Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

สรุปงานสัมมนา SUSE Expert Days 2018 กับการให้บริการ Private Cloud, Public Cloud และ Container ด้วย SUSE

ที่ผ่านมาทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปร่วมงานสัมมนา SUSE Expert Days 2018 ในประเทศไทยเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ของ SUSE กับการนำระบบ Linux ระดับองค์กรมาให้บริการ Cloud ในรูปแบบที่หลากหลาย จึงขอสรุปเนื้อหาให้ผู้อ่านทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ

 

 

Linux เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดองค์กร ในฐานะเทคโนโลยีทางเลือกหลักสำหรับการสร้างระบบ Cloud

งานสัมมนาครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการที่ SUSE ออกมาเล่าสรุปถึงภาพรวมของ SUSE กับสถานการณ์ของการใช้งาน Linux ในระดับองค์กรกันก่อน ซึ่งก็มีสถิติที่น่าสนใจดังนี้

  • 70% ของระบบ SAP บน Linux นั้นใช้ SUSE
  • 90% ของระบบ SAP HANA บน Linux นั้นใช้ SUSE
  • 50% ของระบบ High Performance Computing บน Linux นั้นใช้ SUSE
  • 10 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นใช้ SUSE
  • 80% ของบริษัทใน Fortune Global 50 นั้นเป็นลูกค้าของ SUSE
  • 7 ใน 10 ของบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลกใช้ SUSE Linux Enterprise
  • 10 ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นเป็นลูกค้าของ SUSE
  • 4 ใน 5 ของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นใช้ SUSE Linux Enterprise
  • 9 ใน 10 ของธุรกิจด้านอวกาศที่ใหญ่ที่สุดนั้นใช้ SUSE
  • 7 ใน 10 ของธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาใช้ SUSE
  • 7 ใน 10 ของธุรกิจโรงงานและการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกใช้ SUSE Linux Enterprise

จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่า Linux จะเป็น Open Source Software ที่ใครๆ นำไปใช้ฟรีๆ ก็ได้นั้น เหล่าบรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่ในโลกต่างก็ให้ความเชื่อมั่นและไว้ใจในเทคโนโลยีจาก SUSE ที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับของ Linux และโซลูชัน Open Source Software อื่นๆ ด้วย ซึ่งการเลือกใช้โซลูชันในระดับ Commercial ที่มีค่าใช้จ่ายและมีบริการจากทาง SUSE นี้เองก็ยิ่งทวีความสำคัญต่อเหล่าธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ที่ระบบ IT นั้นมีความสำคัญนอกเหนือไปจากความคาดหวังเพียงแค่ใช้งานตอบสนองผู้ใช้งานได้เท่านั้น กลายไปเป็นระบบที่ต้องสามารถทำงานได้ตลอด 24×7 และต้องมีความมั่นคงปลอดภัยในระดับสูง รับมือกับภัยคุกคามที่มีความซับซ้อนและรุนแรงได้ด้วย

 

10 เทรนด์เทคโนโลยีพลิกโฉมธุรกิจทั่วโลก

 

Credit: SUSE

 

ท่ามกลางกระแสการทำ Digital Transformation ที่ทำให้เทคโนโลยีระบบ IT นั้นกลายเป็นศูนย์กลางของทุกๆ ธุรกิจในทุกๆ อุตสาหกรรม ทาง SUSE ได้สรุป 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองเอาไว้ดังนี้

  • AI/Machine Learning
  • Robotics
  • IoT
  • Autonomous Vehicle/Drone
  • Big Data Analytics
  • 3D Printing
  • VR/AR
  • Blockchain
  • Cloud/Mobile/SDx
  • Cyber Security

