ทุกวันนี้อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างตกแต่งบ้านนั้นกำลังอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ทั้งจากคู่แข่งหลากหลายรายในประเทศไทย, การเข้ามาตีตลาดของผู้ผลิตจากจีน และพฤติกรรมของลูกค้าในประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ในครั้งนี้ได้รับเกียรติสัมภาษณ์คุณชาตรี ตั้งมิตรประชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โฮมฮับ จำกัด ผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างตกแต่งบ้านครบวงจรในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีวิสัยทัศน์ในการปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ตอบโจทย์ลูกค้า และปรับปรุงการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับนำ SAP Business One มาใช้เป็นศูนย์กลางในบริหารจัดการองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตของธุกิจ
Homehub ผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจร ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 48 ปี “ครบเรื่องบ้าน บริการดี ที่โฮมฮับ”
คุณชาตรีได้เล่าย้อนถึงอดีตของ Homehub ในยุคของคุณพ่อและคุณแม่ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2519 ณ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเริ่มจากการจำหน่ายเครื่องมือพ่นรถยนต์และสีทาอาคารภายใต้ชื่อหจก.สีรุ้งอุบล จนธุรกิจเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และคุณชาตรีได้เข้ามาร่วมทำงานภายในบริษัทเมื่อปี 2543 ก่อนที่ธุรกิจจะขยายมาสู่การจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้ชื่อบริษัท สีรุ้งโฮมโปร
จนเมื่อปี 2548 บริษัทได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งมาสู่ชื่อ Homehub เพื่อให้มีเอกลักษณ์ของตนเองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และสื่อถึงการเป็นผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างตกแต่งบ้านครบวงจร โดยมีการขยายสาขาในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือถึง 5 สาขา ให้ลูกค้าเข้าไปเลือกชมเลือกซื้อสินค้าได้แล้วในปัจจุบัน
“เราเน้นตลาดอีสานเป็นหลัก เพราะเราเกิดที่นี่” คุณชาตรีกล่าว
ความโดดเด่นของ Homehub ไม่ได้มีเพียงแค่การมีสินค้าให้เลือกซื้อมากกว่า 100,000 รายการ ซึ่งครอบคลุมในทุกความต้องการของการก่อสร้างและการตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่ยังมีบริการครบวงจรที่คุณชาตรีและครอบครัวได้พัฒนาขึ้นมา ทั้งส่วนของการมีศูนย์บริการและซ่อมแซมของตนเอง, การมีบริการออกแบบ 3 มิติ, บริการก่อสร้างและซ่อมแซมต่อเติมบ้าน อาทิ ห้องน้ำ, ห้องครัว, งานรั้ว, งานสีทาอาคาร, ต่อเติมโรงจอดรถ, งานปูพื้นSPC, งานติดตั้งแอร์, เครื่องทำน้ำอุ่น, ปั๊มน้ำ และงาน Solar Roof อีกทั้งยังมีธุรกิจขายส่ง, การให้เครดิตการขาย, การส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน, การเข้าร่วมประมูลงานโครงการ ทำให้ Homehub มีแง่มุมในการเติบโตหลากหลายช่องทาง และครองใจลูกค้าแถบอีสานได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่สนใจสินค้าวัสดุก่อสร้างตกแต่งบ้านจาก Homehub สามารถเลือกชมสินค้าได้ที่ https://homehub.co.th/
ธุรกิจวัสดุก่อสร้างตกแต่งบ้านมีการแข่งขันสูง การปรับตัวด้วยเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งจำเป็น
เป็นที่รู้กันดีว่าอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านนั้นเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ซึ่งคุณชาตรีเล่าว่าในแถบอีสานเองก็มีคู่แข่งรายใหญ่ที่แข่งขันกันอยู่ตลอด อีกทั้งยังมีคู่แข่งจากภูมิภาคอื่นๆ ที่เข้ามาตีตลาดอีสานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การทำธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญกับการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง และ Homehub ก็ต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับการแข่งขันที่สูงขึ้นมาโดยตลอด
