สำหรับบทความนี้สรุปมาจาก http://www.infostor.com/disk-arrays/future-of-data-storage-8-technologies-changing-storage-1.html นะครับ เพื่อให้ชาว IT บ้านเราได้ตามเทคโนโลยีกันโดยไม่ติดปัญหาทางด้านภาษา ทางทีมงาน TechTalkThai จึงขอมาสรุปอย่างย่นย่อเอาไว้ ว่า 8 เทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนโลกของ Enterprise Storage จะมีอะไรกันบ้างนะครับ
1. Ethernet Hard Drives
ล่าสุด Seagate เพิ่งเปิดตัว Kinetic HDD ซึ่งเป็น Hard Drive ที่มีช่องสำหรับเสียบสาย LAN ด้วยกัน 2 ช่อง สำหรับทำหน้าที่เป็น Object Storage แบบ Key-Value ซึ่งเขียนอ่านข้อมูลผ่าน TCP/IP ได้ด้วย Object Storage API ทำให้การเพิ่มเติม Hard Drive ใน Data Center สามารถทำได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องมี Chassis หรือ Server หรือ Storage Chassis อีกต่อไป รวมถึงยังสามารถทำงานร่วมกับ Hadoop Distributed File System (HDFS), Lustre, GlusterFS และ Cassandra ได้อีกด้วย
แน่นอนว่า Ethernet Hard Drives นี้เกิดมาเพื่อตอบโจทย์ของ Cloud โดยเฉพาะนั่นเอง
2. Helium Filled Disks
HGST บริษัทลูกของ Western Digital เป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ โดยเปิดตัว 6TB Helium Filled Drive ในปี 2013 และปัจจุบันนี้ได้เปิดตัวถึง 10TB แล้ว โดย Helium นี้จะมามีบทบาทในการทำให้ Drive มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าก่อน เพราะมีความร้อนที่เกิดขึ้นจากแรงเสียดทานน้อยลงกว่าเทคโนโลยีเดิม และยังส่งผลให้ประหยัดไฟได้อีกด้วย รวมถึง Helium Filled Drive ทั้งหมดจะถูกซีลปิดไว้อย่างสนิท ทำให้สามารถนำไปใช้งานใน Data Center ที่มีการระบายความร้อนด้วยของเหลวได้ และอนาคต Helium Filled Drive นี้ก็จะมาแทน Drive แบบเดิมทั้งหมดของ HGST
3. Shingled Magnetic Recording (SMR)
ด้วยการจัดเรียง Data Track ภายใน Drives ให้มีการเหลื่อมล้ำกันมากขึ้น ทำให้การจัดเก็บข้อมูลสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก 25% ในขนาดเท่าเดิม แต่เทคโนโลยี SMR นี้ก็ยังมีปัญหาทางด้านประสิทธิภาพสำหรับการเขียนที่แย่กว่าเทคโนโลยีแบบเดิมหรือ PMR มาก โดยในตอนนี้มีเพีง 10TB Helium Drives ของ HGST เท่านั้นที่สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ แต่ก็ถูกวาง Position เอาไว้สำหรับตลาด Cloud Application ที่ไม่เน้นการ Write มากนัก แต่ในอนาคตเมื่อผู้ผลิตหลักอย่าง Seagate, WD และ HGST สามารถแก้ปัญหานี้ได้ SMR จะมาแทน PMR แน่นอน
4. 60TB Heat-assisted Magnetic Recording (HAMR) Drives
เทคโนโลยี HAMR นี้จะใช้เลเซอร์เพื่อสร้างความร้อนในตำแหน่งที่จะทำการเขียนข้อมูล เพื่อให้สามารถเขียน bits ด้วยขนาดที่เล็กกว่าเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบันได้ และอาจทำให้พื้นที่หนึ่งตารางนิ้ว สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 5,000Gb และทำให้ 3.5″ Drive จัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 60TB เลยทีเดียว
5. High Performance Phase Change Memory (PCM)/NAND Hybrid Solid State Storage
Phase Change Memory เป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะมาแทน NAND Memory ใน Solid State ได้ ด้วยการใช้ Chalcogenide Alloy ในสองสถานะ ได้แก่ Crystalline และ Amorphous ซึ่งมีความต้านทานต่างกัน และสามารถใช้เก็บข้อมูลแบบ Binary ได้จากการเปลี่ยนสถานะด้วยความร้อน ซึ่งสามารถเปลี่ยนสถานะได้ประมาณ 1 ล้านครั้ง เหนือกว่า NAND Flash แบบ SLC ในปัจจุบันมาก
แต่เทคโนโลยีนี้ยังมีปัญหาเรื่องมี Write Latency ที่สูง แต่ IBM เองก็ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการสร้าง Hybrid Drive ที่นำ PCM, NAND และ DRAM มาใช้งานร่วมกัน และทำความเร็วได้สูงกว่า SSD ทั่วๆ ไปถึง 275 เท่า
6. New Generation Linear Tape-Open (LTO)
ปัจจุบัน LTO-6 มีความจุที่ 6.25TB หลังจากบีบอัดข้อมูลได้ด้วยอัตรา 2.5:1 และในอีก 2 รุ่นถัดไป จะมีความจุที่ 16TB และ 32TB แต่ในอนาคต LTO-9 และ LTO-10 จะมีความจุหลังบีบอัดอยู่ที่ 62.5TB และ 120TB โดยประมาณ และจะมีความเร็วที่ 1,770MBps และ 2,750MBps ตามลำดับ
7. IBM 154TB Tape
ด้วยความร่วมมือระหว่าง IBM และ Fujifilm ที่สามารถทำการเขียนข้อมูลขนาด 85.9 พันล้านบิตลงบนพื้นที่หนึ่งตารางนิ้วของเทปแม่เหล็กได้สำเร็จ ทำให้มีการคาดการว่าอนาคตเราจะมีเทปขนาด 154TB ใช้ ซึ่งใหญ่กว่า LTO-6 ถึงุ 62 เท่าเลยทีเดียว
8. Genetic Storage
ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์จากประเทศอังกฤษ ได้ประสบความสำเร็จในการเขียนข้อมูลลง DNA และทำการอ่านค่าย้อนกลับมาได้ด้วยความแม่นยำที่ระดับ 100% แล้ว ทำให้ความเป็นไปได้ในการนำ DNA มาเก็บข้อมูลเป็นไปได้สูงขึ้น โดย DNA น้ำหนัก 1 กรัมจะสามารถเก็บข้อมูลได้ราวๆ 2,000TB แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ยังมีราคาค่อนข้างแพงอยู่ แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะมีการนำมาใช้สำหรับการทำ Archiving ข้อมูลที่จำเป็นจะต้องมีการเก็บย้อนหลังเอาไว้เป็นเวลานาน