ก้าวสู่คลาวด์ในฐานะผู้นำธุรกิจ E-Commerce: ถอดบทเรียนครั้งสำคัญของ Ascend Commerce มุ่งสู่ Cloud Transformation

ทุกวันนี้ธุรกิจทั่วโลกต่างต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค Digital Transformation ไม่เว้นแม้แต่องค์กรขนาดใหญ่ที่ต่างต้องปรับตัวให้ทันโลกยุค New Normal ทีมงาน TechTalkThai ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Jorge Luis Perez Renteria, Head of DevOps แห่งบริษัท Ascend Commerce ถึงความท้าทายที่บริษัทเผชิญในปัจจุบัน รวมไปถึงการตัดสินใจมาเลือกใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

รู้จัก Ascend Commerce กับความเชื่ออันยิ่งใหญ่เพื่อลูกค้าคนสำคัญ

Ascend Commerce เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจ E-Commerce สัญชาติไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มุ่งเน้นการทำธุรกิจออนไลน์อย่างครอบคลุม โดยเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้าน E-Commerce มากมาย อย่างเช่น WeMall ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่เน้นจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดัง, WeLoveShopping เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าหลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมบริการอื่น ๆ อาทิ บริการ E-Procurement ภายใต้ชื่อ พันธวณิช (Pantavanij) ผู้ให้บริการโซลูชันและแพลตฟอร์มการจัดซื้ออิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร อีกทั้งยังมี Aden ผู้ให้บริการ Fulfillment & Logistics ที่พัฒนานวัตกรรมสำหรับระบบงานคลังและระบบโลจิสติกส์, Egg Digital ให้บริการการตลาดแบบครบวงจร, Goodchoiz แพลตฟอร์มจำหน่ายเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงานคุณภาพดี รวมไปถึงบริการด้านการท่องเที่ยวและสันทนาการอย่าง Ascend Travel ด้วย

เมื่อกล่าวถึงค่านิยมหลัก (Core Value) ที่บริษัทยึดถือนั้น คุณ Jorge กล่าวว่า Ascend Commerce ให้ความสำคัญกับลูกค้าสูงสุด บริษัทพร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่ให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างอย่างตรงไปตรงมา และการเปิดโอกาสตอบรับความคิดใหม่ ๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของธุรกิจจริง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความหวังที่จะสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาให้กับประเทศไทย ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายได้ แน่นอนว่ากำลังสำคัญย่อมเป็นพนักงานของบริษัทที่เป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ ดังนั้น Ascend Commerce จึงเน้นสร้างวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมที่ดีภายในองค์กรด้วย

Ascend Commerce กับความท้าทายครั้งใหญ่ในยุค Digital Transformation

คุณ Jorge มองว่า แม้ว่าทุกวันนี้จะมีความยุ่งยากวุ่นวายเกิดขึ้นพร้อมกับความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญมากมาย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะสิ่งที่ต้องทำคือการยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น ความท้าทายของบริษัทต่อการเปลี่ยนแปลงในยุค Digital Transformation คือ จะทำอย่างไรให้บริษัทยังคงรักษาคุณภาพไว้ได้ในระดับดี พร้อมกับยังมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ ซึ่งทางออกก็คือ บริษัทต้องมีความยืดหยุ่นปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงการเปลี่ยนระบบและบริการต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อตอบสนองต่อตลาดใหม่

Ascend Commerce พร้อมตั้งรับวิกฤติ COVID-19 และเดินหน้าต่อ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 นี้ Ascend Commerce ต้องเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการ แต่เนื่องด้วยบริษัทประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับออนไลน์อยู่แล้ว การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจึงมีผลกระทบต่อการดำเนินงานไม่มากนัก โดยเริ่มต้นจากการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) การเตรียมความพร้อมของพนักงานให้สามารถปรับตัวกับสถานการณ์การทำงานในรูปแบบดิจิทัลต่าง ๆ ซึ่งคุณ Jorge เผยว่า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดและฉับไวของผู้บริหารที่อยู่เบื้องหลังความพร้อมตั้งรับต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ นอกจากรูปแบบการทำงานภายในบริษัทแล้ว Ascend Commerce ยังต้องปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลอันเนื่องมาจากความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น 

อีกข้อจำกัดที่ Ascend Commerce ก้าวข้ามมาได้ในช่วงวิกฤติ คือ การสรรหาพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จากเดิมด้วยสถานการณ์ล็อกดาวน์ที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของพนักงาน ทำให้พนักงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการพัฒนาโซลูชันด้านคลาวด์ต่างเริ่มย้ายออกจากกรุงเทพฯ หรือถึงขั้นย้ายออกนอกประเทศด้วย เมื่อพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญอยู่กันอย่างกระจัดกระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ บริษัทจึงต้องหาวิธีการที่ยืดหยุ่นด้วยการเฟ้นหาเปิดรับพนักงานจากทุกพื้นที่ให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ ลดข้อจำกัดด้านการเดินทาง รวมถึงได้พนักงานที่มีทักษะความเชี่ยวชาญตรงกับความต้องการของบริษัทด้วย

