IBM Flashsystem

6 ตัวอย่างการใช้งาน Zscaler SASE ในภาคธุรกิจไทย

เมื่อ SASE ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เร่งให้องค์กรทั่วโลกก้าวเข้าสู่ยุคการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote/Hybrid Work) เทคโนโลยี SASE (Secure Access Service Edge) จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่องค์กรต่างเร่งนำมาปรับใช้ เนื่องจากโซลูชันด้านความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ได้อย่างเพียงพออีกต่อไป

ในกลุ่มโซลูชัน SASE ที่มีอยู่ในตลาด Zscaler โดดเด่นด้วยการเป็นผู้นำที่ไม่เพียงพัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์แบบแท้จริง (Cloud-Native) ตั้งแต่แรกเร่ม แต่ยังมีประสบการณ์ให้บริการแก่องค์กรเอ็นเตอร์ไพลส์ระดับโลก มากว่าทศวรรษ จุดแข็งที่ทำให้ Zscaler ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ ได้แก่

  • Zero Trust Architecture ที่แท้จริง – ไม่มีการพึ่งพา VPN หรือไฟร์วอลล์แบบดั้งเดิมอีกต่อไป
  • Global Cloud Footprint – มีศูนย์ข้อมูลกว่า 150 แห่งทั่วโลก รองรับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและปลอดภัย
  • การบูรณาการอย่างไร้รอยต่อ – กับแพลตฟอร์ม SaaS ชั้นนำ เช่น Microsoft 365, AWS, Google Cloud
  • ประสบการณ์ระดับโลก – รองรับลูกค้ากว่า 7,000 ราย รวมถึงองค์กร Fortune 500 กว่าครึ่ง

ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปเรียนรู้ 6 แนวทางการประยุกต์ใช้งาน Zscaler SASE ในภาคธุรกิจไทย ซึ่งหลายองค์กรได้นำมาใช้งานจริง เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย เพิ่มความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และลดต้นทุนในการบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรม

credit : Zscaler

Secure Access Service Edge หรือ “SASE” (อ่านว่า “แซสซี”) คือโซลูชันคลาวด์ที่ผสาน เครือข่าย และ ความปลอดภัย ไว้ในที่เดียว เพื่อรองรับการทำงานยุคใหม่ที่ไม่จำกัดสถานที่ แต่ปัจจุบัน ผู้ให้บริการหลายรายยังนำระบบเก่ามาดัดแปลง (On-Premise Lift & Shift) แล้วอ้างว่าเป็น SASE ซึ่งนำไปสู่ข้อจำกัดในการใช้งานจริง

Zscaler แตกต่าง เพราะเป็น Cloud-Native SASE โดยแท้จริง พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อการทำงานบนคลาวด์ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน, การออกแบบ Policy, ความเร็วในการขยาย, ความปลอดภัยสูงสุด, จนถึงการบริหารจัดการที่ง่าย และลดภาระงานไอทีเดิมได้อย่างมากมาย

นอกจากนี้ Zscaler ยังครองตำแหน่ง “Leader” ใน Gartner Magic Quadrant หลายปีซ้อน ตอกย้ำความเชื่อถือได้ทั้งด้านเทคโนโลยีและผลลัพธ์ที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกไว้วางใจ รวมถึงในประเทศไทย ที่เริ่มมีการใช้งานจริงทั้งในรูปแบบ Full Deployment, Pilot Testing และ Proof of Concept แล้วเช่นกัน

โดยในบทความนี้ทีมงาน TechTalkThai ขอหยิบยกตัวอย่างรูปแบบการใช้งานเด่นๆ ที่ภาคธุรกิจไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้

1.) ทดแทนการใช้งาน VPN

credit : Zscaler

VPN เคยเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นในยุคที่พนักงานทำงานจากออฟฟิศเท่านั้น แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปสู่ Cloud และ Hybrid Work, VPN กลายเป็นอุปสรรค ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการดูแลรักษา

Zscaler ZTNA (Zero Trust Network Access) เข้ามาแทนที่ ด้วยแนวคิด “Zero Exposure” ไม่มีการเปิดเผยจุดเชื่อมต่อให้โจมตี ไม่ต้องติดตั้ง VPN Client ที่ยุ่งยาก ลดการใช้ DMZ, Firewall, NAC, PAM และอื่นๆ เพราะทุกอย่างรวมอยู่บนคลาวด์อย่างครบถ้วน และยังเน้นการเชื่อมต่อแบบ Least Privilege Access เชื่อมเฉพาะแอปที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

