การบริหารจัดการธุรกิจและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ได้อย่างต่อเนื่องนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของหลายๆ ธุรกิจไทยที่เติบใหญ่ในระดับพันล้าน บริษัทสหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) เองก็ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ยึดหลักการดังกล่าว และเริ่มก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยื่นด้วยการใช้งาน SAP S/4HANA ในการบริหารจัดการธุรกิจแล้ว
UMI: เมื่อธุรกิจกระเบื้องไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม

หากพูดถึงชื่อ บมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม หรือ The Union Mosaic Industry Public Company Limited (UMI) คนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้นก็อาจจะรู้จักกันดี แต่สำหรับคนทั่วไปก็คงรู้จักกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของ UMI อย่างกระเบื้อง Duragres และ Cergres เสียมากกว่า ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์นี้ต่างก็เป็นแบรนด์กระเบื้องชั้นนำสำหรับใช้ตกแต่งอาคารบ้านเรือนให้มีความสวยงาม พร้อมด้วยความแข็งแกร่งทนทานให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อไปใช้งานได้อย่างมั่นใจ
UMI ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2516 ในฐานะของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้อง และได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในปี พ.ศ. 2532 โดยตั้งเป้าจะเป็นผู้ผลิตกระเบื้องชั้นนำ ด้วยการเริ่มต้นจากการผลิตกระเบื้องแบรนด์ Duragres ที่มุ่งเน้นเรื่องของความแข็งแกร่งและทนทาน พร้อมด้วยความสวยงามเพื่อให้ตอบสนองทุกความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคอีกทั้ง UMI ยังเป็นผู้นำทางด้านการนำเทคโนโลยีการพิมพ์ลายผิวหน้ากระเบื้องเซรามิคด้วยระบบ Digital หรือ Full Hi-Definition Printing Technology เข้ามาใช้ในประเทศไทยอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2555 UMI ได้ประกาศควบรวมกิจการบริษัท ที.ที. เซรามิค จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระเบื้องพอร์ซเลนอันดับ 1 ของประเทศไทย ทำให้แบรนด์ Cergres เป็นส่วนหนึ่งของ UMI เป็นต้นมา
ผลิตภัณฑ์กระเบื้อง UMI ได้มีการพัฒนาทั้งลวดลาย และเทคนิคของการผลิต ที่ทำให้กระเบื้องมีผิวสัมผัสและลวดลาย ที่สามารถทดแทนวัสดุจากธรรมชาติ มีความสวย สมจริง เช่น ลายไม้ ลายหิน และหินอ่อน เป็นต้น อีกทั้งยังคำนึงถึงการใช้งานทั้งภายในและภายนอก โดยยังรักษาคุณสมบัติด้านต่างๆ ให้เป็นไปตามที่มาตรฐาน มอก. กำหนด เพื่อให้ได้กระเบื้องที่ผู้บริโภคสามารถใช้งานได้มั่นใจ

ธุรกิจของ UMI นั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องจนมีรายรับในหลักพันล้านบาทต่อปี และยังมีแผนพัฒนาธุรกิจต่อไปให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้การนำเสนอและเลือกใช้กระเบื้องเป็นเรื่องง่ายที่ผู้บริโภคสามารถทำได้เอง รวมถึงการปรับปรุงระบบบริหารจัดการของธุรกิจให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ UMI ได้ที่ http://www.umi-tiles.com
การบริหารจัดการ คือรากฐานที่สำคัญต่อการเติบโตของ UMI

แนวทางการเติบโตของ UMI นั้นคือการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างนวัตกรรมใหม่ โดยการมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากร เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการได้เป็นอย่างดี ผู้บริหารจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และการนำระบบบริหารจัดการระดับสากลมาประยุกต์ใช้ในองค์กรและพัฒนาปรับปรุงระบบบริหารคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
เดิม UMI มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ในการเสริมกระบวนการในการบริหารจัดการงานต่างๆ มาโดยตลอด และระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP นั้นก็มีความสำคัญสูงในฐานะระบบ Business Application หลักที่จะช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการเติบโตของธุรกิจในปัจจุบัน ระบบ ERP จึงไม่สามารถตอบสนองการใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ
ธุรกิจเติบใหญ่ ระบบ ERP ใหม่จึงจำเป็น
ระบบ ERP เดิมที่ใช้งานอยู่นั้นถึงแม้จะรองรับต่อการดำเนินธุรกิจในอดีต แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงแนวโน้มของการทำ Digital Transformation ที่กำลังเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในภาคธุรกิจการผลิต UMI จึงต้องหาระบบ ERP ใหม่ที่มีความสามารถพื้นฐานครบถ้วน, รองรับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ต้องมีความเร็วสูงเพื่อรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องสามารถเปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ ได้
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าธุรกิจผลิตกระเบื้องจะมีนวัตกรรมอะไรเพิ่มเติมได้ นอกจากนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการผลิตกระเบื้องใหม่ๆ ในส่วนของสายการผลิตแล้ว ทาง UMI เองก็ได้เปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างเช่นการจับมือกับ Homeprise เพื่อเปิดนำเทคโนโลยี 3D, Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) เพื่อแสดงผลกระเบื้องในแบบสมจริงในมุมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อกระเบื้องไปใช้งานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปิดให้เหล่านักออกแบบได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์กระเบื้องมากขึ้น ส่งผลให้สามารถนำไปใช้ในงานออกแบบได้มากขึ้นในอนาคตด้วย

