ทางทีมงาน Red Hat ประเทศไทยได้เชิญทีมงาน TechTalkThai มาร่วมงานเปิดตัวออฟฟิศอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และมีเนื้อหาน่าสนใจอยู่ไม่น้อย จึงขอเขียนสรุปให้ทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ
เปิดตัว Office ของ Red Hat แล้วในประเทศไทย
หลังจากที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ในที่สุด Red Hat ก็ได้ประกาศเปิดตัวออฟฟิศอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว โดยออฟฟิศของ Red Hat นี้จะตั้งอยู่ที่ Gaysorn Building ชั้น 5 นะครับ ใครสนใจก็ไปเยี่ยมชมกันได้
เป็นอันดับหนึ่งทางด้าน Open Source ในระดับโลก
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า Red Hat นั้นถือเป็นบริษัทอันดับ 1 ของโลกทางด้าน Open Source ด้วยยอดขาย 2,000 ล้านเหรียญหรือราวๆ 70,000 ล้านบาท โดยกว่า 90% ของบริษัทใน Fortune 500 นั้นก็เป็นลูกค้าของ Red Hat อยู่ ปัจจุบัน Red Hat มีพนักงานประมาณ 9,860 คน มีออฟฟิศทั่วโลกกว่า 85 สาขาใน 35 ประเทศ และอยู่ในตลาดหุ้น NYSE ภายใต้ชื่อ RHT
Red Hat นั้นมีลูกค้าอยู่ในทุกๆ อุตสาหกรรม โดยมี Segment ที่ใหญ่ที่สุดคือกลุ่มธุรกิจ Tech & Media (15%), Financial (14%), Government (12%) และ Telecom (9%) ตามลำดับ
วิถีทางของ Red Hat: การบริการระดับมืออาชีพ และการผลักดัน Community
เนื่องจาก Red Hat เองนั้นเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจบน Open Source เป็นหลัก แนวทางการดำเนินธุรกิจของ Red Hat นั้นจึงแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ มาโดยตลอด ด้วยการทำธุรกิจแบบ Subscription-based รายปี เพื่อให้บริการทั้งเชิงเทคนิคและความรู้ในการใช้งาน Open Source แก่เหล่าองค์กรและธุรกิจต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ, ปลอดภัย และทนทาน ซึ่งบริการลักษณะนี้เพิ่งมาเป็นที่นิยมในตลาดในยุคหลังจากการมาของ Cloud และ Managed Service นั่นเอง เรียกว่าในประเด็นนี้ Red Hat ถือว่าก้าวนำตลาดจากผู้ให้บริการเจ้าอื่นหลายก้าวเลยทีเดียว
ผลิตภัณฑ์ของ Red Hat เองนั้นคือผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดมาจาก Open Source Software ทั้งหมด โดยทาง Red Hat นั้นมี 3 ขั้นตอนในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดังนี้
- Participate Red Hat นั้นจะเข้าไปมีบทบาทร่วมในการสร้าง Community สำหรับโครงการ Open Source ต่างๆ ให้เติบโต และพัฒนา Software ที่สามารถใช้งานได้จริงขึ้นมา
- Integrate เมื่อ Software สามารถใช้งานได้แล้ว Red Hat ก็จะเข้าไปผลักดันให้ Open Source Software เหล่านั้นสามารถทำงานร่วมกับระบบและ Platform ได้ กลายเป็นโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานระดับองค์กรได้
- Stabilize Red Hat จะเริ่มนำระบบ Open Source เหล่านี้มา Commercialize ผนวกเป็นหนึ่งใน Ecosystem ของ Red Hat และเสริมบริการ, การฝึกอบรม, Certificate หรือเอกสารต่างๆ เพื่อให้การนำไปใช้งานจริงในระดับองค์กรสามารถเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างมั่นใจ
ด้วยแนวทางนี้ Open Source Software ใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้นมาได้เรื่อยๆ และเมื่อ Red Hat เข้าไปช่วยผลักดันให้ Software เหล่านั้นสามารถใช้งานได้จริงในตลาดอย่างกว้างขวางมากขึ้น การสนับสนุน Software เหล่านั้นก็จะตามมาเอง ในขณะที่ Red Hat เองก็จะเป็นผู้ที่นำ Open Source Software เหล่านี้เข้าไปสู่ตลาดกลุ่มองค์กรให้สามารถใช้งานได้จริงด้วยบริการครบวงจรที่ทำให้เหล่าองค์กรมั่นใจในการใช้งานในที่สุด
Digital Transformation: Open Source Software และ Red Hat จะเข้ามามีบทบาทโดยตรง