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นมีความหลากหลายค่อนข้างสูง และเหล่าธุรกิจต่างๆ เองก็ไม่อาจรู้ชัดได้ว่าเทคโนโลยีใดจะเข้ามาส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของตนเองอย่างรุนแรงเมื่อไหร่ ดังนั้นสิ่งที่เหล่าธุรกิจองค์กรต้องเตรียมให้พร้อมนั้นก็คือระบบ IT Infrastructure ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของโครงการที่องค์กรต้องการริเริ่มใหม่ๆ เพื่อสร้างนวัตกรรมได้อย่างทันท่วงที รวมถึงหากมีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก็ต้องสามารถเปิดรับเทคโนโลยีเหล่านั้นเข้ามาทำการทดสอบเพื่อมองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้ทันต่อการแข่งขันที่รวดเร็วและคาดการณ์ได้ยากในทุกวันนี้

 

เมื่อ Software สร้างความเป็นไปได้ในทุกๆ อย่าง Linux ก็คือระบบปฏิบัติการที่ถูกเลือกใช้งาน

 

Credit: SUSE

 

อย่างไรก็ดี ถึงแม้เทรนด์ที่ทาง SUSE จะนำเสนอมานั้นจะมีมากถึง 10 รายการด้วยกัน แต่หลายๆ เทคโนโลยีเองนั้นก็มีเทคโนโลยี Open Source อยู่เบื้องหลังเป็นพื้นฐาน ในขณะที่ความต้องการในการขยายระบบ IT และเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลเองนั้นก็หมายถึงการที่เหล่าองค์กรต้องมีการเพิ่มเติมทรัพยากรในระบบ IT อย่างต่อเนื่อง และการบริโภค Software เองก็ต้องเติบโตเป็นเงาตามตัวไปด้วย

ด้วยโจทย์ดังกล่าว การเลือกใช้ Open Source Software ที่มีความยืดหยุ่นสูงและช่วยให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้นั้นจึงกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ขององค์กร ซึ่งนอกจากระบบปฏิบัติการอย่าง Linux แล้ว เทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งในส่วนของ Virtualization, Cloud, Storage, Container, DevOps และอื่นๆ เองนั้นก็มีเทคโนโลยี Open Source เป็นผู้นำของวงการอยู่ การเลือกใช้ Linux คู่กับเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อให้องค์กรมีอิสระในการใช้งานและการปรับแต่งที่สูงจึงกลายเป็นทางเลือกที่เหล่าองค์กรนิยม ในขณะที่การเปิดรับนำโครงการ Open Source Software ใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องก็กลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป

SUSE นั้นได้วางตัวเองอยู่ในฐานะของผู้ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถเปิดรับเทคโนโลยี Open Source Software มาใช้งานในธุรกิจให้ได้มากที่สุด ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้

  • การนำ Open Source Software มาใช้ในการตอบโจทย์ของธุรกิจเป็นหลัก และปรับแต่งให้เทคโนโลยี Open Source Software นั้นสามารถทำงานได้ตรงต่อความต้องการของภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของประสิทธิภาพ, ความง่ายในการใช้งาน, ความสามารถเสริมสำหรับช่วยในการดูแลรักษาและบริหารจัดการ, ความทนทาน และความมั่นคงปลอดภัย
  • ทำการทดสอบความเสถียรของระบบ Open Source Software เมื่อต้องมีการทำงานร่วมกัน เพื่อรับประกันต่อภาคธุรกิจว่าการนำไปใช้งานจริงนั้นจะไม่เกิดปัญหาจนสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ
  • การเลือกใช้ส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งมาจากโครงการ Open Source ที่หลากหลาย โดยคัดเลือกเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสมที่สุดมาใช้ในแต่ละงาน ทำให้องค์กรไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
  • การเปิดเทคโนโลยีให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ภายนอกเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีเดิมที่องค์กรใช้งานอยู่ หรือเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อให้องค์กรมีทางเลือกในการใช้งานเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจได้มากที่สุด

 

Private Cloud, Public Cloud, Container: SUSE ตอบได้ทุกโจทย์

 

Credit: SUSE

 

