Red Hat ได้ออกมาเผยถึงการที่ระบบ Supercomputer ที่เร็วที่สุดในโลก 3 ระบบแรกล้วนเลือกใช้ Red Hat Enterprise Linux หรือ RHEL เป็นระบบปฏิบัติการ รวมถึงยังมีระบบอื่นๆ อีกมากใน TOP500 และ Green500 ที่เลือกใช้ RHEL ด้วยเช่นกัน โดยใน 10 ระบบ Supercomputer ที่เร็วที่สุดในโลกนั้นก็มีการใช้ RHEL ด้วยกันถึง 4 ระบบ ได้แก่ Fugaku อันดับ 1, Summit อันดับ 2, Sierra อันดับ 3 และ Marconi-100 อันดับ 9

ส่วนใน Green500 ที่เป็นการจัดอันดับด้านความคุ้มค่าในการใช้พลังงาน RHEL ก็ได้กลายเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับ 6 ระบบใน 10 อันดับแรก ได้แก่ A64FX Prototype อันดับ 4 ซึ่งเป็นระบบทดสอบสำหรับ Fugaku, AIMOS อันดับ 5, Satori อันดับ 7, Summit อันดับ 8, Fugaku อันดับ 9 และ Marconi-100 อันดับ 10
สาเหตุที่ระบบ Supercomputer ชั้นนำเลือกใช้ RHEL นั้น ก็เป็นเพราะประเด็นด้านการทดสอบและรองรับความเข้ากันได้ของระบบระหว่าง Software กับ Hardware ที่ต้องมีความเข้มข้นมากเป็นพิเศษเพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น Fugaku ที่ใช้หน่วยประมวลผล Arm เป็นหลัก และ Sierra, Summit, Marconi-100 ที่ใช้ IBM POWER9 คู่กับ NVIDIA GPU เป็นต้น ทำให้การนำ RHEL ไปใช้งานนั้นเป็นไปได้อย่างมั่นใจ และทำให้ทีมผู้ใช้งานระบบ Supercomputer สามารถมุ่งเน้นไปที่การทำงานในเชิงวิทยาศาสตร์เป็นหลักได้
นอกจากนี้ RHEL เองก็ยังรองรับการประมวลผลภายในระบบ Supercomputer ได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงยังมีการผสานเทคโนโลยีอย่าง Linux Container เข้าไปด้วย เช่น การทำงานร่วมกับโครงการ Supercomputing Containers และยังมีการผลักดันโครงการอื่นๆ เช่น Podman, Skopeo และ Buildah เพื่อช่วยให้การนำ Container มาใช้ในระบบ Supercomputer เป็นไปได้อย่างราบรื่นและตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น