Generative AI ถือเป็นผู้ช่วยที่หลายคนแทบขาดไม่ได้ ณ ปัจจุบัน แต่สำหรับการใช้งานระดับองค์กรความเป็นส่วนตัวถือเป็นเรื่องที่หลายองค์กรตั้งคำถามเช่นกัน อีกทั้งโดยปกติแล้วการใช้งาน Generative AI ขั้นสูงมักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ใช้งาน Windows 11 ท่านจะได้รับสิทธิ์การเข้าถึง Microsoft Copilot ได้ฟรี ที่สำคัญเมื่อพูดถึงการใช้งานในระดับองค์กร Windows 11 Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยขั้นสูงที่ขาดไม่ได้ต่อการใช้งานขององค์กร
อีกหนึ่งเหตุผลที่ท่านต้องเร่งพิจารณาการเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 คือการหมดอายุของ Windows 10 ภายในปี 2025 ซึ่งช่วงเวลา 1 ปีนับจากนี้ คือความท้าทายที่องค์กรจะต้องเร่งขบคิดถึงการอัปเกรดกันเสียแต่เนิ่นๆ
ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปเรียนรู้กับฟีเจอร์ของ Windows 11 Pro และความสามารถของ Copilot in Windows กันครับ
เริ่มต้นยุคแห่ง Generative AI ได้ฟรี เพียงแค่เริ่มต้นใช้งาน Windows 11
ChatGPT คือ AI สุดล้ำตัวแรก ๆ ที่ทำให้กระแสของ Generative AI เป็นที่รู้จักของโลก แต่รู้หรือไม่ว่า Microsoft คือ ผู้ลงทุนหลักในบริษัท OpenAI ที่เป็นผู้พัฒนา ChatGPT รายใหญ่ ซึ่งต้นตอของ Windows Copilot ก็ได้รับอิทธิพลส่วนหนึ่งมาจากโมเดลของ ChatGPT เช่นกัน ดังนั้น ผู้ที่เคยผ่านการใช้งานเหล่านั้นมาก่อนคงเข้าใจถึงประสบการณ์นั้นได้ไม่ยาก
แต่ประเด็นสิ่งที่สำคัญก็คือใน Windows 11 Professional Edition คือ การใช้งานระดับองค์กรด้วย Microsoft Entra ID จะไม่ถูกจัดเก็บข้อมูลการใช้งาน ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายองค์กรมีความกังวล เทียบกับแนวทางของค่ายอื่น ๆ แล้ว กล่าวได้ว่า Microsoft เป็นมิตรกับข้อบังคับขององค์กรมากกว่า นอกจากนี้ท่านยังไม่จำเป็นที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับความสามารถดังกล่าว
Microsoft ได้นำเสนอช่องทางการเข้าถึง Copilot ไว้หลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ copilot.microsoft.com, Edge Browser, Microsoft 365 และ Windows 11 ซึ่งโมเดลการทำงานไม่ต่างกัน เพียงแต่มีความมุ่งเน้นการใช้งานเฉพาะด้านมากกว่า เช่น Edge Browser เน้นการค้นหาข้อมูลสรุปเนื้อหาจากเว็บไซต์ มากกว่า Microsoft 365 ที่ผนึกความสามารถเข้ากับมุมมองด้านเอกสารอย่างเบ็ดเสร็จ
อย่างไรก็ดีในมุมของ Windows 11 ความสามารถของ Copilot จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น การเปิดเข้าถึงการตั้งค่า Bluetooth ผ่าน Prompt และยืนยันในคลิกเดียว หรือการเข้าถึง Windows Firewall Setting ที่ผู้ใช้งานทั่วไปอาจจะไม่ทราบถึงเมนูการเข้าถึง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ทำให้การทำงานของท่านสะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้งานในแง่ของการแปลภาษา ค้นหาข้อมูล แต่งนิยาย เขียนอีเมล หรืองานทั่วไปได้ตามที่ผู้คนคุ้นเคย ผ่านหน้าต่างการทำงานแนวยาวขวามือของจอ ตามรูปประกอบด้านล่าง
ฟีเจอร์เด่นของ Windows 11 Pro
โดยภาพรวมแล้วแนวคิดของ Windows 11 แต่ละ Edition ย่อมมีจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งในการใช้งานระดับองค์กรการใช้งาน Windows 11 Pro ถือเป็นเรื่องจำเป็น หากกล่าวถึงฟีเจอร์เหล่านี้
1.) Windows Update for Business
ปกติแล้วการอัปเดตแพตช์ของ Windows ที่แล้วมาอาจต้องการความสามารถในการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว เพราะด้วยแพ็กเกจที่มีขนาดใหญ่ แต่ด้วยความสามารถใหม่ในการอัปเดตของ Windows 11 Pro ได้เปิดให้องค์กรสามารถจัดลำดับความสำคัญของการอัปเดตอย่างเป็นลำดับ ซึ่งช่วยให้ลดแบนวิดธ์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้มากถึง 40%
2.) รองรับฮาร์ดแวร์และหน่วยความจำได้มากขึ้น
ในการทำงานขององค์กรในบางกรณีก็จำเป็นต้องใช้งานฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปกติทั่วไป ซึ่ง Windows 11 Pro สามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 2TB ด้วยโปรเซสเซอร์ประมวลผล 2 ตัว หรือ 128 คอร์