กลยุทธ์หลักของ SUSE ในปีนี้ก็คือโซลูชัน SUSE Software-Defined Infrastructure & Application Delivery ที่นำเทคโนโลยี Open Source Software ผสานกับเทคโนโลยีจาก SUSE เองเพื่อนำมาประกอบร่วมกัน ทำให้องค์กรสามารถสร้าง Hybrid Cloud Data Center ที่สามารถเพิ่มขยายระบบย่อยภายในได้อย่างอิสระตามความต้องการ รองรับทั้งการใช้ Physcal Server, Cloud Server, Virtualization และ Container ร่วมกันได้ในระบบเดียว และบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง โดยมีส่วนประกอบที่น่าสนใจดังนี้

  • ระบบปฏิบัติการ ใช้ Linux จาก SUSE เป็นหลัก
  • ระบบ Hypervisor รองรับได้ทั้ง KVM และ Xen
  • ระบบ Storage ใช้ Ceph ให้บริการเป็นหลัก และบริหารจัดการผ่าน openATTIC
  • ระบบ Network ใช้ OPNFV, OvS, DPDK และ ONAP ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน
  • ระบบ Private Cloud IaaS ใช้ OpenStack
  • ระบบ Public Cloud ทำการจับมือร่วมกับ Microsoft Azure, Google, AWS และ IBM เพื่อให้สามารถให้บริการด้วยเทคโนโลยีของ SUSE ได้
  • ระบบ Container Management ใช้ Kubernetes
  • ระบบ PaaS ใช้ CloudFoundry
  • ระบบบริหารจัดการ ใช้ Spacewalk, SALT, Monasca

SUSE ได้ใช้เทคโนโลยี Open Source Software เหล่านี้เป็นส่วนประกอบในโซลูชันของตนที่ผ่านการทดสอบการทำงานร่วมกันมาแล้วอย่างสมบูรณ์ ทำให้องค์กรที่กำลังมองหาโซลูชันด้านระบบ Cloud ที่สามารถตอบโจทย์ต่อการเพิ่มขยายและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตมาปรับใช้อย่างยืดหยุ่นนั้น สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีจาก SUSE ในระบบ IT Infrastructure ทั้งหมดได้อย่างครอบคลุม

การเลือกใช้เทคโนโลยีจากผู้ผลิตเพียงรายเดียวภายใน Private Cloud และ Public Cloud ร่วมกันได้นี้จะสร้างความได้เปรียบในระยะยาวให้กับองค์กรในอนาคต ด้วยความยืดหยุ่นในการโยกย้ายเทคโนโลยีต่างๆ ไปทำงานบนระบบที่ต้องการได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่ต้องมีการปรับแก้หรือมีการปรับแก้น้อยมาก ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การทำ Automation ที่จะช่วยลดภาระด้านการดูแลรักษาและบริหารจัดการระบบ IT ลง ทำให้องค์กรสามารถเร่งสร้างนวัตกรรมต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งกว่าคู่แข่ง และสามารถเพิ่มขยายระบบให้ตอบรับต่อความต้องการที่มากขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างทันท่วงที

 

จับมือกับ Microsoft ให้บริการโซลูชัน Open Source สำหรับองค์กรผ่าน Microsoft Azure

ในฐานะที่ Microsoft เองนั้นก็มาเป็นหนึ่งใน Sponsor ของงานครั้งนี้ ทาง SUSE จึงถือโอกาสเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่าง SUSE และ Microsoft ในระยะยาวที่จะทำให้องค์กรมีทางเลือกในการใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น โดย Microsoft ได้จับมือกับ SUSE เพื่อให้บริการโซลูชันต่างๆ ของ SUSE บนบริการ Cloud ชั้นนำอย่าง Microsoft Azure ดังนี้