ประโยชน์จากการใช้ Zscaler ZTNA มีดังนี้

  • ไม่ต้องดูแลโครงสร้างไอทีเอง เพราะ ZTNA เป็นบริการคลาวด์ ขอเพียงแค่ผู้ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าสู่ Zscaler Cloud ได้
  • ลดต้นทุนในการจัดตั้ง DMZ Zone ซึ่งในระบบของ VPN ไม่ได้มีฟังก์ชันการตรวจสอบที่เพียงพอ ทำให้ต้องจัดหาระบบเพิ่มเติมเช่น NAC, PAM หรือ Firewall ซึ่งเพิ่มต้นทุนในการทำงาน แต่ Zscaler SASE มีโซลูชันครบวงจร เช่น CASB, Browser Isolation, Threat Protection (UEBA, Anti-virus, SSL Inspection, Sandbox), Cloud Firewall และอื่นๆ ที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ทันที
  • ไม่เผย Attack Surface จุดนี้คือความต่างที่สำคัญในคอนเซปต์ของ ZTNA และ VPN อย่างชัดเจน เพราะ VPN Server ต้องเปิดพอร์ตสู่ public internet เสี่ยงต่อการถูกโจมตี, ให้สิทธิ์การเข้าถึงเครือข่ายแบบทั้ง subnet ซึ่งเสี่ยงการเกิด lateral movement ขณะที่ ZTNA ออกแบบระบบแบบไม่ต้อง “เผยตัว” (Zero Exposure) จึงลดความเสี่ยงได้ตั้งแต่แรก
  • จำกัดการเชื่อมต่อเฉพาะแอปที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ใน ZTNA คือการนำแนวคิด Least Privilege Access มาปฏิบัติจริง คือ “ไม่เชื่อถือใครตั้งแต่แรก” (Never Trust, Always Verify) และ “ให้สิทธิน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น” ลดโอกาสการเข้าถึงแอปอื่นโดยไม่จำเป็น และลดความเสี่ยงการโจมตีจากทั้งภายใน และภายนอก

2.) ทดแทนการใช้งาน VDI (Virtual Desktop Infrastructure)

credit : Zscaler

หลายองค์กรนำ VDI มาใช้ เพื่อควบคุมความปลอดภัยของการเข้าถึงระบบให้ผ่านจากเครื่องศูนย์กลาง โดยหวังว่าจะตอบโจทย์นโยบาย Hybrid Work รวมไปถึงพนักงานภาคสนาม หรือบุคคลภาพนอกสามารถทำงานระยะไกลได้อย่างปลอดภัยบนเครื่องเสมือน อย่างไรก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติแล้ว VDI กลับมีต้นทุนแฝงหลายอย่าง ทั้งค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ ดูแลซอฟต์แวร์ หรือแม้แต่ทรัพยากรที่ต้องจองล่วงหน้า แม้จะย้ายไปอยู่บนคลาวด์ก็ยังมีต้นทุนพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาระของทีมไอที ที่ต้องจัดการด้าน Infrastructure, อัพเดท Patch, และการดูแลประสิทธิภาพระบบอยู่ตลอดเวลา

ในทางกลับกัน องค์กรที่เลือกใช้ Zscaler SASE สามารถเริ่มต้นได้ด้วย ZTNA (Zero Trust Network Access) ซึ่งเน้นการควบคุมการเข้าถึงในระดับแอปพลิเคชัน ตามสิทธิ์ของผู้ใช้โดยตรง พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งาน (Behavior-based Access) และเครื่องมือป้องกันข้อมูลรั่วไหล เช่น Data Loss Prevention (DLP) ด้วยการออกแบบแบบ Cloud-native ทั้งระบบ Zscaler รองรับการทำงานแบบ Hybrid Work ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมช่วยให้องค์กรสามารถขยายการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว มีความยืดหยุ่นสูง และบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนผู้ใช้งานจริง ไม่ผูกกับจำนวนอุปกรณ์

ด้วยเหตุนี้ หลายองค์กรที่ต้องการความคล่องตัว ความปลอดภัย และการประหยัดต้นทุนอย่างยั่งยืน จึงเริ่มทยอยเปลี่ยนจากการใช้ VDI แบบเดิม มาสู่การใช้ ZTNA บน SASE Platform เพื่อรองรับอนาคตการทำงานที่ยืดหยุ่นและทันสมัยอย่างแท้จริง