เมื่อประเทศไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤต COVID-19 ก็ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ร้านค้าปลีกในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านนั้นเคยเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คนในช่วงสุดสัปดาห์ ที่มีลูกค้าเข้ามาเดินเล่นเยี่ยมชมและซื้อสินค้า พฤติกรรมเหล่านี้ก็ค่อยๆ หายไปและเปลี่ยนไปสู่การสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยหน้าร้านเหลือบทบาทเพียงแค่พื้นที่สำหรับชมและทดสอบสินค้า ก็เป็นอีกช่วงเวลาสำคัญที่ Homehub ต้องเร่งปรับตัวอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ยังถือเป็นโชคดีของ Homehub ที่แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีนักสำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่กำลังซื้อในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านก็ยังคงมีความต้องการอยู่เสมอ ทำให้ Homehub ที่ปรับตัวต้องรวดเร็วอยู่เสมอนั้น ยังคงมีกำไรเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งคุณชาตรีก็ได้เฉลยถึงเคล็ดลับสำคัญ นั่นก็คือ “การปรับนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมธุรกิจ” นั่นเอง
ปรับธุรกิจให้เร็ว ระบบ ERP ต้องพร้อม
คุณชาตรีกล่าวว่าการปรับตัวของ Homehub เพื่อเปิดรับลูกค้าในช่องทางออนไลน์ให้ได้อย่างรวดเร็วนั้น การใช้เทคโนโลยีมีความจำเป็นอย่างมากเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริหารธุรกิจที่มีหลายสาขาของ Homehub การรวบรวมข้อมูลรายงานทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วในระดับ Real-Time ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่จำเป็นในการปรับกลยุทธ์ของธุรกิจให้ทันท่วงที ERP จึงถือเป็นเทคโนโลยีหัวใจสำคัญที่จะทำให้การขยับตัวของธุรกิจมุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้องได้อย่างแม่นยำ
ในอีกแง่หนึ่ง เมื่อโลกเข้าสู่ยุคออนไลน์อย่างเต็มตัว การบริหารจัดการสื่อออนไลน์ก็กลายมาเป็นอีกภารกิจสำคัญของ Homehub เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ข่าวสาร รู้จักสินค้าใหม่ๆ และทำการตัดสินใจเข้ามาเยี่ยมชมหรือสั่งซื้อสินค้าได้ ซึ่งทาง Homehub ก็มีการเร่งจัดการทั้งในส่วนของ Website ที่เป็นช่องทางหลักในการปิดการขาย และส่วนของช่องทางการสื่อสารออนไลน์กับลูกค้าอย่างเช่น LINE, Facebook Page, Facebook Messenger และ TikTok
อย่างไรก็ดี คุณชาตรีพบว่าแม้โลกเราจะเข้าสู่ยุคออนไลน์แล้ว แต่ก็มีลูกค้าบางส่วนที่ยังมาเยี่ยมชมเลือกซื้อสินค้าที่หน้าร้านหรือติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เป็นหลักอยู่ ซึ่งก็คือลูกค้ากลุ่มที่อายุมากกว่า 40 ปี และก็ยังคงเป็นลูกค้ากลุ่มที่ Homehub ยังให้ความสำคัญมากอยู่เช่นกัน
ด้วยภาพรวมนี้ ทำให้ Homehub ต้องใช้กลยุทธ์ O2O บริหารธุรกิจทั้งในส่วนออนไลน์และหน้าร้านควบคู่กันไป ในขณะที่ต้องสามารถปรับตัวขยับขยายทั้งในสองช่องทางได้อย่างคล่องตัว ทาง Homehub จึงจำเป็นที่จะต้องมีระบบ ERP ที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับ Master Data ของการดำเนินธุรกิจในทุกช่องทาง และมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่แม่นยำชัดเจนได้อย่าง Real-Time ในทุกการดำเนินงาน
เลือกใช้ SAP Business One บริหารธุรกิจได้แบบ Real-Time พร้อมรองรับการต่อยอดได้ในอนาคต
แม้ว่าก่อนหน้านี้ Homehub จะมีการใช้งานระบบ ERP ดั้งเดิมอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อธุรกิจขยับขยายมีหลายสาขาและมีช่องทางออนไลน์ที่มากขึ้น คุณชาตรีก็พบกับข้อจำกัดของระบบ ERP ที่มีอยู่เดิมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง 2 ประเด็นหลักที่ทำให้ Homehub ตัดสินใจมองหา ERP ใหม่มาทดแทนระบบเดิมนั้นก็ได้แก่
- ระบบ ERP เดิมเป็นแบบ On-Premises ที่ไม่สามารถย้ายระบบขึ้นสู่ Cloud ได้ ทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์การรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อบริหารจัดการธุรกิจหน้าร้านและออนไลน์ร่วมกันได้อย่างคล่องตัว
- การออกรายงานทางธุรกิจของระบบ ERP เดิมนั้นไม่สามารถทำแบบ Real-Time ได้ จึงไม่ตอบโจทย์ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจและตัดสินใจของผู้บริหารที่ต้องการความรวดเร็วได้
เมื่อพบกับข้อจำกัดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ของระบบ ERP เดิม คุณชาตรีจึงสอบถามไปยังเพื่อนนักธุรกิจที่รู้จักและผู้เชี่ยวชาญภายในบริษัทให้ช่วยแนะนำระบบ ERP ใหม่ ซึ่งแทบทุกคนก็แนะนำให้ใช้ SAP จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- การจัดเก็บข้อมูลธุรกิจได้อย่างเป็นมาตรฐาน สามารถใช้ต่อยอดในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตได้หากต้องการ
- การรองรับการใช้งานบน Cloud ได้อย่างมีประสิทธภาพ สามารถเชื่อมผสานข้อมูลจากทุกสาขามารวมกันที่ศูนย์กลางได้
- การบริหารจัดการระบบ, การจัดการคลังสินค้า และการเรียกดูรายงานของธุรกิจได้แบบ Real-Time ทำให้ทุกการทำงานและการตัดสินใจเป็นไปได้อย่างแม่นยำ
- รองรับการพัฒนาระบบต่อยอดตามต้องการได้ เช่น การพัฒนา Mobile Application สำหรับใช้งานผ่าน Tablet เพื่อให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีขณะที่กำลังให้บริการลูกค้า ซึ่งช่วยให้สามารถปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเชื่อมต่อระบบเข้ากับระบบของธนาคาร เพื่อช่วยให้การโอนจ่ายเงินของลูกค้ามีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และการพัฒนาระบบตรวจสอบบริหารจัดการชั้นวางสินค้าหรือคลังสินค้าได้ในแบบ Real-Time
ด้วยคุณค่าที่ชัดเจนในทุกแง่มุม จึงไม่ยากนักที่ Homehub จะตัดสินใจเลือกใช้ระบบ SAP Business One
เชื่อมั่นในทีมงาน NDBS ช่วยวางระบบให้มีมาตรฐาน เชื่อมผสานระบบได้ราบรื่น ดูแลรักษาแก้ไขปัญหาให้อย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าโครงการพัฒนาระบบ ERP ใหม่นั้นเป็นโครงการที่มีความสำคัญและซับซ้อนสูง Homehub จึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาช่วยให้คำปรึกษาและวางระบบให้เหมาะสม ซึ่งทางบริษัทก็ได้เลือกให้ NTT Data Business Solutions หรือ NDBS เข้ามารับบทบาทในฐานะของ SAP Consultant และ SAP Implementer อย่างครบวงจร โดยเลือกใช้ SAP Business One on HANA มาเป็นโซลูชั่นหลักในโครงการนี้
จุดสำคัญที่ทำให้ Homehub ตัดสินใจเลือกใช้บริการจาก NDBS นั้น ก็คือประสบการณ์ของทีมงาน NDBS ที่เคยวางระบบ SAP ให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันมาก่อน จึงสามารถให้คำแนะนำที่ตอบโจทย์ต่อการดำเนินงานในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีทีมงานขนาดใหญ่ที่มีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งแต่ละคนรับบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนในการออกแบบและพัฒนาระบบ ทำงานร่วมกันได้อย่างต่อเนื่อง จึงสามารถเข้ามาช่วย Homehub ได้เป็นอย่างดี
ในแง่ของการย้ายระบบขึ้นสู่ Cloud ทางทีมงาน NDBS ก็สามารถสนับสนุนเชิงเทคนิคให้กับทาง Homehub ได้เป็นอย่างดี มีการดูแลหลังการขาย ตรวจสอบแก้ไขปัญหา และทดสอบให้มั่นใจว่าระบบสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ โดยเมื่อเกิดปัญหาใดๆ ทาง Homehub ก็สามารถแจ้งไปให้ช่วยแก้ไขได้ตลอดเวลา
คุณชาตรีได้แบ่งปันประสบการณ์ในการขึ้นระบบ SAP Business One เอาไว้ว่าความรวดเร็วหรือล่าช้าในการขึ้นระบบเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยเมื่อทีมผู้บริหารได้ลงไปตรวจสอบปัญหาก็พบว่ามีหลายส่วนที่เกิดความล่าช้าจากบุคลากรภายในและความพร้อมของบริษัทเอง ซึ่งเมื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้ว โครงการก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ความท้าทายหนึ่งที่ Homehub ต้องเผชิญในโครงการนี้ ก็คือในระหว่างที่มีการขึ้นระบบ SAP Business One นั้น ก็ยังคงต้องดูแลระบบ ERP เดิมควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งในช่วงเวลานั้นยังเป็นช่วงที่ยอดขายค่อนข้างดี จึงมีความกดดันทั้งจากการบริหารธุรกิจและบริหารโครงการ ERP ไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อเริ่มใช้งาน SAP Business One เป็นระบบหลักแล้ว ทาง Homehub ก็ประทับใจมากจากการมีข้อมูลธุรกิจในระดับ Real-Time ให้เข้าถึงใช้งานได้อย่างครบถ้วน สามารถสร้างรายงานธุรกิจที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบงบกำไรขาดทุนได้ทุกสิ้นเดือน สรุปงบได้ทันที ซึ่งในส่วนนี้คุณชาตรีระบุว่า NDBS มีบทบาทสำคัญในการออกแบบผังบัญชีเอาไว้เป็นอย่างดี และมีการทำงานร่วมกับฝ่ายบัญชีของบริษัทอย่างเข้มข้น ทำให้มีข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน ตรวจสอบย้อนหลังได้ ตรวจสอบลงลึงถึงระดับข้อมูลของแต่ละใบเสร็จได้ อีกทั้งยังสามารถค้นหาเอกสารที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
นอกจากนี้ Homehub ยังมีการใช้ SAP Business One เชื่อมต่อเข้ากับระบบการขายสินค้าในช่องทางต่างๆ ผ่าน API ด้วย ซึ่งระบบก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การขายมีความทันสมัย ตรวจสอบสินค้าในคลังได้ตลอด อีกทั้งยังรองรับการชำระเงินผ่าน QR Code และ EDC ได้ โดยยังสามารถต่อยอดสู่การออกโปรโมชั่นที่แม่นยำ และการออกคูปองท้ายใบเสร็จโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ ซึ่งสามารถเพิ่มยอดขายให้กับ Homehub และลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
อนาคตธุรกิจวัสดุก่อสร้างตกแต่งบ้านยังต่อยอดด้วยเทคโนโลยีได้อีกมาก แต่ความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าก็เป็นสิ่งที่ห้ามละเลย
คุณชาตรีได้ทิ้งท้ายถึงอนาคตของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านว่ายังมีช่องทางใหม่ๆ ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับปรุงธุรกิจได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI อย่าง ChatGPT เข้ามาช่วยค้นหาหรือปรึกษาในประเด็นต่างๆ หรือการหา Software ใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการดำเนินงานส่วนต่างๆ ของธุรกิจ และเทรนด์ของจุดชำระเงินแบบไร้พนักงานที่กำลังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ในแผนการดำเนินงานของ Homehub ในอนาคตจะยังคงมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เสริมธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกๆ ช่องทาง
ข้อระวังหนึ่งที่สำคัญมากๆ ซึ่งคุณชาตรีได้แบ่งปันเอาไว้ในการพูดคุยครั้งนี้ ก็คือการฝากถึงเหล่าผู้บริหารในองค์กรต่างๆ ที่ต้องการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เสริมธุรกิจ ว่าในทุกการใช้เทคโนโลยี ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลผู้บริโภคอยู่เสมอ ซึ่งโดยส่วนตัวคุณชาตรีเองก็เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการที่ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณชาตรีหลุดรั่วไปถึงมิจฉาชีพ Call Center ที่รู้ข้อมูลเชิงลึกมากจนน่าตกใจ ซึ่งเหตุนี้เองที่ทำให้คุณชาตรีให้ความสำคัญต่อประเด็นนี้มากๆ สำหรับลูกค้าของ Homehub และอยากฝากให้ทุกธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้องและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจเช่นกัน
“แข่งขันกันด้วยบริการดีกว่าแข่งกันขาดทุน” คุณชาตรีกล่าวเป็นบทสรุปสุดท้ายของการสนทนาครั้งนี้ด้วยเป้าหมายที่อยากให้ทุกคนมุ่งพัฒนาธุรกิจให้การนำเทคโนโลยีมาใช้นั้นเกิดประโยชน์กับผู้บริโภคสูงสุดอย่างแท้จริง แทนที่จะมาแข่งกันตัดราคาจนไม่มีใครได้ประโยชน์ในท้ายที่สุด
เกี่ยวกับ NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd.
บริษัท NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd. ภายใต้กลุ่ม บริษัท NTT DATA ผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก และเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation และเป็นสมาชิก SAP Global Partner ที่พร้อมคำปรึกษาและบริการด้านการออกแบบ พัฒนา ติดตั้งโซลูชัน SAP Solution และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ
สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรึกษาด้านโซลูชั่น SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้น NTT DATA Business Solutions Thailand พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ ติดต่อได้ที่ โทร 02 237 05553 หรือติดตาม ได้ที่ email: marketing-solutions-th@nttdata.com และ www.nttdata-solutions.com