ตัวอย่างดังกล่าวนี้เป็นเพียงหนึ่งในนวัตกรรมที่ทาง UMI ได้ออกมาเปิดเผยแล้ว และหลังจากนี้ก็คาดว่าจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ระบบศูนย์กลางของธุรกิจอย่าง ERP จึงถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ UMI สามารถก้าวต่อไปได้ในเส้นทางของผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมได้ โดยยังคงมีการบริหารจัดการที่ครอบคลุมรองรับต่อธุรกิจใหม่, การผลิตใหม่, กระบวนการใหม่ และนวัตกรรมใหม่ได้พร้อมๆ กัน
UMI เลือกใช้ SAP S/4HANA โดย ISS Consulting รองรับอนาคตที่ต้องเติบโตด้วยนวัตกรรม
UMI ได้เลือกใช้งาน SAP S/4HANA ระบบ ERP ชั้นนำจาก SAP โดยมีบริษัท ISS Consulting (Thailand) Ltd. เป็นผู้ให้บริการด้านระบบ SAP ทั้งหมดตลอดจนให้คำปรึกษา ให้สามารถใช้งานตอบโจทย์ของ UMI ได้ โดยความต้องการเบื้องต้นของ UMI ในระบบ ERP นั้นมีดังนี้
- ครอบคลุมการจัดการด้านการเงิน, การควบคุมต้นทุน, การขาย, การจัดการวัตถุดิบ, การจัดการระบบการผลิตได้
- สามารถปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่น รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตที่ยังมี Requirement ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ต่างๆ
- มีระบบ Business Intelligence เพื่อให้สามารถสร้างรายงานทางธุรกิจได้อย่างคล่องตัว และเข้าถึงข้อมูลธุรกิจได้ตามต้องการ
ISS Consulting ได้ตีโจทย์ข้อนี้ด้วยการเลือกใช้โมดูลต่างๆ ของ SAP ที่เหมาะสม ดังนี้
- SAP Financial Accounting (FI) ระบบบริหารจัดการและควบคุมการเงินขององค์กร สำหรับใช้ในการจัดการธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจ
- SAP Controlling (CO) ระบบบริหารจัดการการวางแผน, การออกรายงาน และการติดตามกระบวนการต่างๆ ในธุรกิจ ที่รองรับทั้งการตรวจสอบและจัดการงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- SAP Materials Management (MM) ระบบบริหารจัดการวัตถุดิบในการผลิต ทั้งการวางแผนการผลิต, การจัดซื้อวัตถุดิบ, การจัดการใบสั่งซื้อสินค้า และอื่นๆ
- SAP Sales and Distribution (SD) ระบบสำหรับบริหารจัดการการขายและการกระจายสินค้า ครอบคลุมตั้งแต่การออกใบเสนอราคา, การกำหนดราคาสินค้า, การออกเอกสารต่างๆ ไปจนถึงการบริหารจัดการคลังสินค้าและการขนส่ง
- SAP Production Planning (PP) ระบบสำหรับการบริหารจัดการการผลิตโดยเฉพาะ ที่ผสานรวมทั้งข้อมูลการผลิต, ข้อมูลคลังสินค้า, ข้อมูลคำสั่งซื้อขาย และอื่นๆ เพื่อให้สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- SAP BOBJ ระบบ Business Intelligence หรือ BI ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายงานด้านธุรกิจต่างๆ ได้รวดเร็วด้วยตนเอง ทำให้การนำข้อมูลทางธุรกิจไปใช้งานนั้นเกิดขึ้นได้อย่างคล่องตัว และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ในทุกที่ทุกเวลา
การเลือกใช้ SAP S/4HANA นี้จะมีข้อดีในแง่ของความเร็วของระบบที่สูงมากพอที่จะพัฒนา Business Application ต่างๆ ต่อยอดได้โดยไม่มีประเด็นด้านประสิทธิภาพของระบบในอนาคต, ความสามารถในการต่อยอดด้วยโมดูลต่างๆ ของ SAP เอง, การรองรับการเชื่อมต่อกับ Mobile Application เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกิจได้จากทุกที่ทุกเวลา และการรองรับการผสานรวมเข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ แห่งอนาคตอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Internet of Things (IoT), Blockchain, Artificial Intelligence (AI), Machine Learning หรือแม้แต่ Cloud ก็ตาม
หลังจากนี้ไป UMI และ ISS Consulting จะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีจาก SAP ต่อยอดเพื่อปรับปรุงให้ระบบมีความเหมาะสมต่อการนำมาใช้งานในธุรกิจเดิมของ UMI ทั้งหมด พร้อมทั้งยังเปิดช่องให้สามารถพัฒนาต่อยอดเพื่อรองรับการเติบโตในด้านต่างๆ ของธุรกิจในอนาคตได้ โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้ธุรกิจของ UMI นั้นสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยข้อมูลในแบบ Data-Driven ในปัจจุบัน ก่อนที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรม Digital ใหม่ๆ ในธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้องชั้นนำของประเทศไทยต่อไป
เกี่ยวกับ ISS Consulting (Thailand) Ltd.
บริษัท ไอเอสเอสคอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบ IT รวมถึงระบบ E-Commerce แบบครบวงจรให้แก่องค์กรขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ และเป็นผู้นำ ด้านการบริการดูแลระบบ SAP (Application Management Services) ในประเทศไทย ที่มีความชำนาญอย่างสูงและมีประสบการณ์มามากกว่า 19 ปี
ปัจจุบัน บริษัท ไอเอสเอสคอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการแต่งตั้งจาก SAP ให้เป็นพาร์ทเนอร์ระดับ Platinum ที่มุ่งเน้นนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นประโยชน์กับองค์กรธุรกิจหลากหลาย
นอกจากนี้หากผู้อ่านนักการตลาดที่อยากจะปรึกษาเรื่องSAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรมากขึ้น ISS Consulting พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ ISS Consulting (Thailand) ได้ที่ http://www.issconsulting.co.th/ หรือโทร 02 237 0553