Palo Alto Networks ได้ประกาศออกโซลูชัน Cloud-based Security (SASE) ของตนหรือ Prisma Access 2.0

ความสามารถใหม่ที่เพิ่มขึ้นใน Prisma Access 2.0 มีดังนี้
- ปรับโฉมหน้าการใช้งานให้ง่ายขึ้น สามารถสร้าง Template การตั้งค่าได้ รวมถึงการแนะนำการตั้งค่าที่เหมาะสม
- มีการใช้ Machine Learning เพื่อตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น อุปกรณ์ IoT ที่เข้ามาต่อใหม่ แม้กระทั่งสามารถแนะนำการทำ Policy ได้อัตโนมัติ
- ช่วยปกป้องอุปกรณ์ IoT โดยไม่ต้องเพิ่มเซ็นเซอร์หรือตั้ง Appliance และมีประสิทธิภาพ Encrypt Tunnel เร็วกว่าคู่แข่งตอบโจทย์สำหรับงาน Remote Access โดยเฉพาะ
- ขยายความสามารถของแพลตฟอร์ม CloudBlade (ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการ CloudGenix ในปีก่อน https://www.techtalkthai.com/palo-alto-networks-to-acquire-cloudgenix-for-sd-wan-solution/ ) ให้สามารถเชื่อมต่อ Prisma Access กับโซลูชันจาก 3rd-party โดยเริ่มแรกเริ่มจากบริการ Remote Browser Isolation จาก Vendor อื่น
- รองรับการเชื่อมต่อจาก Proxy โดยจุดประสงค์คืออยากให้ลูกค้า migrate โซลูชันที่เป็น proxy แบบเก่ามายัง Cloud-based โดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
- ด้วยความสามารถของ Prisma Access และ CloudGenix SD-WAN จึงเกิดเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน Prisma Access 2.0 คือ Autonomous Digital Experience Management (ADEM) ไอเดียก็คือมอนิเตอร์การใช้งานของ End User ได้ว่าการเชื่อมต่อ WAN, Wi-Fi, ISP, Cloud หรือ SaaS ใดที่มีปัญหา ซึ่งในอนาคต Palo วางแผนต่อยอดสู่ Self-healing [อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://blog.paloaltonetworks.com/sase/digital-experience-management/]
ที่มา : https://blog.paloaltonetworks.com/2021/02/introducing-prisma-access-2