CDIC 2023

ตอบโจทย์ทำงานจากที่บ้านอย่างมั่นใจได้ด้วย Windows Virtual Desktop จาก Microsoft Azure พร้อมสิทธิ์ใช้ Windows 10 Enterprise E3 ฟรี 6 เดือน

เมื่อพูดถึงเรื่องนโยบายการทำงานจากที่บ้าน การทำงานของหลายองค์กรนั้นจำเป็นต้องมีการเข้าใช้ระบบขององค์กรด้วย แต่ปัญหาที่ตามมาคือองค์กรจะมั่นใจได้อย่างไรว่าอุปกรณ์ของพนักงานนั้นมี Security เพียงพอ ดังนั้นหลายองค์กรจึงนำโซลูชันมากมายเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นการเพิ่ม Cost อย่างมหาศาลแถมยังเพิ่มภาระให้แก่ทีมไอทีด้วย เพื่อให้แต่ละองค์กรสามารถให้พนักงานทำงานจากทุกที่ได้อย่างแท้จริง โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายมาเป็นเครื่องพันธนาการ

วันนี้ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ประกาศมอบสิทธิพิเศษให้องค์กรได้ใช้ Windows 10 Enterprise E3 บน Windows Virtual Desktop ฟรีนานถึง 6 เดือน* เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Desktop Application ผ่าน Microsoft Azure ได้จากทุกที่ได้อย่างปลอดภัยหายห่วง โดยบริการนี้เป็นโซลูชันน้องใหม่จาก Microsoft Azure ซึ่งช่วยให้องค์กรเริ่มต้นนโยบายการทำงานจากที่บ้านได้ง่าย ถูกและ Secure

Windows Virtual Desktop คือบริการเครื่องจำลองเสมือนของ Windows Desktop ที่วางอยู่บน Azure (มองว่าเป็นเครื่องคอมของออฟฟิศที่ไปตั้งอยู่บนคลาวด์) โดยพนักงานขององค์กรจะสามารถใช้แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือโน๊ตบุ๊ค รีโมตผ่านบราวเซอร์ไปใช้ Virtual Desktop บนคลาวด์ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสะดวกและไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมให้กระทบ User Experience ของผู้ใช้งาน

ประหยัดกว่าด้วยความสามารถของ Windows 10 Enterprise Multi-Session

Windows 10 Enterprise Multi-session เป็น OS พิเศษที่เกิดขึ้นมาสำหรับการให้บริการเฉพาะบน Windows Virtual Desktop เท่านั้น(ไม่มีบน On-premise) โดยไอเดียก็คือ 1 เครื่องสามารถเปิดรีโมตให้ผู้ใช้งานหลายคน ทั้งนี้จึงสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายขององค์กรได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะไม่จำเป็นต้องสร้างเครื่องให้เท่าจำนวนคน นอกจากนี้เดิมทีถ้าองค์กรต้องการโซลูชันเช่นนี้ต้องไปตั้งเซิร์ฟเวอร์และเกตเวย์เพื่อให้บริการ RDS แต่ Windows Virtual Desktop เป็น Managed Service ที่รอเพียงแค่ผู้ใช้ Provision เครื่อง Desktop และเริ่มใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องมาบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ใดๆ เลย

แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดเพราะไม่ได้หมายความว่า Windows Virtual Desktop จะให้บริการได้แบบ Multi-session ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถรองรับการทำโหมด Personal Desktop (1 คนต่อ 1 เครื่อง) ในกรณีที่องค์กรต้องการจองเครื่องส่วนตัวให้พนักงานก็ทำได้เช่นกัน

Microsoft จัดการข้อมูลผู้ใช้งานหลายคนได้อย่างไร

Microsoft มีโซลูชันที่ชื่อ FSLogix ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบ Virtual โดยมีการทำ Profile Container แยกเป็น Virtual disk และจะถูก Mount เข้ากับ VHDX หรือ VHD ตอนที่ผู้ใช้ล็อกอินเข้ามา (Run time) ด้วยเหตุนี้เองจึงสามารถแบ่งเลเยอร์ข้อมูลของผู้ใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบใช้งานเครื่องร่วมกันได้

ตอบโจทย์ Security ด้วยการควบคุมการเข้าถึงในระดับแอปพลิเคชันและลดโอกาสข้อมูลรั่วไหลออกนอกองค์กร

ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถ Provision เครื่อง Desktop เป็นรายแอปพลิเคชันไปได้ (ตามรูปด้านบน) ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับบางองค์กรที่พนักงานไม่จำเป็นต้องมีสิทธิ์เข้าถึงทั้งเครื่อง นอกจากนี้ระบบยังไม่อนุญาตให้พนักงานคัดลอกข้อมูลจากเครื่องบน Virtual Desktop ออกไปยังเครื่อง Local ด้วยเหตุนี้เององค์กรจึงมีสิทธิ์จำกัดการเข้าถึงเครื่อง Desktop ได้อย่างเฉพาะและไม่ต้องกลัวข้อมูลรั่วไหลออกนอกองค์กร

อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อพูดถึงเรื่อง Authorization คือ Windows Virtual Desktop จำเป็นต้อง Sync กับ Active Directory โดยรองรับทั้งการ Sync จาก Azure AD หรือ On-premise AD Server ขององค์กร ด้วยเหตุนี้เองจึงสามารถตอบโจทย์การใช้งานในระดับองค์กร

ยืดหยุ่นกว่าเพราะ เพิ่ม ลด Resource อัตโนมัติตามการใช้งาน คุมค่าใช้จ่ายได้ตามจริง

