ทีม X-Force Ethical Hacking ของ IBM ได้ทำ Penetration Test ไปยังตึกออฟฟิศต่างๆ ที่มีการใช้เทคโนโลยี Building Automation Systems เพื่อควบคุม Sensor และตัววัดอุณหภูมิต่างๆ และพบว่าถึงแม้จะใช้เทคนิคเก่าๆ ในการโจมตีอย่างการเจาะช่องโหว่ของ Firewall ก็ทำให้ทีมของ IBM เข้าถึงระบบเครือข่ายภายในอาคาร ที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุมอาคารได้แล้ว

จากนั้นทีมของ IBM ก็เจาะช่องโหว่ Remote Execution ต่อเพื่อเข้าถึงไฟล์ที่จัดเก็บ Password สำหรับควบคุมระบบควบคุมอาคารและการตั้งค่าของระบบควบคุมอาคารได้ แต่ก็พบกับปัญหาว่าไม่สามารถ Login เข้าไปได้เพราะระบบมีการทำ White List เอาไว้เพื่ออนุญาตเฉพาะการ Login จาก IP ภายในนั่นเอง
ทีม IBM จึงต้องขับรถไปที่บริเวณอาคารนั้น และทำการทดลองโจมตีต่อจากที่จอดรถจนสามารถเข้าถึงระบบควบคุมอาคารได้ ซึ่งการที่ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบควบคุมอาคารได้แบบนี้ถือเป็นอันตรายที่ร้ายแรงมาก ทาง IBM จึงได้ทำการแจ้งไปยังผู้ผลิตระบบควบคุมอาคารเหล่านี้ถึงปัญหาที่พบ และผู้ติดตั้งระบบควบคุมอาคารนี้ เพื่อแก้ไขช่องโหว่ต่างๆ เหล่านี้ให้เรียบร้อย
นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างทางด้านความปลอดภัยของ Internet of Things ที่กำลังจะเติบโตอย่างรวดเร็วเท่านั้น โดย Gartner ได้สำรวจมาว่าปัจจุบันมีอุปกรณ์ในระบบ Smart Building อยู่มากถึง 206 ล้านชิ้น และจะเพิ่มเป็น 648 ล้านชิ้นในปี 2017 ทั่วโลก ซึ่งนับว่าอันตรายมากหากปล่อยเอาไว้ให้ถูกโจมตีได้แบบนี้
IBM แนะนำว่าในโครงการ Smart Building เหล่านี้ควรจะมีส่วนของข้อกำหนดทางด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการตัดการเชื่อมต่อจาก Internet ภายนอก, การควบคุมความปลอดภัยในการเข้าถึงจาก VPN, การใช้ Two-factor Authentication, การทำ Audit, การทำ Penetration Test และการทำ Security Assessment เข้าไปด้วย อีกทั้งยังควรทบทวนสัญญาส่วนนี้เพิ่มได้เรื่อยๆ เพื่อให้การรับมือกับภัยคุกคามหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์