กรุงเทพฯ – 2 กุมภาพันธ์ 2559 – ไอดีซีประเทศไทยคาดว่าการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศจะทำให้เหล่าผู้ให้บริการหันมาแข่งขันด้านคุณภาพของการบริการ ( Quality of Service – QoS ) ภายหลังจากการแข่งขันด้านราคา ในเบื้องต้น ตัวชี้วัดคุณภาพของบริการ เช่น ความซ้ำซ้อน ( Redundancy ) ความพร้อมใช้งาน ( Availability ) และการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ( Disaster Risk Mitigation ) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
จากการศึกษาดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยที่จัดทำขึ้นโดยไอดีซีในไตรมาสที่ 4/2558 นั้นไอดีซีประเทศไทยชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมั่นคงของดาต้าเซ็นเตอร์และธุรกิจดังกล่าวในประเทศ ไอดีซีคาดว่าภายในสิ้นปี 2560 พื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์เมื่อเทียบกับปี 2558 จะมีการเติบโตกว่า 180% แนวโน้มนี้มาจากการสร้างขีดความสามารถของทั้งผู้ให้บริการภายในประเทศ และ ระดับภูมิภาค เนื่องมาจากนโยบายทางด้านการลงทุนโดยรัฐบาลไทย เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีและอัตราค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่าปกติ “แต่ว่าการเติบโตทางดีมานด์ของการใช้งานนั้นจะยังตามหลังซัพพลายอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับการดำเนินงานและการให้บริการเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ” นายตวง ชีวธาดาวิรุทน์ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของไอดีซีประเทศไทย กล่าว
แม้ว่าผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดจะเน้นการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมเป็นส่วนใหญ่ อุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นมานั้น จะทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อดึงลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นขนาดองค์กรระดับใดและอุตสาหกรรมไหน
นายตวงกล่าวต่อว่า “เบื้องต้นเหล่าผู้ประกอบการในตลาดจะแข่งขันด้านราคา แต่ในอีกไม่นานจะเข้าใจว่าองค์กรต่าง ๆ นั้นยินดีที่จะจ่ายมากกว่าปกติเพื่อรับบริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ช่วยผลักดันการเติบโตทางธุรกิจผ่านระบบที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ข้อมูลเชิงลึก และการปฏิบัติงานที่มากกว่าแค่รักษาข้อมูลที่เก็บไว้ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการภายในประเทศจำเป็นจะต้องแข่งกับมาตรฐานใหม่ของคุณภาพการบริการ การรักษาความปลอดภัย และนวัตกรรมที่กำหนดขึ้นโดยผู้ให้บริการจากต่างประเทศเพื่อที่จะสร้างความแตกต่างของบริการ”
ไอดีซีตั้งข้อสังเกตว่าบริการการรักษาความปลอดภัยจะมีความซับซ้อนมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการรักษาความพร้อมใช้งานและความยืดหยุ่นในระดับสูงของโครงสร้างพื้นฐานไว้ การใช้งานแบบไฮบริดคลาวด์จะยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นเนื่องมาจากการสนับสนุนกระบวนการส่งมอบไอทีที่มีความเป็นอัตโนมัติ ทำตามนโยบาย และเน้นการบริการ
นอกจากนี้ไอดีซีคาดว่าภายในปี 2560 ร้อยละ 40 ขององค์กร จะพบว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มที่ 3 และ ร้อยละ 15 ของงบประมาณการใช้งานไอทีภายในองค์กรจะลดลง เพราะว่าองค์กรเหล่านี้มีการใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอก เนื่องจากการขาดแคลนทักษะความชำนาญด้านคลาวด์ ดังนั้นการเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะว่าบริษัทในประเทศจะได้รับผลประโยชน์ในทันทีจากแพลทฟอร์มที่ 3 ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นพื้นฐานของคลาวด์ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เทคโนโลยีหลักที่ประกอบขึ้นเป็นแพลตฟอร์มที่ 3 ที่ช่วยส่งเสริมองค์กรต่าง ๆ ในเรื่องดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน รวมถึงวิธีการติดต่อกับลูกค้า ผลิต และส่งมอบสินค้าและบริการ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิจัยหรือข่าวประชาสัมพันธ์นี้ กรุณาติดต่อคุณกมลพร โพธิ์หย่าที่ +662-645-2370 ต่อ 518 หรือ kpoya@idc.com หากต้องการนัดสัมภาษณ์กับคุณตวง ชีวธาดาวิรุทน์ กรุณาติดต่อคุณศศิธร แซ่เอี้ยวที่ +6681-921-5253 หรือ sasithorn@idc.com
เกี่ยวกับไอดีซี
ไอดีซี บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม และ คอนซูมเมอร์เทคโนโลยี โดยนำเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์เจาะลึก ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้าน ไอที ผู้บริหาร และ นักลงทุน ให้สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจจัดซื้อเทคโนโลยีและกำหนดกลยุทธ์ ทางธุรกิจ ปัจจุบัน ไอดีซี มีนักวิเคราะห์มากกว่า 1,100 คน ทำหน้าที่นำเสนอข้อมูล และ ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์อย่างรอบด้านแก่ลูกค้าในเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ และ แนวโน้ม ของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และ ในแต่ละประเทศ มากกว่า 110 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สะสมมามากกว่า 50 ปี ไอดีซีได้ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุทุกวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ไอดีซี เป็นบริษัทในเครือของไอดีจี ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสารเทคโนโลยีวิจัย และ จัดงานสัมมนาชั้นนำระดับโลก ค้นหาข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ www.idc.com