3.) รองรับข้อกำหนดของ Windows Pluton
Microsoft Pluton ถือเป็นหนึ่งในข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับ Copilot + PC โดยไอเดียก็คือชิปด้านความปลอดภัยแบบพิเศษที่ Microsoft ผนึกกำลังกับผู้ผลิตชิปนำชิปของตนฝังไว้ใน CPU โดยตรง และทำให้ Windows สามารถอัปเดต Firmware ของชิปได้ แก้ปัญหาการเชื่อมต่อของ TPM ที่อยู่บนเมนบอร์ดแบบเดิมที่ไม่สามารถอัปเกรด Firmware ได้โดยง่าย แถมยังไม่ต้องส่งข้อมูลไปภายนอก CPU ให้เกิดเป็นความเสี่ยง
4.) Group Policy Editor
เมื่อพูดถึงความสามารถในการควบคุมดูแล Group Policy ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งต่อการควบคุมเครื่องให้เป็นไปตาม Compliance ขององค์กร โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ที่มีเครื่องจำนวนมาก เช่น การห้ามเข้าถึงโฟลเดอร์ หรือฮาร์ดแวร์บางอย่าง ตลอดจนการตั้งค่าที่สำคัญ เป็นต้น โดย Windows 11 Pro จะอำนวยความสะดวกเรื่องของการมี gpedit.msc เข้ามาให้เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงความสามารถในการ Join Domain ขององค์กรได้
5.) BitLocker
BitLocker คือ ความสามารถในการเข้ารหัสดิสก์ที่ช่วยการันตีได้ว่าข้อมูลของคุณจะปลอดภัยเสมอจากผู้ไม่หวังดีหรือเมื่ออุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกช่องทางการปลดล็อกได้หลายรูปแบบ เช่น PIN, Password หรือการใช้ USB Drive และเมื่อใช้ควบคู่กับชิปการเข้ารหัสพิเศษ (TPM) BitLocker จะสามารถตรวจความถูกต้องของข้อมูล (Integrity) ได้ว่าไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลในขณะออฟไลน์
6.) Windows Sandbox
Sandbox เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้เครื่องจำลองสำหรับทดสอบกิจกรรมที่ต้องการ เช่น การทดสอบแอปพลิเคชัน การเข้าถึงเว็บไซต์หรือไฟล์ที่ไม่มั่นใจ ซึ่งสามารถเข้าไปเปิดฟีเจอร์นี้ได้โดยตรง
7.) Remote Desktop
Windows Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์ Remote Desktop Protocol (RDP) ที่ทำให้อุปกรณ์อื่นสามารถรีโมตเข้ามาได้ นั่นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทีมแอดมินที่ต้องรีโมตเข้าไปให้บริการผู้ใช้งานในองค์กรเป็นต้น
8.) Assigned Access
การทำงานบางประเภทองค์กรต้องจำกัดการใช้งานให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแอปพลิเคชันเฉพาะกลุ่มที่จำเป็นกับการทำงานได้เท่านั้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในห้องสมุดเปิดให้แค่ค้นหาหนังสือ เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับการทำแลปในการเรียนและห้องทดลอง และ คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ในไลน์การผลิตหน้างาน เป็นต้น
วางแผนแต่เนิ่นเพื่อการเปลี่ยนผ่านจาก Windows 10 อย่างไร้รอยต่อ
Windows 10 จะหมดอายุในการได้รับการดูแล หรืออัปเดตต่าง ๆ ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป นั่นหมายความถึงการที่จะไม่ได้รับการอัปเดตใด ๆ อีกทั้งปัญหาด้านเทคนิค ความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อข้อบังคับหรือการป้องกันความเสี่ยงสำหรับองค์กร
ด้วยเหตุนี้เองเราจึงอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามมาถึงตรงนี้เร่งวางแผนอัปเกรดการเปลี่ยนผ่านจาก Windows 10 สู่ Windows 11 อย่างจริงจัง เพราะการอัปเดตในระดับองค์กรอาจมีผลกระทบต่อการใช้งานแอปพลิเคชันจำนวนมาก หรือปัญหาความไม่คุ้นชินของผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องได้รับการชี้แนะ ท้ายที่สุดแล้วแม้อาจมีทางเลือกเรื่องการซื้อแพ็กเกจขยายเวลาแต่นั่นก็ไม่ใช่ทางที่แก้ไขปัญหาได้ถาวร จะดีกว่าไหมหากท่านสามารถวางแผนไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องลงทุนเพิ่มโดยใช่เหตุ
สนใจผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หรือ Windows 11 Pro License ติดต่อ บมจ. เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) ได้ที่
โทรศัพท์ : 02 020 3000
เว็บไซต์ :www.sisthai.com
Facebook : https://www.facebook.com/SisDistributionThai