ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษมาแล้ว ได้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าวิธีการตรวจสอบมูลค่าของธุรกิจต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เป็นที่รับรู้ว่ามูลค่ามีความสัมพันธ์กับทรัพย์สินที่จับต้องได้ สิ่งของทางกายภาพที่สามารถเห็นและจับต้องได้ ทุกอย่างตั้งแต่เงินสดไปและสินค้าคงคลังไปจนถึงเครื่องจักรในโรงงานและอาคารสำนักงาน แต่ไม่ใช่สำหรับปัจจุบันแล้วเนื่องจากมูลค่าทางธุรกิจที่แท้จริงพบในทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ สิ่งของที่ไม่อาจมองเห็นได้แต่มีมูลค่าสูงมาก เช่น ทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท แบรนด์ หรือทรัพยากรมนุษย์
สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้อยู่ภายหลังหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่บางหุ้นและการประเมินมูลค่าที่เราได้เห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลองนึกถึง Facebook ( มูลค่าตามราคาตลาดสูงสุดจำนวนมากกว่า 104 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ) และทวิตเตอร์ ( มูลค่าตามราคาตลาดที่ได้รับการประเมิน 12.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าสูงมาก เช่น ข้อมูลลูกค้า ขั้นตอนวิธี การเข้าถึงข้อมูล ข้อมูลลับ การใช้ข้อมูล และแบรนด์
การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในวิธีที่มูลค่านำความท้าทายอันแท้จริงสำหรับการงานด้านการเงินของธุรกิจ หากการทำงานด้านการเงินเพื่อทำความเข้าใจและนำเสนอมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจของพวกเขา มันต้องสามารถวิเคราะห์และวัดผลได้อย่างแม่นยำ และรายงานสิ่งที่จับต้องไม่ได้ในโลกนี้ ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่มีระบบและไม่มีระบบ ต้องมีความเข้าใจในสิ่งที่เป็นสินทรัพย์ใหม่ ซึ่งก่อให้เกิด KPI สำหรับพวกเขาและวัดผลประสิทธิภาพของทรัพย์สินใหม่เหล่านี้ ข้อมูลเหล่านี้ต้องได้รับการรายงานในวิธีที่โปร่งในและชัดเจนแก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ดังที่เราได้พบเห็นในปัจจุบัน จะมีการดึงเอาความชาญฉลาดและมูลค่าออกมาจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยการนำข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครสร้างทั้งสองนี้มาผสมผสานกัน
ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดว่าหากแผนกการเงินมีความเข้าใจมูลค่าของธุรกิจอย่างแม่นยำ การจัดการข้อมูลจะเป็นเรื่องที่สำคัญ แผนกการเงินต้องกระตุ้นให้เกิดข้อมูลจากทุกสายงานธุรกิจและการดำเนินงาน และนำข้อมูลนี้ไปผสมผสานรวมกับแหล่งข้อมูลเดียว ( SSOT ) นอกจากนั้นก็จะสามารถสร้างเรื่องเล่าที่จูงใจรอบ ๆ ข้อมูลนี้ มันต้องทำงานร่วมด้วยช่วยกันกับผู้จัดการทุกสายงานธุรกิจเพื่อทำความเข้าใจความหมายโดยนัยของสิ่งที่ข้อมูลกำลังจะบอกอย่างลึกซึ้ง ในรูปแบบนี้ การเงินคือระบบแนะนำสำหรับธุรกิจ ซึ่งเชื่อมต่อแผนกต่าง ๆ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายเข้าด้วยกันเพื่อค้นพบ ทำความเข้าใจ และรายงานมูลค่า
อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้วิสัยทัศน์นี้แผนกการเงินจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีในการทำงาน วันของสเปรดชีทและกระบวนการด้วยมือ ไกลเกินไปสำหรับช่วงระยะเวลาสุดท้ายของการทำรายงาน หากมีการวัดมูลค่าของสินทรัพย์อย่างแม่นยำ การกลับไปกลับมาระหว่างผู้จัดการด้านการเงินและด้านธุรกิจต้องเก็บไว้เป็นคุณสมบัติขั้นต่ำของระบบ ไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างรายงานให้ช้าลงเท่านั้น แต่ยังให้ขอบเขตสำหรับข้อผิดพลาดเพื่อเข้าในไปในกระบวนการอย่างเงียบ ๆ แผนกการเงินต้องการระบบที่สามารถมอบการลื่นไหลของงานและความปลอดภัย ( เพื่อมั่นใจว่าผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่อ่อนไหวสามารถเห็นได้เพียงเท่านั้น ) ขณะที่รับประกันว่ามีการรักษาข้อมูลปัจจุบันและที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้น แผนกการเงินไม่สามารถพึ่งพาระบบ ERP มาตรฐานได้อย่างเรียบง่าน แต่ต้องการขยายเข้าไปในระบบสายงานธุรกิจและระบบที่คาดการณ์และซับซ้อนได้ต่อไปซึ่งจะทำงานกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในโลกของบิ๊กดาต้า
ระบบการจัดการประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรในระบบคลาวด์สมัยใหม่ตอบสนองความต้องการทั้งหมด และสำหรับเหตุผลนี้ ผมคาดหวังที่จะเห็นระบบดังกล่าวจะสร้างผลลัพธ์ต่อระยะเวลาสุดท้ายของการสร้างรายงานในอนาคตอันใกล้ จะมีระบบของการค้นหาธุรกิจอย่างเป็นระบบสำหรับสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้แต่มีมูลค่ามากมาย เช่น การวิเคราะห์ “ความลับ” และ “ความรู้” จากนั้นก็จะนำมาผสมผสานในรายงานที่ขับเคลื่อนด้วยการเล่าเรื่อง ผลลัพธ์คือทีมงานด้านการเงินที่สามารถวัดมูลค่าธุรกิจได้อย่างแม่นยำและรายงานในวิธีการที่โปร่งใสแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย
บทความโดย คุณจัสสเปียร์ ซิงห์ รองประธานฝ่ายแอพพลิเคชั่น ERP และ SCM ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น