การสำรองข้อมูลขององค์กรถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น เก็บข้อมูลเพื่อทำ Backup ตอบสนองกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในการตรวจสอบซึ่งต้องคงสภาพข้อมูลไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าความต้องการเหล่านี้ได้สร้างความซ้ำซ้อนของข้อมูลมากมาย ทำให้เสียพื้นที่จัดเก็บอย่างมหาศาลแถมยังเพิ่มภาระในการบริหารจัดการอีกด้วย
ต้องยอมรับว่านโยบายการผลักดันระบบการทำงานขององค์กรสู่คลาวด์นั้นร้อนแรงขึ้นมาก จากเหตุการณ์โรคระบาด อย่างไรก็ดีในทางปฏิบัติหลายองค์กรพบว่าการย้ายข้อมูลขึ้นคลาวด์นั้นไม่ง่ายเลย อาจเพราะยังกังขาในเรื่องประสิทธิภาพว่าจะดีเท่าเดิมหรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีการทดสอบอย่างเข้มข้น รวมถึงหากเกิดปัญหาขึ้นจริงจะแก้ไขอย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ในบทความนี้เองเราขอพาทุกท่านเรียนรู้การผสมผสานความสามารถระหว่าง 2 บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลของทุกท่านอย่างปลอดภัยด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยฝ่ายแรกเป็นผู้ให้บริการคลาวด์อันดับหนึ่งอย่าง AWS และ Veritas ผู้นำเสนอบริการ Data Protection ขอเชิญติดตามกันได้เลยครับ
AWS มอบทางเลือกอย่างยืดหยุ่นผ่านหลากหลาย Storage Tier
ทางเลือกในการสำรองข้อมูลมีอยู่ไม่กี่ทาง ในเทปคือรูปแบบหลักที่องค์กรใหญ่มักนำมาใช้งาน แต่ปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่บ้างแม้จะมีเทคโนโลยีทางเลือกอื่นก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งการสำรองข้อมูลที่ดีตาม Best Practice กำหนดให้องค์กรต้องหาแหล่งเก็บข้อมูลนอกไซต์ด้วย โดยหากท่านเก็บเป็นดิสก์ก็จำเป็นต้องไปเช่าสถานที่อื่น หรือกรณีของเทปยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งอีกต่อ แถมต้องขนกลับมาอีกครั้งเมื่อต้องการใช้งาน
ด้วยเหตุนี้เองคลาวด์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สามารถทำเป็น DR Site หรือนำข้อมูลไปเก็บไว้เฉยๆ ตอบโจทย์เรื่องข้อกำหนดในด้าน off-site backup อย่างไรก็ดีในอดีตค่าบริการของพื้นที่บนคลาวด์ค่อนข้างสูงหลายท่านจึงถอดใจ แต่ในปัจจุบันสเกลของการให้บริการคลาวด์มีขนาดใหญ่ขึ้นประกอบกับเทคโนโลยีในเรื่องดิสก์ที่ก้าวกระโดด ด้วยเหตุนี้เองผู้ให้บริการคลาวด์อย่าง AWS จึงสามารถให้ทางเลือกได้หลายหลากเหมาะสมตามวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูล

จากภาพประกอบข้างต้น จะเห็นได้ว่าตอนนี้ AWS มีการนำเสนอ S3 Storage อย่างหลากหลาย ตามความจำเป็นในการเข้าถึงข้อมูล หากข้อมูลสำรองขององค์กรที่อยู่นอกไซต์เป็นข้อมูลที่ถูกเรียกใช้งานบ่อยก็สามารถเลือกใช้ AWS S3 Standard ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที แต่หากข้อมูลเป็นแบบไม่ได้ถูกเรียกใช้บ่อยๆหรือเข้าถึงได้ทันที รวมถึงข้อมูลบางอย่างถูกเก็บไว้แค่ให้ครบกำหนดแต่ยาวนานหลายปี ดังนั้นท่านอาจจะเลือกเป็น S3 Glacier หรือ S3 Glacier Deep Archive ซึ่งมีราคาถูกกว่าได้ ด้วยโครงสร้างของ S# Standard และ Glacier ที่มี Object Cross หลาย Availability Zone ทำให้ความคงทนของข้อมูล (Durability) สูงถึง 99.999999999% (11 9’s) ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าโอกาสของข้อมูลที่เก็บไว้ใน S3 จะสูญหายเกิดขึ้นได้ยากมากๆเทียบกับการที่เก็บข้อมูลเดียวกัน 2 ชุดเก็บไว้ในดาต้าเซ็นเตอร์เดียวกัน ซึ่งโดยปกติจะมีความคงทนของข้อมูลเพียง 99.99% (4 9’s) เท่านั้น
อีกกรณีหนึ่งหากท่านต้องการมองหาระบบ DR Site ที่เริ่มต้นได้รวดเร็ว AWS ก็เป็นอีกทางเลือกที่ท่านจะสามารถ Deploy ระบบขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และในเมื่อมีข้อมูลเก็บไว้บนคลาวด์อยู่แล้ว การทำเช่นนี้จะยิ่งสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ AWS ยังสามารถตอบโจทย์เรื่อง Off-site Backup ให้แก่องค์กรที่มี On-premise เป็นของตัวเองแล้ว แม้กระทั่งผู้ใช้งาน AWS แบบ 100% ก็สามารถย้ายข้อมูลข้ามไปเก็บใน Availability Zone หรือ Region อื่นได้เพื่อตอบโจทย์ Off-site Backup
ลดปริมาณข้อมูลอีกขั้นด้วย Veritas NetBackup