3.) ปลดล็อกขีดจำกัด และความปลอดภัย OT/ IIoT

ในอดีต การบริหารและรักษาความปลอดภัยในระบบ Operational Technology (OT) และ Industrial Internet of Things (IIoT) มักเผชิญกับข้อจำกัดหลายด้าน เช่น การพึ่งพา VPN แบบดั้งเดิมที่เชื่อมระบบภายในกับโลกภายนอกอย่างเสี่ยงภัย การติดตั้ง Agent ลงในอุปกรณ์ที่มีข้อจำกัดทางเทคนิค หรือความยุ่งยากในการควบคุมและตรวจสอบการเข้าถึงแบบละเอียด Zscaler เข้ามา “ปลดพันธนาการ” เหล่านี้ ด้วยแนวคิด Zero Trust Architecture ที่ไม่ต้องพึ่งขอบเขตเครือข่ายดั้งเดิม ทำให้สามารถควบคุมการเข้าถึงระบบ OT และ IIoT แบบละเอียดถึงระดับอุปกรณ์และผู้ใช้งานได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ภายในหรือภายนอกองค์กร โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมลงในเครื่องควบคุมสำคัญ

Zscaler นำเสนอแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับ OT และ IIoT โดยเฉพาะ เช่น Zscaler Zero Trust Exchange ที่แยกการเชื่อมต่อออกจากเครือข่ายโดยตรง เชื่อมเฉพาะผู้ใช้กับแอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาต รวมถึง Zscaler Remote Access for OT ที่อนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์ OT ผ่าน HTML5 Browser ได้โดยไม่ต้องติดตั้ง Agent และยังมีฟีเจอร์อย่าง Session Monitoring & Recording สำหรับตรวจสอบและบันทึกการเข้าถึง รวมถึง Zscaler Airgap ที่ช่วยเสริมการทำ Microsegmentation สำหรับแยกและปกป้องระบบควบคุมสำคัญให้อยู่เป็นกลุ่มปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ lateral movement ภายในเครือข่าย

ตัวอย่างการนำไปใช้จริง เช่น

  • กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องเปิดให้วิศวกรหรือพาร์ทเนอร์ภายนอกรีโมตเข้ามาดูแลสายการผลิต
  • กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค เช่น โรงไฟฟ้า หรือระบบประปา ที่ต้องควบคุมและตรวจสอบสถานะระบบจากระยะไกล
  • กลุ่มสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลที่เชื่อมต่ออุปกรณ์การแพทย์ IoT เข้ากับระบบควบคุมกลาง เพื่อการบริหารจัดการและบำรุงรักษา
  • กลุ่ม Smart City และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบจราจรอัจฉริยะ หรือโครงการเมืองอัจฉริยะที่ต้องการควบคุมโครงข่ายอุปกรณ์ IoT จำนวนมากให้ปลอดภัยและสอดคล้องตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล

ด้วยแนวทางของ Zscaler องค์กรสามารถขยายขีดความสามารถของ OT/IIoT ได้อย่างปลอดภัย พร้อมรองรับการทำงานระยะไกล การขยายธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคตอย่างยืดหยุ่น

4.) Zscaler ทางเลือกที่ให้มากกว่าแค่ SD-WAN

โดยส่วนใหญ่องค์กรจะมองการขยายสาขาโดยการใช้เทคโนโลยี SD-WAN เพื่อช่วยเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานใหญ่ สาขาย่อย และศูนย์ข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่นและประหยัดกว่าการใช้ MPLS แบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม เมื่อรูปแบบการทำงานขององค์กรเปลี่ยนไปสู่การใช้งาน Cloud, SaaS และ Hybrid Work เป็นหลัก อุปกรณ์ปลายทาง (CPE) และโครงสร้าง SD-WAN Appliance ก็เริ่มกลายเป็นภาระ ทั้งในเรื่องต้นทุน การดูแล และการรองรับรูปแบบการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น

Zscaler เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยองค์กรลดภาระของการลงทุนและความซับซ้อนของโครงสร้าง SD-WAN แบบเดิม โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ปลายทางในแต่ละสาขาอีกต่อไป ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือ Cloud ปลายทางได้อย่างปลอดภัยตรงจากทุกที่ ด้วยแนวคิด Zero Trust ที่เชื่อมเฉพาะผู้ใช้กับแอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาต ไม่ต้องวนกลับศูนย์กลาง (Backhaul) หรือพึ่งการตั้งค่าซับซ้อน