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจมีคำถามเกิดขึ้นว่าแล้วเครื่องที่อยู่บนคลาวด์จำเป็นต้องเปิดรอตลอดหรือไม่ ซึ่งตรงนี้เอง Azure ได้มีระบบ Script อัตโนมัติที่สามารถทำ Scale-down เครื่องได้ กรณีที่มีผู้ใช้งานน้อยลง หรือกำหนดปิดเครื่องได้ตามเวลาทำงานปกติ เช่นเปิดแค่วันจันทร์-ศุกร์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เององค์กรจึงสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ตามจริง ในทางกลับกันหากมีโหลดการใช้งานเพิ่ม Windows Virtual Desktop ก็สามารถขยาย Resource เพิ่มให้รองรับความต้องการได้เช่นกัน

นอกจากนี้เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างแท้จริง Azure ยังมีการทำ Load Balance ผู้ใช้งานที่ล็อกอินเข้ามากับเครื่อง Desktop ใน Pool โดยผู้ดูแลองค์กรจะสามารถเลือก Load Balance Algorithm ได้ 2 แบบระหว่าง Breath Mode หรือการกระจายวนกันไปทุกเครื่อง (Round Robin) และ Depth Mode หรือการโยน Session ให้เต็มทีละเครื่องก่อน เพราะฉะนั้นเมื่อเครื่องใน Pool มีเกินจำนวนผู้ใช้งาน Azure จึงสามารถลดหรือขยายจำนวนเครื่องได้ตามความต้องการ

ปรับแต่ง Image ได้ตามความต้องการขององค์กร

Windows Virtual Desktop สามารถรองรับ Image ที่องค์กร Customize ขึ้นมาเองให้เพื่อตอบโจทย์กับลักษณะการใช้งานของแต่ละองค์กรได้ หรือจะเลือกใช้ Gallery Image ที่มีมาให้แล้วดังนี้

  • Windows 10 Enterprise multi-session with Office 365 ProPlus
  • Windows 10 Enterprise multi-session 
  • Windows 10 Enterprise 
  • Windows Server 2016

โดยจะเห็นได้ว่า Gallery Image จะมี Windows 10 ซึ่งมาพร้อมกับ Office 365 เรียกได้ว่าครบจบที่เดียวกันไปเลย นอกจากนี้ Windows Virtual Desktop ยังสามารถรองรับ Windows Server 2016 และ Windows 2012 R2 ได้ด้วย

ขยายเวลาการอัปเดต Windows 7 

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Microsoft ได้ประกาศสิ้นสุดระยะเวลาการดูแล Windows 7 ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เององค์กรที่ไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็น Windows 10 ได้ทัน อาจกำลังตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากมีช่องโหว่ใหม่ก็ไม่สามารถอัปเดตได้ แต่ Windows Virtual Desktop คืออีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้องค์กรสามารถใช้ Windows 7 ที่ได้รับการอัปเดตไปอีก 3 ปี ซึ่งช่วยให้องค์กรได้มีเวลาปรับตัวไปอีกระยะหนึ่ง

จะเริ่มต้นใช้งานได้อย่างไร

ท่านใดที่สนใจเริ่มต้นใช้งาน Windows Virtual Desktop ทาง Azure เองก็มีเครดิตให้ได้ใช้งานฟรีถึง US$200  เลยทีเดียว! หรือสามารถใช้ VDI หรือ Windows Desktop as a Service ได้ฟรี 1 เดือนจำนวน 100 users ใช้พร้อมกันได้สูงสุด 20 คนโดยสามารถเข้าไปได้ที่ https://azure.microsoft.com/en-us/services/virtual-desktop/ 

ทั้งนี้การเริ่มต้นการใช้งานก็ง่ายๆ เพียงแค่ 3 ขั้นตอนคือ Prepare – Deploy – Optimize ซึ่ง Azure ได้ทำบทเรียนออนไลน์ไว้ให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงคอนเซปต์และวิธีการ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 90 นาทีเท่านั้น ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ที่  https://docs.microsoft.com/en-us/learn/modules/m365-wvd-intro/introduction

*ผู้สนใจสิทธิ์ในการใช้ Windows 10 Enterprise E3  สามารถติดต่อทีมงานไมโครซอฟท์ประเทศไทยได้ที่  Aka.ms/ContactMSFTTH (Facebook Messenger) ซึ่งฟรีจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 เท่านั้น

ผู้สนใจสามารถชมวีดีโอสาธิตการสร้างและติดตั้ง Windows Virtual Service ได้ตามด้านล่างเลยครับ


About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

Pure Storage ผ่านการรับรอง NIVIDA DGX BasePOD มุ่งขยายตลาด AI ภาคธุรกิจด้วย 3 โซลูชัน

NVIDIA ได้ประกาศการรับรอง NVIDIA DGX BasePOD Certification ให้กับ Pure Storage แล้ว ส่งผลให้ Pure Storage กลายเป็น Enterprise Data Storage Vendor รายแรกๆ ของโลกที่ผ่านการรับรองนี้ และสามารถนำเสนอโซลูชันด้าน AI สำหรับภาคธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

ยอดขายกว่า 79% ของ ChatGPT ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กร มาจาก Microsoft Azure-OpenAI

Moneycontrol และ UnearthInsight ได้ออกมาเผยถึงการประมาณช่องทางการหารายได้ของ OpenAI ว่ามีลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กรผ่านความร่วมมือระหว่าง Microsoft Azure และ OpenAI อยู่ที่ 70-79% โดยปัจจุบันเชื่อว่า OpenAI น่าจะมีลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กรสำหรับ ChatGPT Enterprise มากแล้วราวๆ 22,000 - 25,000 องค์กรทั่วโลก