Rolf Muralt รองประธานฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์จาก Silver Peak อัปเดตแนวโน้นด้านเครือข่าย WAN ล่าสุด ชี้หมดยุคการใช้ Router ในสำนักงานสาขาแล้ว เทคโนโลยี SD-WAN เตรียมเข้ามาแทนที่ เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานแอปพลิเคชันในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง SaaS รวมไปถึงความมั่นคงปลอดภัยที่ไม่แพ้เครือข่าย MPLS
Muralt ระบุว่า ความท้าทายสำคัญของเครือข่าย WAN ในยุค SaaS และ Multi-cloud คือ Router โดยทั่วไปไม่รู้จักแอปพลิเคชัน เช่น Office 365, Salesforce หรือ Netflix ส่งผลให้ไม่สามารถกำหนดนโยบายเพื่อควบคุมหรือเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงการขาดคุณสมบัติเรื่อง Automation ทำให้เป็นเรื่องลำบากในการติดตั้ง เปลี่ยนแปลงการตั้งค่า หรือบริหารจัดการ Router ที่ติดตั้งอยู่ในสำนักงานสาขาต่างๆ
SD-WAN จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Automation เข้าไปเพื่อให้บริหารจัดการเครือข่าย WAN ได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเพิ่มคุณสมบัติด้าน Machine Learning และ AI เพื่อให้สามารถค้นหาและเลือกเส้นทางการรับส่งข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความมั่นคงปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าทราฟฟิกทั้งหมดขององค์กรจะถูกตรวจสอบก่อนส่งออกสู่อินเทอร์เน็ต
“เทคโนโลยีด้านเครือข่ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานาน 10 ปีแล้ว SD-WAN ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาผลิกโฉมเครือข่าย WAN ดังที่เห็นในปี 2017 มูลค่าตลาด SD-WAN สูงถึง $400 ล้าน และมีแนวโน้มที่จะขึ้นถึงระดับ $3,000 – $6,000 ล้านได้ในปีถัดๆ ไป โดย Silver Peak ครองส่วนแบ่งเป็นอันดับ 3 อยู่ในขณะนี้” — Muralt กล่าวถึงแนวโน้มของตลาด WAN ในปัจจุบัน
Silver Peak เริ่มให้บริการ SD-WAN ตั้งแต่ปี 2015 สำหรับเป็นโซลูชันทางเลือกจาก MPLS ที่มีราคาสูง หลังจากได้เพิ่มฟีเจอร์สำหรับสนับสนุนเครือข่าย WAN เรื่อยมา จนถึงปี 2018 นี้ Silver Peak ได้นำเทคโนโลยีด้านเครือข่ายสำหรับสนับสนุน SD-WAN มาบรรจุไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็น Network Segmentation, Network Analytics, Internet QoS, First Packet Visibility, WAN Optimization, WAN Routing Integration, Business Intent Routing, Secure Internet Breakout นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Zone-based Firewall เข้าไปยังแฟลตฟอร์มเพื่อเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยอีกด้วย
คุณสมบัติเด่นของ Silver Peak SD-WAN ประกอบด้วย
- รองรับการทำงานร่วมกับระบบ Virtualization ในการสนับสนุนการเชื่อมต่อแต่ละแอปพลิเคชันที่รันอยู่บน VM
- Micro-segmentation แบ่งแอปพลิเคชันออกเป็นกลุ่มแล้วจัดทำนโยบายการเชื่อมต่อตามแต่ละกลุ่มนั้นๆ รวมไปถึงออกแบบ Topology ได้ตามความต้องการ เพื่อให้การเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพสูงสุด
- รองรับการทำ QoS แอปพลิเคชันที่วิ่งผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์ผ่านการทำ Path Conditioning เพื่อแก้ไขปัญหา Packet Loss และ Out-of-order Packets
- เร่งประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ WAN ให้ถึงขีดสุดผ่านการทำ WAN Optimization แบบ On-demand
- จำแนกประเภทของแอปพลิเคชันกว่า 10,000 แอปผ่านเทคนิค First-packet iQ ช่วยให้ตัดสินใจได้ตั้งแต่ Packet แรกว่า ต้องส่งทราฟฟิกไปยังเส้นทางไหนจึงจะได้การเชื่อมต่อที่ดีที่สุด
- บังคับใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยได้ตั้งแต่ที่สาขา เช่น แอปพลิเคชันที่มั่นใจว่าเชื่อถือได้สามารถออกอินเทอร์เน็ตจากสำนักงานสาขาได้ทันที แอปพลิเคชันทั่วไปให้ผ่านการตรวจสอบจากระบบ Cloud ก่อน ส่วนแอปพลิคเชันที่ดูน่าสงสัยให้ส่งกลับมาตรวจสอบที่สำนักงานใหญ่ก่อนให้ออกอินเทอร์เน็ต
- ลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการอุปกรณ์เครือข่ายและความมั่นคงปลอดภัยลงโดยการให้บริการฟีเจอร์ทั้งหมดภายในแพลตฟอร์มเดียว ลดภาระของฝ่าย IT สำนักงานสาขาที่มีบุคลากรจำกัดและลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดลงได้สูงสุดถึง 50%
“Router ที่ใช้งานกันแบบดั้งเดิมไม่เพียงพอต่อความต้องการขององค์กรในยุค SaaS และ Multi-cloud อีกต่อไป องค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกเริ่มแทนที่ Router ของสำนักงานสาขาด้วยเทคโนโลยี SD-WAN ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และมีฟังก์ชันการทำงานที่ครบครันกว่า” — Muralt กล่าวปิดท้าย