แรงขับเคลื่อนสู่ Cloud Transformation

ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นกลายเป็นแรงผลักดันให้ Ascend Commerce หันมาเลือกใช้คลาวด์เป็นโซลูชันในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าผู้ใช้งาน

เหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทนำคลาวด์มาใช้งาน คือ บริษัทต้องการเปลี่ยนแปลงโดยใช้แพลตฟอร์มที่รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น และด้วยจุดเด่นของคลาวด์ที่ใช้งานง่าย รองรับการทำ Prove of Concept (POC) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทำให้เมื่อมีไอเดียใหม่ ๆ ก็สามารถทดลองได้ทันทีพร้อมใช้งานเพื่อดูว่าแนวคิดนั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจากเดิมที่ใช้เวลานานเป็นหลาย ๆ สัปดาห์ อีกทั้งยังสามารถปรับขนาดโซลูชันตามการใช้งาน พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้งานหลายล้านรายตามแต่สถานการณ์ 

คุณ Jorge ยังกล่าวถึงภาพรวมของตลาดว่าในช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของ COVID-19 ความต้องการด้าน Fulfillment และ Delivery พุ่งสูงขึ้นถึง 10 เท่า หากบริษัทยังใช้ระบบเป็น On-premises อยู่ อาจต้องเผชิญความยุ่งยากในการจัดหาฮาร์ดแวร์มารองรับการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น ระยะเวลาดำเนินการค่อนข้างนาน และในกรณีที่ความต้องการการใช้งานลดลง ต้นทุนค่าใช้จ่ายก็จมลงไปกับอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานเหล่านั้นและส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการของบริษัท ดังนั้น คลาวด์จึงเป็นนวัตกรรมที่ Ascend Commerce เลือกที่จะนำมาประยุกต์กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอง

คลาวด์กับการประยุกต์ใช้จริงในธุรกิจของ Ascend Commerce

เพื่อไขข้อสงสัยว่า Ascend Commerce ประยุกต์ใช้คลาวด์กับธุรกิจที่มีมากมายได้อย่างไร คุณ Jorge ยก 3 กลยุทธ์ของบริษัทมาพูดถึง ดังนี้

1. กลยุทธ์ Cloud-native Small Applications

Ascend Commerce พัฒนาแอปพลิเคชันให้เป็น Cloud-native และสร้างแอปพลิเคชันย่อย ๆ มาใช้งานร่วมกัน เพื่อให้ง่ายต่อการนำบางส่วนของแอปพลิเคชันนั้น ๆ ไปใช้ เช่น ระบบการชำระเงิน ที่สามารถนำไปใช้กับบริการอื่น ๆ ของบริษัทได้ เป็นต้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์อันชาญฉลาดมากกว่าการพัฒนาแอปพลิเคชันเดี่ยว ๆ แยกกัน นับว่าเป็นการช่วยลดความซ้ำซ้อนในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อีกด้วย

2. กลยุทธ์จัดระเบียบแอปพลิเคชันที่สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ

Ascend Commerce ปรับปรุงพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ โดยศึกษาและติดตามผลตลอดว่า แนวคิดใดเหมาะที่จะนำไปพัฒนาต่อ หรือแนวคิดใดไม่เกิดประสิทธิผลก็ควรยกเลิกไป อีกทั้งต้องรู้ถึงผลตอบรับการใช้งานซึ่งได้มาจากการคอยติดตามผลว่ามีความผิดพลาด (Error) ที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด แอปพลิเคชันทำงานได้เร็วตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานหรือไม่ เมื่อทีมงานทราบถึงผลตอบรับแล้ว ก็ทำให้ทุกฝ่ายได้รับทราบถึงสิ่งที่ส่งผลต่อธุรกิจ และนำฟีดแบคนั้นไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป

3. กลยุทธ์ปรับใช้ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เป้าหมายหลักของ Cloud-native Application Framework คือ การพัฒนาแอปพลิเคชันที่สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ บริษัทยึดมั่นในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่รวดเร็วขึ้นหรือสร้างนวัตกรรมบริการใหม่ ๆ ออกมา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกนวัตกรรมเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ แต่บางครั้งเป็นสิ่งเดิมที่สามารถนำไปต่อยอดการใช้งานได้ อัปเดตให้พร้อมใช้งานจริงได้ และสามารถทำงานบนคลาวด์ได้ ซึ่งในท้ายที่สุด ทุกสิ่งก็จะเชื่อมโยงกัน เกิดเป็นโซลูชันและแพลตฟอร์มที่ดีกว่าเดิมและควรค่าแก่การลงแรงและลงทุน

คลาวด์คือคำตอบเพื่อความคุ้มค่าทางธุรกิจ

หากสงสัยว่าเทคโนโลยีคลาวด์ช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางธุรกิจและการดำเนินงานอย่างไร คุณ Jorge ได้เล่าถึงประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับจากการประยุกต์ใช้คลาวด์กับธุรกิจ ทั้งในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้งาน ต้นทุนการพัฒนาโซลูชันที่ลดลง การดำเนินการที่รวดเร็วขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานด้วย

1. ลดความยุ่งยากซับซ้อนของระบบ

เมื่อเริ่มผนวกการใช้งานแอปพลิเคชันในเซิร์ฟเวอร์หรือศูนย์ข้อมูล (Data Center) จำเป็นต้องคำนึงถึงขนาดของศูนย์ข้อมูลที่ใช้และสถานที่ติดตั้งเพื่อความปลอดภัย ในกรณีที่ระบบเกิดเหตุขัดข้องในศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่ง ก็ควรต้องมีศูนย์ข้อมูลอื่นสำรองเพื่อให้ทำงานต่อได้ในประเทศ การใช้งานบนคลาวด์จะช่วยลดความซับซ้อนของการติดตั้งระบบ หรือหากระบบมีปัญหาก็สามารถติดต่อผู้ให้บริการคลาวด์ในการเพิ่มลดการปรับใช้งานตามสถานการณ์และตามพื้นที่ได้

2. ยืดหยุ่นอย่างยั่งยืน

ด้วยคุณสมบัติเด่นของคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า เมื่อมีโปรเจกต์ใหม่ บริษัทก็สามารถผสานการใช้งานเข้ากับระบบคลาวด์และคำนวณได้ว่าต้องใช้จำนวนระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในมากน้อยเพียงใดในขนาดเท่าไรจึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดในขณะนั้น ในกรณีที่ไม่มีลูกค้าใช้งาน ก็ปรับขนาดให้เล็กลงได้ หรือหากมีแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ดีและกำลังเป็นที่นิยม ก็สามารถปรับขนาดหรือย้ายไปใช้งานในส่วนอื่นได้อย่างคล่องตัว ทำให้องค์กรสามารถส่งมอบบริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าที่ดีขึ้นไปด้วย 

3. คุ้มค่า คุ้มทุน

นอกจากความยืดหยุ่นในการปรับใช้งานแล้ว คลาวด์ยังช่วยให้บริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการได้ด้วย แทนที่จะลงทุนก้อนใหญ่ไปกับการพัฒนาโซลูชันขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวแบบเดิม ๆ บริษัทหันมาพัฒนาโซลูชันย่อย ๆ แล้วติดตามตรวจสอบการใช้งานทีละส่วน จากนั้นก็พัฒนาต่อยอดในส่วนที่มีผลตอบรับเชิงบวก นับว่าเป็นการลดต้นทุนในการพัฒนาโซลูชัน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการด้วย

4. โฟกัสถูกจุด พัฒนาการทำงานได้ถูกทิศทาง

เมื่อรูปแบบการบริหารจัดการแอปพลิเคชันง่ายขึ้นด้วยคลาวด์แล้ว ก็ส่งผลให้พนักงานสามารถโฟกัสกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการได้ดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หมดห่วงเรื่องระบบโครงสร้างพื้นฐานและการเสียเวลาไปกับการจัดการปัญหาเชิงเทคนิค ด้วยความเชื่อมั่นว่าระบบจะทำงานได้ดีด้วยตัวมันเอง

Ascend Commerce x AWS ผู้อยู่เบื้องหลังคลาวด์

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ascend Commerce สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างไม่สะดุด คือ การมีพาร์ตเนอร์ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับโลกอย่าง Amazon Web Services (AWS) ซึ่งคุณ Jorge ได้ให้ความเห็นถึงบริการของ AWS ไว้หลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นด้านความครอบคลุมของ Availability Zone ในประเทศต่าง ๆ ทำให้รองรับการขยายธุรกิจไปในภูมิภาคต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ในด้านการบริการลูกค้า ทีมงาน AWS เข้ามาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้น รวมถึงการออกแบบสถาปัตยกรรม สอบถามปัญหาการใช้งาน และเข้ามาอบรมการใช้งานให้ลูกค้ามีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านคลาวด์มากยิ่งขึ้น ทำให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นและง่ายดายสำหรับผู้เริ่มต้น และในด้านความมั่นคงปลอดภัย หาก AWS พบว่ามีความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น AWS จะให้คำแนะนำพร้อมออกแบบแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนั้นขึ้น นอกจากนี้ AWS ยังมีจุดเด่นสำคัญคือ ความหลากหลายของบริการพร้อมเครื่องมือและผลิตภัณฑ์การใช้งานที่ตอบโจทย์เพื่อธุรกิจ E-Commerce โดยเฉพาะ ซึ่งใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถปรับขนาดได้ตามปริมาณการใช้งาน จึงทำให้ AWS เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีระบบนิเวศน์ที่ครอบคลุมที่สุดรายหนึ่ง