Veritas NetBackup นั้นมีความสามารถด้าน Data Deduplication ที่จะช่วยกำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน เช่น ข้อมูล DR, Backup และ Audit ทำให้ปริมาณของข้อมูลในองค์กรสามารถลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยท่านสามารถเลือกการ Deploy ได้ 2 รูปแบบคือ Media Server Deduplication และ Client Deduplication ซึ่งต่างกันที่จุดทำการ Deduplication เกิดขึ้นที่เซิร์ฟเวอร์หรือบนเครื่อง Client จากภาพประกอบในกรณีของ On-premise ตัว NetBackup Media Server จะส่งข้อมูลที่ถูก Dedup ส่งไปเก็บบน AWS S3
สำหรับการทำงานของ Veritas NetBackup บน AWS ท่านสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จาก AWS Marketplace ได้ง่ายๆ โดยตัว NetBackup สามารถรองรับการทำงานกับ S3 ใน tier ต่างๆได้ ตั้ง Policy เพื่อกำหนดแนวทางการสำรองข้อมูลให้เกิดขึ้นได้อย่างอัตโนมัติ เริ่มต้นได้ง่ายๆเพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น ก็สามารถคอนฟิกค่าต่างๆได้เสร็จสรรพภายในตัวเอง
อีกหนึ่งปัญหาที่แอดมินให้ความสนใจเสมอเมื่อต้องย้ายข้อมูลสู่คลาวด์ก็คือหากเกิดปัญหาขึ้นจะแก้ไขอย่างไรใช้เวลานานแค่ไหน โดย Veritas เองคำนึงถึงเรื่องนี้มาอย่างดี ด้วยการเก็บข้อมูลแบบ incremental จะช่วยให้แอดมินสามารถย้อนกลับมาแก้ปัญหาให้จบก่อนแล้วค่อยเริ่มรันระบบครั้งใหม่
อย่างไรก็ดีหากองค์กรใดต้องการทำงานบน AWS แบบหนักหน่วงเช่น การรันธุรกิจเต็มตัวในหลาย Region บอกได้เลยว่า Veritas ก็มีทางออกให้ท่านด้วยโซลูชัน InfoScale เครื่องมือเดียวที่ผสานการทำงานในสถานที่ต่างๆให้เป็นผืนเดียวกัน

เหตุใดท่านจึงควรหันมามองโซลูชันการเก็บรักษาข้อมูลบนระบบคลาวด์
จากข้อมูลข้างต้นท่านคงทราบดีแล้วเหตุใดการผนึกกำลังของ Veritas NetBackup และ AWS จึงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมให้แก่องค์กร แต่หากจะให้เห็นภาพชัดเจนกว่านั้นขอหยิบยกสถานการณ์เทียบกับเทคโนโลยีเทปที่หลายองค์กรยังไม่ก้าวออกมา
สมมติให้ต้นทุนเทปประเภท LTO-8 มีค่าเฉลี่ยต่อ TB อยู่ที่ 3.33 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ Glacier Deep Archive อยู่ที่ 0.99 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน หากองค์กรของท่านต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 100 TB บนเทปจะมีต้นทุนอยู่ที่ 333 เหรียญสหรัฐฯ แต่เมื่อ Veritas NetBackup เข้ามาซึ่งมีอัตราการ Deplication ประมาณ 90% ทำให้ข้อมูลที่ถูกเก็บลงบน S3 Deep Archive ลดลงเหลือเพียง 10 TB ค่าใช้จ่ายของท่านก็จะมีราคาเหลือเพียง 9.90 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือนเท่านั้น (กรณีนี้ไม่นับบริการอื่นๆเช่น คนขนส่ง หรืออัตราถ่ายโอนข้อมูลบน AWS) ทั้งหมดนี้เชื่อว่าก็พอจะเป็นแนวทางการคำนวณค่าใช้จ่ายให้แก่ท่านได้ (อย่าลืมนับรวมความวุ่นวายในการนำข้อมูลกลับแบบ Manual ในระบบเทปด้วยนะครับ)
อย่างไรก็ดีหากท่านต้องทราบรายละเอียดเชิงลึกมากกว่านี้สำหรับธุรกิจของท่าน ทางยิบอินซอยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์เข้าไปพูดคุยและนำเสนอภาพที่ชัดเจนและเหมาะสมให้แก่องค์กร
ท่านใดสนใจบริการ Veritas NetBackup on AWS ติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทยิบ อิน ซอย เพื่อเข้าไปพูดคุยวางแผนการใช้งานบริการได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน Veritas NetBackup on AWS สามารถติดต่อทีมงาน Yip In Tsoi ได้ทันทีที่โทร 02-353-8600 ต่อ 3210 หรืออีเมล์ yitmkt@yipintsoi.com
#yipintsoi #Veritas #AWS #VeritasNetBackupOnAWS


