หลังจากที่เดือนที่ผ่านมา จีนได้เริ่มโปรแกรมการค้นหาและสั่งปิดเครือข่าย VPN ที่ไม่ได้รับอนุญาต ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ ล่าสุดรัฐบาลจีนได้ยกระดับโปรแกรมเฝ้าระวังขึ้น โดยสั่งให้ผู้ให้บริการ Wi-Fi สาธารณะจะต้องติดตั้งเทคโนโลยีสำหรับเฝ้าระวังของรัฐบาลจีน และเพิ่มมาตรการเซ็นเซอร์ข้อมูลลบนโปรแกรมแชทยอดนิยมอย่าง WeChat มากขึ้น

รายงานจาก Radio Free Asia ระบุว่า หน่วยงานผู้รับผิดชอบในมลฑลเหอเป่ยบังคับให้บริษัทและผู้ประกอบการที่ให้บริการ Wi-Fi สาธารณะ จำเป็นต้องติดตั้งเทคโนโลยีสำหรับเฝ้าระวัง (หรือสอดแนม?) ที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล เพื่อบันทึกพฤติกรรมของผู้ใช้ขณะเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ถ้าใครไม่ปฏิบัติตามจะต้องโทษโดนปรับหรือได้รับบทลงโทษอื่นๆ ซึ่งตำรวจท้องถิ่นระบุว่า นี่เป็น “มาตรการปกป้องความปลอดภัยออนไลน์”
ตามกฎที่ระบุ บริษัทจะต้อง “เก็บและรักษาข้อมูลการลงทะเบียนของผู้ใช้ … เวลาที่ผู้ใช้ล็อกอินและเลิกใช้งาน หมายเลขผู้ติดต่อ หมายเลขพอร์ต หมายเลขบัญชี หมายเลข IP ชื่อโดเมน และ System Maintenance Log” พวกเขายังต้องเก็บและรักษาข้อมูลเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตที่ผู้ใช้เข้าถึง โดยใช้ “อุปกรณ์ความปลอดภัยแบบพิเศษ” เพื่อเก็บข้อมูลไว้นานกว่า 60 วัน มาตรการนี้ “จะป้องกันผู้ละเมิดกฎหมายจากการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อดำเนินการก่อการร้าย กระจายข่าวลือ หรือกระจายสื่อลามกอนาจารและข้อมูลที่ผิดกฎหมายอื่นๆ” — รายงานจาก Radio Free Asia
นอกจากให้ Wi-Fi สาธารณะติดตั้งโปรแกรมเฝ้าระวังแล้ว Citizen Lab ยังออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนสั่งให้ WeChat โปรแกรมแชทยอดนิยมของจีน บล็อกเนื้อหาและรูปภาพที่ส่งผลกระทบต่อประเด็นทางด้านการเมืองเพิ่มเติม อย่างล่าสุดมีการบล็อกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ “709 Crackdown” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ด้านการเมืองที่ทนายความและพนักงานด้านกฎหมายของจีนกว่า 300 คนถูกกักตัวและสอบปากจำโดยหน่วยงานรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่รุนแรงที่สุดของจีน
“แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนมีการเพิ่มมาตรการควบคุมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองอย่างสม่ำเสมอและเป็นระบบ การบล็อกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 709 Crackdown แสดงให้เห็นว่าการเซ็นเซอร์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียของจีนอย่าง WeChat และ Weibo มีการอัปเดตเหตุการณ์ล่าสุดเพิ่มเติมเข้าไปเรื่อยๆ” — Citizen Lab ระบุ