NEC ได้ออกมาเผยถึงความสำเร็จในงานวิจัยร่วมกับ Google ที่นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้กับระบบเคเบิ้ลใต้ทะเล เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้สูงกว่าที่เคยออกแบบเอาไว้ได้ถึง 2.5 เท่า จนมีความเร็วสูงสุดรวมกันอยู่ที่ 26Tbps แล้ว
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับสถิติ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการทำ 64 Quadrature Amplitude Modulation (64QAM) ให้กับเคเบิ้ลใต้ทะเลที่มีชื่อว่า FASTER ซึ่งมีความยาว 11,000 กิโลเมตร เชื่อมต่อไต้หวัน, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาเข้าด้วยกัน จนการรับส่งข้อมูลนี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น 2.5 เท่าจากที่เคยออกแบบไว้ตอนติดตั้งใช้งานแต่แรกเริ่ม มีความเร็วรวมกัน 26Tbps และทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลครั้งนี้เข้าใกล้กับค่า Shannon Limit ซึ่งเป็นประสิทธิภาพสูงสุดในเชิงทฤษฎีเลยทีเดียว
การวิจัยนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในแบบ Nonlinearity Compensation (NLC) บนสายเคเบิ้ลที่มีการใช้งานจริง โดยการทดสอบได้มีการใช้ Compensation Algorithm ที่พัฒนาต่อยอดมาจากการใช้ Deep Neural Networks เพื่อให้เกิดความแม่นยำสูงสุด และมีความซับซ้อนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ Algorithm รูปแบบอื่นๆ ในการประมวลผล
ข่าวนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เพราะหาก AI สามารถช่วยให้เกิดการอัปเกรดความเร็วของระบบเครือข่ายได้โดยไม่ต้องมีการลงทุนด้าน Hardware หรือเดินสายใดๆ เพิ่มเติม ก็อาจเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับความเร็วของการเชื่อมต่อเครือข่ายข้ามทวีปทั่วโลกได้ในอนาคต
ที่มา: https://www.telecomasia.net/content/nec-applies-ai-subsea-cable-networks, https://www.nec.com/en/press/201805/global_20180515_02.html