หลังจากที่วันก่อนทางทีมงาน TechTalkThai ได้นำเสนอรายชื่อซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่ใช้งานร่วมกับ Windows 10 ได้ ซึ่งทดสอบโดย AV-Comparatives ไปแล้วนั้น วันนี้ทีมงานได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ Windows 10 พร้อมให้บริการผู้ใช้ทันทีหลังติดตั้งมาเล่าสู่กันฟังครับ
ฟีเจอร์ใหม่ และเหมือนจะใหม่
ฟีเจอร์ใหม่ที่หลายคนคงได้เห็นแล้วใน Windows 10 ก็คือ ปุ่ม Start กลับมาใหม่ Cortana ระบบสนับสนุนเสมือนจริงสำหรับช่วยเหลือผู้ใช้งานในชีวิตประจำวัน และ Edge เว็บเบราเซอร์ใหม่ที่คาดว่าถูกใช้แทน Internet Explorer (แต่น่าเสียดายที่เบราเซอร์ดังกล่าวยังไม่รองรับการติดตั้ง Extension ต่างๆ)
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยล่ะ ?
- การบังคับอัพเดทระบบปฏิบัติการและแพทช์อัตโนมัติสำหรับ Home User อย่างไรก็ตาม สามารถบล็อคการอัพเดทดังกล่าวได้ชั่วคราวโดยการติดตั้งแพ็คเก็จ “Show or hide updates”
- Advanced Threat Analytics หรือ ATA ที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้และอุปกรณ์ภายในระบบเครือข่ายขององค์กรได้
- Antimalware Scan Interface หรือ AMSI ที่ช่วยให้นักพัฒนาแอพพลิเคชันและเซอร์วิสสามารถผนวกรวมแอพพลิเคชันของตนเองเข้ากับระบบตรวจจับมัลแวร์บน Windows 10 ได้ทันที
- Windows Hello ระบบพิสูจน์ตัวตนแบบไบโอเมทริกซ์ โดยใช้การตรวจจับใบหน้าและลายนิ้วมือ แทนที่จะเป็นรหัสผ่านแบบเดิม
- Wi-Fi Sense ฟีเจอร์การแชร์ Wi-Fi ที่ถูกเปิดใช้อัตโนมัติหลังอัพเกรด Windows 10 ฟีเจอร์นี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงในปัจจุบันถึงปัญหาด้านความปลอดภัยที่ตามมา แต่ยังถือว่าโชคดีที่ผู้ใช้สามารถปิดการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวได้
- มีระบบตรวจสอบแอพพลิเคชันก่อนติดตั้ง ว่าดาวน์โหลดมาจากทีมนักพัฒนาที่เชื่อถือได้หรือไม่
- ฟีเจอร์อื่นๆอีกมากมายบนเวอร์ชัน Enterprise เช่น การกำหนดนโยบายเพื่อเข้ารหัสข้อมูลที่เป็นความลับ
ความเห็นจาก Matthew Aldridge, Solutions Architect จาก Webroot
Windows 10 มีการอัพเกรดความปลอดภัยหลายประการ ซึ่งนับว่าดูดีเลยทีเดียว แต่ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้าสู่ตลาด แนะนำว่าหน่วยงานต่างๆควรวางแผนการอัพเกรดให้ดี การทดสอบแอพพลิเคชันและการใช้งานรูปแบบต่างๆสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ (Compatability) รวมทั้งควรเผื่อเวลาในการแก้ไขบั๊ค เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
Microsoft แสดงให้เห็นแล้วว่า BYOD กลายเป็นการใช้งานทั่วไปของหลายบริษัท โดยการเพิ่มฟีเจอร์การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Loss Prevention หรือ DLP) โดยผู้ใช้งานสามารถควบคุมแอพพลิเคชันและเข้ารหัสข้อมูลสำคัญขององค์กรได้ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวตกไปอยู่ในมือคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ VPN เฉพาะแอพพลิเคชันที่สนใจได้ เป็นการยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มประสบการณ์การใช้งานอันดีให้กับผู้ใช้งาน