SiS จับมือ ZStack ช่วยลูกค้ารับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาด Cloud Computing ในประเทศไทย

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาบริษัท SiS ได้ประกาศเปิดตัวความร่วมมือกับผู้ให้บริการโซลูชันสำหรับ Cloud Computing รายใหญ่จากจีนที่ชื่อ Zstack

ที่มาของความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของ VMware ที่มุ่งเน้นถึงลูกค้ารายใหญ่ สะท้อนได้จากการยกเลิกระบบซื้อขาด (Perpetual) สู่การเป็นการซื้อรายปี Subscription โดยเมื่อคำนวณถึงต้นทุนในอนาคตพบว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นความน่ากังวลต่อธุรกิจขนาดเล็ก

โดยคุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า “การเข้ามาของ Broadcom ในครั้งนี้ได้นำไปสู่นโยบายใหม่จากเดิมที่ VMware เคยมีทางเลือกหลากหลายสำหรับผู้ใช้ทุกกลุ่ม แต่การเปลี่ยนแปลงทำให้โซลูชันถูกตัดเหลือเพียงแผนสำหรับผู้ใช้งานขนาดใหญ่เท่านั้น ทำให้ลูกค้าของ SiS มากมายมีความกังวลถึงต้นทุนในอนาคต โดยเฉพาะกับบางรายที่เพิ่งซื้อบริการไป แม้แต่องค์กรขนาดใหญ่เองก็เริ่มมองหาทางเลือกใหม่เช่นกัน ทั้งนี้ธุรกิจที่เรามองเห็นถึงแรงสั่นสะเทือนจากลูกค้า เช่น ผู้ประกอบการขนาดเล็กที่เคยซื้อขาด แม้หระทั่งหน่วยงานรัฐเองก็เห็นถึงความไม่แน่นอนด้านต้นทุนในอนาคต“

ด้วยเหตุนี้เอง SiS ในฐานะผู้ให้บริการตลาดไอทีที่มีลูกค้านับหมื่นรายจึงต้องเฟ้นหาทางเลือกใหม่ๆ เพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าในระยะยาว ซึ่งจากการสรรหาพบว่า Zstack คือหนึ่งในผู้ให้บริการที่นำเสนอโซลูชันสำหรับ Cloud ได้อย่างครบครัน ด้วยคอนเซปต์ของการใช้งานง่าย ยืดหยุ่น คงทาง และชาญฉลาด โดยในตลาดจีนเอง Zstack ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ที่สำคัญคือทีมงานของ Zstack เองก็มีความมุ่งมั่นและความสนใจในตลาดประเทศไทยอย่างจริงจังด้วย

ความจริงจังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ทำให้ CEO ของ Zstack ได้เดินทางมาเพื่อเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจและโซลูชันด้วยตนเอง โดยคุณ แฟรงค์ จาง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Zstack กล่าวว่า “บริษัทของเราก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2015 นี้เอง โดยเน้นความเป็นโอเพ่นซอร์สที่ทุกคนสามารถทดลองซอฟต์แวร์ของพวกเขาได้ผ่าน zstack.io โดยหากเทียบกับเทคโนโลยีของผู้เล่นเดิมอย่าง VMware แล้ว พวกเขาสามารถนำเสนอโซลูชันที่จำเป็นได้อย่างไม่เป็นรอง โดยนำเสนอในลักษณะของการเพิ่มโมดูลที่สนใจเข้ามา อาทิ Zstack Private Cloud, HCI, Container, Software defined Storage (ต่อยอดมาจากโอเพ่นซอร์ส Ceph), ZStact Network, Zstack CMP (Multi-cloud) พร้อมเทคโนโลยีสำหรับงาน DR และ Backup โดยไอเดียคือหน้าจอบริหารจัดการของพวกเขาสามารถรองรับ Workload ของคลาวด์ชั้นนำอย่าง AWS, Alibaba, Azure, Google Cloud หรือ VMware ได้ช่วยในการจัดการได้อย่างไร้รอยต่อ“

นอกจากนี้คุณแฟรงค์ ยังเสริมว่า “ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทางดิจิทัลที่รวดเร็วสะท้อนได้จากการลงทุนในตลาดซอฟต์แวร์และ GDP ของประเทศ ซึ่ง Zstack มีกรณีการใช้งานมากมายที่ประสบความสำเร็จในระดับสากล ดังนั้นเราจึงอย่างแบ่งปันเทคโนโลยีนี้ให้คนไทยได้นำไปใช้เพื่อรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจ“