ถอดบทเรียน : Lifestyle การทำงานยุค 2020 จากบริษัท เฌอร่า (SHERA) จำกัด (มหาชน) ในงาน Microsoft Envision Summit 2019

สำหรับในวันนี้ทางทีมงาน TechTalkThai จะขอพาไปชม Use Cases ที่น่าสนใจในช่วง ‘Business for Better’ จากงาน Microsoft Envision Summit 2019 เมื่อเดือนก่อน ซึ่งเป็นบริษัทที่ชื่อคุ้นหู โดยหากเราขึ้นต้นวลีว่า ‘ไม้ฝา’ หลายคนคงต่อท้ายได้ทันทีว่า ‘เฌอร่า’ โดยบริษัทใหญ่แห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการก้าวผ่าน Digital Disruption ในหลายแง่มุม แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นเราขอเล่าผ่านบทความสั้นๆ นี้ครับ

คุณอธิคม กาญจนวิภู IT Vice President ของบริษัทเฌอร่า จำกัด (มหาชน) (ขวา)

เราได้รับเกียรติจากคุณอธิคม กาญจนวิภู Vice President – IT ของบริษัท เฌอร่า จำกัด (มหาชน) มาเป็นผู้เล่าเรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านมาของการปรับตัวเพื่อตอบรับการทำ Digital Transformation ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารของบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยพบว่าบริษัทสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานใน 3 ด้านดังนี้

  • Customer Engagement – การเข้าใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
  • Productivity and Operations – การเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาในกระบวนการทำงาน
  • Data-Driven Organization – การใช้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

1) Customer Engagement

Customer Engagement คือหัวใจสำคัญของธุรกิจ ดังนั้นเราจะเป็นเพียงแค่ผู้ผลิตอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องเข้าใจลูกค้าของเราเป็นอย่างดีด้วย” — คุณอธิคมกล่าว โดยแต่เดิมเฌอร่าเป็นบริษัทที่มีการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก (B2B) ซึ่งบริษัทมองว่ามุมมองดังกล่าวไม่เพียงพออีกต่อไป จึงได้ตั้งเป้าว่าจะต้องเข้าใจความต้องการของ Stakeholders ทุกฝ่ายเช่น เจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา สถาปนิก ว่าจริงๆ แล้วคนเหล่านั้นมีความต้องการอะไร ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการปรับตัวครั้งใหญ่ทั้งในเรื่องของกลยุทธ์และการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ดังนี้

  • มีการปรับโฉมเว็บไซต์ให้มีความทันสมัยเน้นเรื่อง Customer Journey ให้ใช้งานได้ง่าย ถึงขนาดลงทุนเปลี่ยนชื่อโดเมนเป็น SHERA.com เพื่อให้จดจำได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการแสดงผลเนื้อหาที่ปรับเปลี่ยนไปทุกครั้งให้เหมาะกับผู้เข้าชมด้วย ซึ่งผลลัพธ์นั้นดีกว่าที่คาดคือนอกจากจะมีลูกค้าติดต่อเข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้รับความสนใจจากลูกค้าและคู่ค้าจากต่างประเทศติดต่อเข้ามามากขึ้นด้วย
  • มีการสร้างโครงการ SHERA Connect บนแพลตฟอร์ม Microsoft Azure และ Microsoft Office 365 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่ค้า รวมถึงการนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาแผนธุรกิจร่วมกัน
  • ตั้งโครงการ Good Life Hub ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ร่วมกันให้เกิดประโยชน์ในทางที่ดีขึ้นกับทุกๆ Stakeholders ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของเฌอร่า

2) Productivity and Operations

บริษัทเฌอร่าได้ตระหนักถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทุกที่ ทุกเวลาหรือคอนเซปต์ของ Modern Workplace ด้วยเหตุนี้เองจึงตัดสินใจย้ายระบบ On-Premise เดิมทั้งหมดเข้าสู่คลาวด์ตั้งแต่กลางปี 2018 และทำให้ Microsoft Office 365 และ Microsoft Azure เข้ามาเป็นแพลตฟอร์มสำคัญขององค์กรนับแต่นั้น ด้วยประโยชน์หลายประการคือ

  • ตอบโจทย์ BYOD คือไม่ว่าพนักงานทำงานผ่านระบบ iOS, Android, PC หรือ Notebook ทาง Microsoft Office 365 ก็สามารถรองรับการทำงานได้ทั้งหมด
  • สามารถแชร์ไฟล์โดยยังรักษาเรื่อง Security ได้เพราะมีการควบคุมสิทธิ์อย่างรัดกุม ไม่ว่าจะเป็นการแชร์จาก One Drive หรือ SharePoint รวมถึงสามารถกำหนดวันหมดอายุของการแชร์ไฟล์ได้ด้วย
  • ลดค่าใช้จ่ายและเวลากับการเดินทางไปประชุมในองค์กรทั้งโรงงานภายในประเทศและสาขาในต่างประเทศ ด้วยซอฟต์แวร์ประชุมทางไกลอย่าง Microsoft Teams
  • การใช้ Cloud ตอบโจทย์การ Scale-up/down ทรัพยากรเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานระบบบน Microsoft Azure ในช่วงเวลาที่ทำแคมเปญต่างๆ ได้สะดวก ช่วยให้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามจริง

ในส่วนของกระบวนการทำงานบริษัทได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ได้อย่างน่าสนใจดังนี้

  • พัฒนาและใช้งาน Chatbot บน Microsoft Azure Bot Framework ในกระบวนการรับเคลมจากลูกค้า ที่จากเดิมจะต้องติดต่อผ่าน Call Center ในเวลาทำการปกติเท่านั้น ทำให้สามารถแจ้งเคลมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งพบว่ามีส่วนช่วยให้ระยะเวลาการเคลมจากลูกค้าสั้นลงไปมากกว่า 10%
  • ใช้ Windows Hello (เทคโนโลยี Face Recognition เพื่อการ Authentication) กับคอมพิวเตอร์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งช่วยลดเวลาการเข้าใช้งานและสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีขึ้น ทั้งนี้สำหรับในองค์กรที่มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลายร้อยคน พบว่าเวลาที่ลดลงไปกับการ Login มีนัยสำคัญอย่างมาก

3) Data-Driven Organization

คุณอธิคมให้ข้อคิดว่า “Digital Transformation จะสมบูรณ์ไม่ได้เลยหากไม่สามารถนำเอาข้อมูลที่เกิดจากโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาทำ Data Analytics และสร้างให้องค์กรมี Data-Driven Culture” ซึ่งทางเฌอร่าเล็งเห็นว่าก่อนจะทำเช่นนั้นได้ จะต้องมีการปรับโครงสร้างของข้อมูลทั้งในส่วนของข้อมูลภายใน เช่น ระบบ SAP และข้อมูลจากลูกค้าหรือคู่ค้าภายนอกให้อยู่ภายใต้ Data Hub กลาง โดยการวางข้อมูลไว้บน Microsoft Azure รวมไปถึงการติดตั้ง Microsoft Power BI ให้เป็นเครื่องมือมาตรฐานสำหรับทุกคนในองค์กร และจัดอบรมการใช้งานให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถบูรณาการต่อยอดทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้ด้วย Power BI ที่สามารถสร้าง Dashboard และรายงานที่รวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น Excel, SharePoint และ Database เข้ามาได้ ทำให้การตอบคำถามผู้บริหารเป็นเรื่องที่ง่ายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งในที่สุดแล้วองค์กรก็จะปรับตัวเข้าสู่ความเป็น Data-Driven Culture ได้อย่างแท้จริง โดยมีการใช้ข้อมูลมาสนับสนุนการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและมีเหตุผลนั่นเอง

สรุป

บริษัทเฌอร่าได้ตระหนักถึงความสำคัญของ Digital Transformation และนำเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหาทั้งในเชิงของกระบวนการและกลยุทธ์ เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดีเชื่อแน่ว่าขั้นตอนการปรับปรุงโครงสร้างข้อมูล หรือการย้ายระบบ On-Premise ขึ้นสู่คลาวด์ หรือการเปลี่ยน Mindset ของพนักงานคงมีอุปสรรคไม่น้อยทีเดียว แต่ในท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เฌอร่าเล็งเห็นและเชื่อมั่นก็ผลิดอกออกผลอย่างคุ้มค่า เพราะช่วยให้องค์กรประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย รวมถึงเพิ่มโอกาสการขาย นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการทำงานได้อย่างทันสมัยสมกับปี 2020 นั่นเอง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ https://aka.ms/ContactMSFTTH


About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

Cisco ออกแพตช์ช่องโหว่บน Cisco AnyConnect Secure Mobility Client

Cisco ออกแพตช์ช่องโหว่ความรุนแรงสูงบน Cisco AnyConnect Secure Mobility Client

Google Cloud เปิดบริการ Generative AI บน Vertex AI แบบ GA แล้ว

Google Cloud ได้ประกาศเปิดบริการเครื่องมือ Generative AI บน Vertex AI แบบ General Availability (GA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว