เปิดตัว HPE Cloudline CL3150 G4 – AMD EPYC Server รองรับ 24 SSD ได้ใน 1U

HPE ได้ออกมาประกาศเปิดตัว HPE Cloudline CL3150 G4 รุ่นล่าสุด โดยเป็น Server รุ่นที่นอกจากจะใช้ CPU รุ่น AMD EPYC 7000 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 32 Core แล้ว ในขนาดเพียง 1U นี้ยังรองรับ SSD ได้รวมกันมากถึง 24 ชุดอีกด้วย

Credit: HPE

 

HPE Cloudline รุ่นนี้ถูกออกแบบมาสำหรับรองรับการทำหน้าที่เป็น Storage Server ประสิทธิภาพสูงในขนาดเล็กโดยเฉพาะ โดยภายในขนาดเพียงแค่ 1U นี้ก็สามารถบรรจุ NVMe SSD ได้มากถึง 24 ชุด หรือจะเลือกเป็นแบบ NVMe 22 ชุด และ SATA SSD ได้อีก 2 ชุดด้วยกันก็ได้ ในขณะที่สามารถติดตั้ง RAM แบบ DDR4 DIMM ได้ด้วยกันทั้งสิ้น 8 ชุด อย่างไรก็ดี SSD เหล่านี้จะถูกซ้อนกัน 2 ชั้นอยู่ภายในตัวเครื่อง ไม่ได้อยู่หน้าเครื่อง ทำให้ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบบ Hot-swap ได้

Credit: StorageReview

 

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ HPE Cloudline นี้รองรับการทำงานร่วมกับการ์ด Mezzanine จากโครงการ Open Compute Project (OCP) ทำให้สามารถติดตั้งเครือข่ายความเร็ว 10/25/50GbE และ 100GbE ได้ในตัว ส่วน Power Supply ที่มากับเครื่องนั้นก็เป็นแบบ Redundant ด้วยประสิทธิภาพระดับ Platinum พร้อมกับมีพัดลมระบายความร้อนแบบ Hot-swap ในตัวอีก 8 ชุดด้วยกัน

สำหรับรายละเอียดฉบับเต็ม สามารถศึกษาได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/product-catalog/detail/pip.specifications.hpe-cloudline-cl3150-g4-server.1010129707.html ครับ

 

ที่มา: http://www.storagereview.com/hpe_cloudline_cl3150_launched

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

UiPath เข้าซื้อกิจการ Peak.ai หวังเร่งขยายตัวสู่โซลูชัน Agentic AI

UiPath ได้เปิดเผยกิจกรรมการเข้าซื้อบริษัทสตาร์ทอัปที่ชื่อว่า Peak.ai ในรายงานบริษัทประจำไตรมาส ซึ่งนำเสนอเรื่องของ AI ที่ตัดสินใจได้

Microsoft เปิดตัวความสามารถ Responses API และ Computer-Using Agent ใน Azure AI Foundry

Azure AI Foundry ได้เพิ่มความสามารถใหม่ที่หวังช่วยธุรกิจต้อนรับยุค Agentic AI ได้ในระดับความต้องการระดับองค์กรที่ต้องมีความปลอดภัยและกำกับดูแลได้ ไอเดียก็คือ Azure ได้เพิ่ม API ที่ทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้น จากเดิมที่กว่าเราจะพัฒนาระบบอัตโนมัติให้ทำงานได้ภายใต้ก็อาจมีการใช้ API หรือกลไกมากมาย …