  • ให้บริการ SUSE Open Source Solutions บน Azure ทำให้เหล่าองค์กรสามารถสร้าง Hybrid Cloud ด้วยเทคโนโลยีของ SUSE ร่วมกับ Microsoft Azure ได้ทันที
  • ให้บริการ SAP บน Microsoft Azure โดยใช้เทคโนโลยีของ SUSE ทำหน้าที่เป็นรากฐานให้กับเทคโนโลยีต่างๆ ของ SAP ทำให้องค์กรสามารถเพิ่มขยายระบบ ERP ของธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมเสริมความทนทานและความมั่นคงปลอดภัยได้ในระดับที่ต้องการ
  • มีการพัฒนาโซลูชันต่างๆ ของ Microsoft ให้สามารถติดตั้งใช้งานได้บน SUSE Linux Enterprise Server เช่น Microsoft SQL Server, .NET Core เพื่อให้องค์กรมีทางเลือกในการใช้ระบบปฏิบัติการมากขึ้น
  • การเปิดให้โหลด SUSE Linux สำหรับใช้ทดสอบและพัฒนา Software ได้บน Windows 10 และ Windows Store โดยตรง

 

 

จับมือกับ VNOHOW เพื่อให้บริการฝึกอบรมเทคโนโลยีของ SUSE อย่างเป็นทางการในไทย

VNOHOW ที่เป็น Sponsor อีกรายหนึ่งของงานนี้ก็มาร่วมนำเสนอคอร์สฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีต่างๆ ของ SUSE เพื่อให้เหล่า System Engineer ได้รู้จักกับเทคโนโลยีของ SUSE ตั้งแต่ระดับของระบบปฏิบัติการขึ้นมาจนถึงการดูแลรักษาในชั้นสูง สำหรับใช้ในการดูแลรักษาระบบ Produdction หรือระบบ Cloud ที่พัฒนาต่อยอดจาก SUSE ได้

 

เปิดบริการ Cloud ในไทยร่วมกับ SIS ด้วย OpenStack

ในงานสัมมนาครั้งนี้ยังได้เล่าถึงการที่ SIS ซึ่งเป็นผู้จัดงานหลักและเป็นตัวแทนจำหน่ายของ SUSE ในประเทศไทยซึ่งมีความพร้อมทางด้านการสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีของ SUSE เป็นอย่างสูง ได้เปิดบริการ Cloud ที่ใช้ OpenStack ของ SUSE เป็นหลักสำหรับตอบโจทย์เหล่าองค์กรที่ต้องการเช่าใช้ระบบ Linux สำหรับรองรับ Mission Critical Workload และระบบ ERP โดยเฉพาะด้วย

นอกจากนี้ในอนาคต SIS และ SUSE เองก็มีแผนที่จะเปิดบริการ Container Cloud ด้วยการใช้ SUSE ด้วยเช่นกัน ก็ถือว่าเป็นอีกก้าวที่น่าจับตามองไม่น้อยทีเดียวกับแนวทางดังกล่าว

 

ติดต่อตัวแทนจำหน่ายของ SUSE เพื่อขอคำปรึกษาได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจใช้งานระบบปฏิบัติการ SUSE Linux Enterprise Server ภายในองค์กร สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายของ SUSE ได้ทันที ที่ SiS Distribution (Thailand) PCL โดยมีรายละเอียดดังนี้

และสำหรับผู้ที่ต้องการติดต่อทีมงาน SUSE โดยตรง สามารถติดต่อได้ทันทีที่ AseanSales@suse.com หรือติดตามข่าวสารของ SUSE ASEAN ได้ที่ https://www.facebook.com/suseasean/

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Cisco ปิดดีลเข้าซื้อ Splunk มูลค่า 1 ล้านล้านบาท

หลังจากผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจนได้รับอนุมัติเรียบร้อย ล่าสุดทาง Cisco ได้ประกาศถึงความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของ Splunk ที่มูลค่า 28,000 ล้านเหรียญหรือราวๆ 1 ล้านล้านบาทอย่างเป็นทางการแล้ว

NVIDIA เปิดตัว NIM Microservices และ Cloud Endpoints ใหม่ ช่วยองค์กรพัฒนา Generative AI ใช้งานได้สะดวกขึ้น

NVIDIA เปิดตัว API และเครื่องมือใหม่สำหรับการพัฒนาและใช้งาน Generative AI ในงานสัมมนา NVIDIA GTC 2024 ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาและนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้งานสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนการจัดเตรียมข้อมูล ปรับแต่งโมเดล ไปจนถึงการรักษาความปลอดภัยด้วย Guardrails