True IDC พร้อมอยู่เคียงข้าง

อีกหนึ่งพาร์ตเนอร์คนสำคัญผู้ให้บริการคลาวด์ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Ascend Commerce คือ True IDC ซึ่งเข้ามาเติมเต็มในมุมของการออกแบบคลาวด์โซลูชันที่ตรงกับบริบทของการทำธุรกิจในประเทศไทย พร้อมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เป็นคนไทย มีความรู้และความสามารถเฉพาะทาง และเข้ามาให้ความช่วยเหลือได้ถึงหน้างาน ตัดปัญหาเรื่องข้อจำกัดด้านภาษา ทำให้สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับพนักงานในบริษัทได้อย่างราบรื่น 

“การที่ True IDC เข้ามาดูแลด้านโครงสร้างพื้นฐานพร้อมกับการสร้างโซลูชันเชิงเทคโนโลยีที่เหมาะสมจึงช่วยให้ Ascend Commerce สามารถโฟกัสการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงธุรกิจได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคอยกังวลกับเรื่องระบบหลังบ้านส่งผลให้กระบวนการทำงานเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว” คุณ Jorge กล่าว

นอกจากนี้ True IDC เองก็มีแนวทางการบริหารจัดการสอดคล้องกับรูปแบบการทำธุรกิจของ Ascend Commerce ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้ไปพร้อมกับการลดต้นทุนการดำเนินงาน ด้วยเหตุนี้ Ascend Commerce จึงร่วมมือกับ True IDC ในเรื่องการจัดการงบประมาณจากโซลูชันอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้บริษัทลดต้นทุนการดำเนินการรวมถึงควบคุมการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายสำหรับโซลูชันนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง True IDC เป็นบริษัทไทยที่ตั้งอยู่ในประเทศ สามารถช่วยเติมเต็มข้อจำกัดด้านกฎระเบียบการชำระเงินและภาษี จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า True IDC เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ท้ายสุดนี้ คุณ Jorge ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า สำหรับผู้ที่ต้องการมองหาผู้ให้บริการโซลูชันคลาวด์ที่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้ว่าบริษัทจะเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนนั้น ก็สามารถไว้วางใจให้ True IDC ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเข้าใจวัฒนธรรมของบริษัทไทยได้เข้ามาช่วยดูแลองค์กรของคุณไปสู่ Cloud Transformation ตามรอยความสำเร็จร่วมกันไปกับ Ascend Commerce ที่นำร่องใช้คลาวด์เข้ามาประยุกต์ใช้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทและก้าวไปสู่เป้าหมายที่มุ่งหวังไว้ในยุค Digital Transformation เช่นกัน

ผู้ที่สนใจบริการคลาวด์จาก True IDC สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.trueidc.com หรือ โทร 02-494-8300

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Stainless Software ระดมทุน 25 ล้านดอลลาร์ ดัน AI สร้าง SDK อัตโนมัติ รองรับนักพัฒนานับล้าน

Stainless Software ซึ่งใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยบริษัทต่าง ๆ ในการสร้างชุดพัฒนาโปรแกรม (SDK) สำหรับแอปพลิเคชันและบริการของตัวเอง ประกาศว่าระดมทุนได้ 25 ล้านดอลลาร์ ในรอบการระดมทุน Series A

Google Willow ชิปควอนตัมใหม่ล่าสุด ที่เอาชนะ Supercomputer แบบไม่เห็นฝุ่น และแสงสว่างสู่การใช้จริง

Google ได้อวดผลงานใหม่ล่าสุดกับงานวิจัยด้าน Quantum Computing กับชิปควอนตัมที่ชื่อว่า ‘Willow’ โดยใช้เวลาประมวลผลเพียง 5 นาทีแก้ปัญหาได้เท่ากับ Supercomputer ที่ต้องใช้เวลาที่เรียกได้ว่าตลอดกาล นอกจากนี้ทีมงาน Google ยังได้เพิ่มศักยภาพในการแก้ไขข้อผิดพลาดได้เจ๋งที่สุดตั้งแต่ทฤษฎีที่นำเสนอมาแล้วกว่า 30 …