ในกรณีที่องค์กรยังต้องมีการเชื่อม Site-to-Site, มีศูนย์ข้อมูล, หรือระบบ Legacy อยู่จำนวนมาก ซึ่งอาจยังคงต้องใช้ SD-WAN Appliance บางส่วนคู่กับ Zscaler เพื่อให้ได้ทั้งประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเต็มที่โดยสามารถตั้งค่าให้ SD-WAN ส่งทราฟฟิกออกไปหา Zscaler ได้ทันที ผ่าน GRE Tunnel หรือ IPSec Tunnel จากนั้น Zscaler จะรับหน้าที่ทำตรวจสอบ ทราฟฟิก สแกนไวรัส ป้องกันภัยคุกคาม ตามนโยบาย Zero Trust ทั้งหมด ข้อดีคือ ไม่ต้องทำ Firewall หรือ Proxy แยกที่สาขา และไม่ต้องส่งทราฟฟิกวนกลับ (Backhaul) ผ่านสำนักงานใหญ่ Zscaler เพื่อทำ Security ทำหน้าที่เป็น Cloud Security Layer ที่ต่อเข้ากับ SD-WAN เพื่อเสริมให้ SD-WAN มีความปลอดภัยอย่างทันสมัยขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มอุปกรณ์แยกที่สาขา

อย่างไรก็ดี ด้วย Zscaler Private Access (ZPA) และ Zscaler Internet Access (ZIA) ซึ่งพอรวมกันภายใต้แนวคิด SASE (Secure Access Service Edge) ก็ทำให้แทบไม่ต้องใช้ SD-WAN Appliance แบบเดิมในหลายกรณีได้เลย ยกตตัวอย่างองค์กรระดับโลก เช่น Siemens AG, GE Healthcare, และ Nissan Motor Corporation ได้เลือกใช้ Zscaler เพื่อลดการพึ่งพา SD-WAN Appliance แบบเดิม เสริมความคล่องตัวในการเชื่อมต่อ Cloud, SaaS และรองรับการทำงานจากระยะไกลอย่างปลอดภัย ลดต้นทุนรวม (TCO) และเพิ่มความยืดหยุ่นทางธุรกิจอย่างเห็นผล

5.) Data Protection ยุคดิจิทัล ปกป้องทุกการเชื่อมต่อข้อมูล

credit : Zscaler

ในปัจจุบัน การปกป้องข้อมูลสำคัญไม่ได้จำกัดแค่การป้องกันการรั่วไหล แต่ยังต้องครอบคลุมทุกช่องทางที่ข้อมูลไหลผ่าน ทั้งการใช้งาน Cloud, SaaS, อุปกรณ์ปลายทาง และเว็บบราวน์เซอร์ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการทำงานแบบ Remote Work กลายเป็นเรื่องจำเป็น องค์กรต่างๆ จึงเริ่มให้ความสำคัญกับ Data Protection อย่างจริงจังมากขึ้น

Zscaler ตอบโจทย์นี้ด้วยโซลูชันการปกป้องข้อมูลที่ครบวงจร ภายใต้แนวคิด Zero Trust ที่ช่วยควบคุมการเข้าถึงข้อมูลอย่างละเอียด ลดความเสี่ยงการรั่วไหลจากทุกจุดเชื่อมต่อ พร้อมรองรับโครงสร้างพื้นฐานเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ ลดภาระการลงทุนและการจัดการที่ยุ่งยาก

โดยในแต่ละธุรกิจ มีความเสี่ยงแตกต่างกันไป เช่น

  • ธนาคารและสถาบันการเงิน ใช้ DLP และ CASB ปกป้องข้อมูลการเงินและธุรกรรมจากการรั่วไหลหรือถูกขโมย
  •  หน่วยงานราชการ พึ่งพา Zero Trust Network Access (ZTNA) และ Browser Isolation เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลความมั่นคงและข้อมูลประชาชนอย่างละเอียด
  •  โรงพยาบาล ใช้ DLP, CASB, Browser Isolation, Inline Data Protection, Endpoint DLP และ Zero Trust Access เพื่อปกป้องข้อมูลเวชระเบียนและข้อมูลทางการแพทย์ที่มีความอ่อนไหวสูง

Zscaler ช่วยให้องค์กรในทุกอุตสาหกรรมปกป้องข้อมูลได้อย่างครอบคลุม พร้อมบริหารจัดการง่าย และลดความซับซ้อนในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลยุคใหม่

6.) การปกป้องข้อมูล และการตอบสนองต่อกฎหมาย ข้อกำหนดด้วย Zscaler SASE

ปัจจุบัน กฎหมายด้านข้อมูลและข้อกำกับทางไซเบอร์กลายเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับหน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน ธนาคาร โรงพยาบาล และอุตสาหกรรมที่ถูกควบคุมเข้มงวด เช่น พลังงาน หรือโทรคมนาคม เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ครบถ้วน Zscaler จึงตอบโจทย์ใน 2 ด้านสำคัญ