การทำ Digital Transformation ที่ทุกองค์กรจะต้องเปลี่ยนธุรกิจตัวเองให้มีความเป็น Digital Business มากขึ้น, นำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้ในการทำธุรกิจให้มากขึ้น และแข่งขันกับธุรกิจอื่นๆ ในอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีมากขึ้นนั้น Open Source Software และ Red Hat จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือ เทคโนโลยีที่จะมาช่วยผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในภาคธุรกิจนั้นเป็น Open Source อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยหากนับถึงโครงการ Open Source ทางด้าน Cloud, Application, Networking, Management, Storage และ Infrastructure รวมกันแล้วนั้น ทุกวันนี้มีโครงการเกินกว่า 1 ล้านโครงการเลยทีเดียว การที่องค์กรจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้ได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องเริ่มต้นพัฒนาระบบใดๆ เองตั้งแต่ศูนย์นั้นก็ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน และ Red Hat เองที่เป็นผู้ให้บริการระดับมืออาชีพอย่างครบวงจรก็จะเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้องค์กรสามารถนำเทคโนโลยี Open Source Software ไปใช้ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งปัจจุบันนี้กว่า 78% ของเหล่าธุรกิจองค์กรก็มีการใช้งาน Open Source Software อยู่แล้ว และ 65% ขององค์กรเองนั้นก็มีการ Contribute กลับไปยังโครงการ Open Source ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ Red Hat เองก็มีเทคโนโลยีทั้งฝั่ง Infrastructure, DevOps และ Middleware อย่างครอบคลุม เรียกได้ว่าโซลูชันทั้งหมดของ Red Hat นั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่จะพัฒนา Application ใหม่ๆ ขึ้นมาแข่งขันในระดับองค์กรหรือธุรกิจต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
Thailand 4.0: เทคโนโลยีคือหัวใจ
Red Hat เองนั้นมองว่าการที่ประเทศไทยจะต้องการก้าวไปสู่การเป็น Thailand 4.0 นั้น ประเทศไทยเองก็จะต้องลงทุนกับเทคโนโลยีให้มากขึ้น ในขณะที่จากผลสำรวจของ IDC เองก็ชี้ว่าประเทศไทยนั้นมีการเติบโตทางด้านการลงทุนในระบบ ICT ที่โดดเด่นจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ส่วนข่าวของ Bangkok Post เองนั้นก็ระบุว่าประเทศไทยได้มีการลงทุนทางด้าน IT เติบโตขึ้นถึงสองหลักในปี 2016 ทำให้ประเทศไทยนั้นถือเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับ Red Hat และเมื่อรวมกับยอดขายในประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการผลักดันจากภาครัฐที่มีต่อ Open Source ทำให้ Red Hat ได้ตัดสินใจมาเปิดออฟฟิศอย่างเป็นทางการในครั้งนี้
แนวทางที่ Red Hat จะเข้ามาช่วยผลักดันการก้าวไปสู่ Thailand 4.0 นั้นก็คือการช่วยให้องค์กรและธุรกิจต่างๆ สามารถทำ Digital Transformation ให้ได้อย่างราบรื่นด้วยเทคโนโลยีจาก Open Source Software, การให้บริการะดับมืออาชีพ และการช่วยสร้าง Community สำหรับ Open Source ในประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นนั่นเอง
ในขณะเดียวกันภาคธุรกิจเองนั้นก็ต้องเริ่มมองถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมและผู้บริโภค ที่รูปแบบของการแข่งขันเริ่มเปลี่ยนไปจากเพียงแค่การลดต้นทุน/เพิ่มคุณภาพ กลายมาเป็นการนำเสนอนวัตกรรมและคุณค่าใหม่ๆ ในขณะที่ผู้บริโภคเองก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ทางธุรกิจเองก็ต้องจับจุดให้ได้ว่าจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในประเด็นเหล่านี้ได้อย่างไร
สุดท้ายนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ก็ขอขอบคุณทีมงาน Red Hat ประเทศไทยนะครับที่เชิญมาร่วมงานในครั้งนี้ และขอแสดงความยินดีกับการเปิด Office อย่างเป็นทางการในประเทศไทยครั้งนี้ด้วยครับ