค้านับหลายล้านราย พร้อมกับความแม่นยำและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
  • ควบคุมใช้ประโยชน์จากพลังของ GPT-3 เพื่อเรียนรู้เข้าถึงและทำความเข้าใจเอกสาร ตลอดจนเปลี่ยนเอกสารให้เป็นความรู้ที่สามารถสร้างการตอบสนองต่อลูกค้าและพนักงานโดยอัตโนมัติตามข้อมูลขององค์กรที่เพิ่มขึ้น

“ทีมแล็บพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรากำลังร่วมกันทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ และกระบวนการทดสอบนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้เรายังมั่นใจว่าการเพิ่มเทคโนโลยี GPT-3 จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ Amity Bots ของคุณให้ก้าวไปอีกขั้น” ทัชพล ไกรสิงขร ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Amity กล่าวถึงการเปิดตัว Amity Bots Plus ในครั้งนี้

GPT-3 โดย OpenAI คืออะไร?

GPT-3 โดย OpenAI คือ หนึ่งในเทคโนโลยี AI ล่าสุดที่ถูกปล่อยออกมาและถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานของธุรกิจ GPT-3 เป็นโมเดลภาษาแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) ที่ได้รับการฝึกฝนโดยใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างข้อความโดยทันที สิ่งที่ทำให้ GPT-3 ทรงพลังเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีรุ่นก่อนก็คือ ML พารามิเตอร์ โมเดล Natural Language Generation (NLG) ของไมโครซอฟต์ (Microsoft) มีอยู่ 1.7 หมื่นล้านพารามิเตอร์ ในขณะที่ GPT-3 มี 1.75 แสนล้านพารามิเตอร์ และเนื่องจากพารามิเตอร์จำนวนมากที่มาข้องเกี่ยว ข้อความที่สร้างโดย GPT-3 จึงไม่สามารถจำแนกความแตกต่างจากข้อความที่เขียนขึ้นโดยมนุษย์ ChatGPT ที่กำลังเป็นกระแสอยู่นั้นเปิดตัวโดย OpenAI เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 สร้างขึ้นบนตระกูลของโมเดลภาษาของ GPT-3

ผู้ใช้แพลตฟอร์ม Amity Bots และแอมิตีโซเชียลคลาวด์ (Amity Social Cloud: ASC) ทุกเดือนมีจำนวนมากกว่า 25 ล้านคน และสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรมแล้ว ผลิตถัณฑ์ดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือได้มาตั้งแต่ปี 2020 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.amity.co

About Pawarit Sornin

- จบการศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต - เคยทำงานด้าน Business Development / Project Manager / Product Sales ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Wireless Networking และ Mobility Enterprise ในประเทศ - ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

จีเอเบิล ชี้ 3 Mega Trend ไอที เปลี่ยนโฉมธุรกิจองค์กรไทย พร้อมเป็น Tech Enabler ขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต [PR]

ในยุคที่ธุรกิจองค์กรแข่งขันกันด้วยความเร็ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และผลกำไรที่มากขึ้น การลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจรวมถึงผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจองค์กรต่างๆ กำลังมองหา เพราะการดำเนินธุรกิจองค์กรในสถานการณ์ปัจจุบัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง Competitive Advantage เพื่อเป็นฐานในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่าอาวุธที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากการพัฒนาคนในองค์กรให้เรียนรู้ทักษะด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ตรงกับกระแสทิศทางเทรนด์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและตอบโจทย์ในการสร้างผลกำไรของแต่ละธุรกิจองค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรมก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน

Soft De’but จัดงาน Soft De’but : Breakthrough 2025 เพื่อขอบคุณพาร์ทเนอร์ พร้อมเปิดเวทีอัปเดตโซลูชันแห่งปี 2025 [Guest Post]

Soft De’but  ผู้นำเข้าและพัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก จัดงาน Soft De’but : Breakthrough 2025 เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ณ BDMS Connect …