  • มาตรฐานสากล: Zscaler ได้รับการรับรองตามมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลระดับโลก เช่น ISO 27001, SOC 2 Type II, NIST CSF และรองรับการดำเนินงานตามแนวทางของ สกมช. (NCSC Thailand)
  • การประมวลผลข้อมูลภายในประเทศ: กรณีที่องค์กรต้องการให้ข้อมูลอยู่ภายในประเทศ (Data Sovereignty) Zscaler มีตัวเลือก Local Processing Node หรือ Private Service Edge เพื่อติดตั้งในไซต์ของลูกค้า รองรับการทำงานแบบ Cloud-native แต่ยังคงข้อมูลในประเทศตามข้อกำหนด

ตัวอย่างกฎหมาย ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง และโซลูชันของ Zscaler ที่รองรับ

กฎหมาย/ข้อบังคับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโซลูชันของ Zscaler ที่รองรับ
พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)รัฐบาล, ธนาคาร, โรงพยาบาล, องค์กรเอกชนDLP, CASB, ZTNA, Inline Data Protection
พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity Act)หน่วยงานรัฐ, พลังงาน, โทรคมนาคมZero Trust Access, Threat Protection, Browser Isolation
ข้อกำหนดจากสกมช. (NCSC TH Guidelines)รัฐบาล, โครงสร้างพื้นฐานสำคัญPrivate Service Edge, Local Data Processing, Full Encryption Compliance
PCI-DSS (มาตรฐานการปกป้องข้อมูลบัตรเครดิต)ธนาคาร, Payment GatewayDLP, SSL Inspection, Cloud Firewall
HIPAA (กฎหมายคุ้มครองข้อมูลสุขภาพ)โรงพยาบาล, สาธารณสุขDLP, CASB, Browser Isolation, Endpoint DLP

การเก็บข้อมูลของลูกค้า หน่วยงานรัฐ และการปฏิบัติตาม Data Sovereignty

  • Zscaler ไม่เก็บข้อมูลของลูกค้าในระบบของตัวเอง: ข้อมูลที่วิ่งผ่านแพลตฟอร์มของ Zscaler จะถูกใช้เพื่อการตรวจสอบและบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยเท่านั้น ไม่ถูกเก็บเก็บถาวรหรือจัดเก็บเพื่อนำไปใช้ต่อรองรับการประมวลผลในประเทศ (Local Processing)
  • Government Cloud & Sensitive Data Protection: ในกรณีที่หน่วยงานรัฐมีความต้องการใช้ Government Cloud เพื่อเก็บข้อมูลเปราะบาง เช่น ข้อมูลประชาชน ข้อมูลสุขภาพ หรือข้อมูลทางความมั่นคง Zscaler สามารถเสริมความปลอดภัยได้ทั้งระดับการเข้ารหัสข้อมูล (Full Encryption Compliance) และการตรวจสอบการเข้าถึงแบบ Zero Trust ผ่าน Private Service Edge ทำให้องค์กรสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่หลุดออกนอกพื้นที่ที่กำหนด และการเข้าถึงข้อมูลจะต้องผ่านการยืนยันตัวตนอย่างละเอียดทุกครั้ง

สำหรับองค์กรที่สนใจโซลูชัน Zscaler หรือต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริงในประเทศไทย ทีมงาน Fusion Advantec พร้อมให้บริการ ติดต่อเราฝ่ายขายได้ที่ 02-965-8006-8  อีเมล์ sales.si@fusion.co.th

หรือกรอกข้อมูลได้ที่ https://forms.office.com/r/6FrZGffndR?origin=lprLink

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

Apple เตรียมปล่อย LLM ให้นักพัฒนาใช้งาน

รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า Apple วางแผนที่จะเปิดให้ผู้พัฒนาภายนอกสามารถสร้างแอปพลิเคชันโดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ของบริษัท โดยคาดว่าบริษัทจะประกาศโครงการดังกล่าวในงานประชุมนักพัฒนา WWDC ที่จะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้

โรบินฮู้ด รับช่วงต่อจากฟู้ดแพนด้า ส่งต่อบริการเดลิเวอรีเพื่อคนไทย [Guest Post]

โรบินฮู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่สัญชาติไทย ดำเนินการโดยบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือกลุ่ม บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ประกาศข้อตกลงเชิงกลยุทธ์กับฟู้ดแพนด้า ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Delivery Hero จากประเทศเยอรมนี …