IBM Flashsystem

มากกว่า Patch Management – จัดการอุปกรณ์อย่างครบวงจรด้วย HCL BigFix Unified Endpoint Management จาก Digitech One

โลกยุคดิจิทัลหลังผ่านวิกฤต COVID-19 เปิดโอกาสให้พนักงานทำงานจากภายนอกองค์กรและใช้อุปกรณ์ของตัวเอง (BYOD) มากขึ้น การบริหารจัดการอุปกรณ์ที่มีความหลากหลาย ทั้งอุปกรณ์พกพา คอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ และเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์ให้เป็นไปตามนโยบายและข้อบังคับของบริษัท โดยเฉพาะการจัดการ Software License และ Security Patch กลายเป็นความท้าทายสำหรับหลายๆ องค์กร

Digitech One ผู้จัดจำหน่ายโซลูชัน Enterprise Network & Security ในเครือของ SVOA จึงได้จับมือกับ HCL Software ให้บริการ BigFix Unified Endpoint Management ที่สามารถบริหารจัดการ Desktop, Laptop, Server และ Mobile ได้อย่างครบวงจร ผสานด้วยเทคโนโลยี Generative AI อัจฉริยะ ครอบคลุมทั้งเรื่อง Patch, Software และ Security Compliance ไม่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะอยู่ที่ On-premises, Virtual, Cloud หรือ Work from Home ก็ตาม

HCL Software เป็นบริษัทสัญชาติอินเดียที่ดำเนินธุรกิจซอฟต์แวร์ในเครือ HCL Technologies มีสำนักงานใหญ่ที่สหรัฐฯ ให้บริการโซลูชันด้าน Business & Industry Applications, AI & Intelligent Operations, Total Experience, Data & Analytics และ Cybersecurity ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการกว่า 20,000 รายจากทั่วโลก พนักงานมากกว่า 7,800 คน และซอฟต์แวร์มากกว่า 80 สายการผลิต สร้างรายได้ในปีที่ผ่านมาสูงถึง 50,000 ล้านบาท

ปี 2019 HCL Software ได้เข้าซื้อซอฟต์แวร์ 8 รายการจาก IBM เพื่อมาพัฒนาต่อยอดให้ตอบรับกับความต้องการของลูกค้าในโลกยุคดิจิทัลมากขึ้น หนึ่งในนั้น คือ BigFix ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Unified Endpoint Management (UEM) ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบ IT Operations และ Security สามารถค้นหา บริหารจัดการ และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของอุปกรณ์ทั้งหมดได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์แบบใด ใช้ระบบปฏิบัติการอะไร หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม

จุดเด่นของ BigFix UEM คือ สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ได้อย่างครบวงจร ทั้งการทำ Patch Management, Software Asset Management, Compliance Management และ Security Remediation ช่วยให้องค์กรสามารถค้นหาและแก้ไขปัญหาที่พบบนอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่มีอัตราความสำเร็จในการอัปเดตแพตช์ครั้งแรกสูงถึง 98%

สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Desktop, Laptop, Server หรือ Mobile ตั้งแต่การค้นหาอุปกรณ์ขององค์กรทั้งหมด ตั้งค่าระบบปฏิบัติการเบื้องต้น สร้างโปรไฟล์การใช้งานต่างๆ ติดตั้งซอฟต์แวร์ อัปเดตแพตช์ล่าสุด รวมถึงการเสริมแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัย ไปจนถึงการลบข้อมูลทั้งหมดเมื่ออุปกรณ์สูญหายหรือเลิกใช้งาน ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะอยู่ในออฟฟิศ นอกสถานที่ ภายใน Data Center หรือบน Cloud ก็ตาม โดยรองรับระบบปฏิบัติการมากกว่า 100 ประเภททั้ง Windows, macOS, IBM AIX, HP-UX, Solaris, RHEL, SUSE, VMware ESX Server, CentOS, Debian, Ubuntu รวมถึง iOS และ Android

HCL BigFix มีสถาปัตยกรรมแบบ Client-Server โดยเซิร์ฟเวอร์ศูนย์กลางของ HCL BigFix 1 เครื่อง สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 300,000 เครื่อง ผ่านทาง Agent ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ขนาดเล็ก (1 Process) ใช้หน่วยความจำน้อยกว่า 25 MB และ CPU น้อยกว่า 2% ที่สำคัญ คือ Agent สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ บนอุปกรณ์ได้แบบเรียลไทม์ ไม่จำเป็นต้องรอรอบการสแกนรายวันหรือรายสัปดาห์เหมือนผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นๆ

นอกจากนี้ HCL BigFix ยังสามารถติดตามการใช้ซอฟต์แวร์เชิงธุรกิจบนอุปกรณ์ต่างๆ ขององค์กรได้มากกว่า 1,000 รายการ เช่น Microsoft, Oracle, SAP, Adobe, VMware เพื่อตรวจสอบว่ามีการใช้ License ของซอฟต์แวร์ในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้าพบอุปกรณ์ที่มีการติดตั้งซอฟต์แวร์มากเกินความจำเป็นหรือไม่มีการใช้งาน ก็สามารถถอนการติดตั้งเพื่อลดค่าใช้จ่ายและการสูญเสียทรัพยากรเครื่องโดยใช่เหตุลงได้

ในด้านของความมั่นคงปลอดภัย HCL BigFix สามารถตรวจสอบการตั้งค่าของอุปกรณ์ว่าเป็นไปตาม Security Baseline ที่มีมากกว่า 38,000 รายงาน ตามมาตรฐานสากลจาก CIS, DISA STIG, USGCB, ISO, HIPAA หรือ PCI DSS ได้ รวมถึงสามารถสร้างรายการตรวจสอบของตนเองตามนโยบายของบริษัทหรือหน่วยงานกำกับดูแล ในกรณีที่พบความไม่สอดคล้อง HCL BigFix จะทำการแจ้งเตือน พร้อมให้คำแนะนำที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทั้งหมดขององค์กรจะมีมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน

HCL BigFix ยังสามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ Vulnerability Management ชั้นนำอย่าง Tenable, Qualys และ Rapid 7 เพื่อนำผลลัพธ์การตรวจสอบช่องโหว่มาค้นหาและติดตั้ง Security Patch ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ลดความล่าช้าในการอัปเดตแพตช์และความเสี่ยงการถูกเจาะช่องโหว่จากเหล่าอาชญากรไซเบอร์

HCL BigFix ให้บริการ AI-powered Employee eXperience (AEX) ซึ่งเป็น Generative AI Chatbot สำหรับทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย IT Help Desk ในการตอบคำถามและแก้ปัญหาให้แก่ผู้ใช้ ทั้งด้านการตั้งค่าหรือการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ด้วย Use Case เริ่มต้นที่มีมาให้มากกว่า 600 รูปแบบ ผู้ใช้สามารถพิมพ์แชตหรือใช้เสียงในการสอบถามเหมือนที่ใช้คุยกับมนุษย์ปกติได้เลย AEX ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Self-Heal ที่ช่วยแก้ปัญหาระบบและแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ให้โดยอัตโนมัติ ยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้งาน ในขณะที่ลดภาระของ IT Help Desk ที่ต้องรับเรื่องจากผู้ใช้ลง

อีกหนึ่งบริการ Generative AI คือ Runbook AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ดูแลระบบในการจัดการงานที่ต้องทำซ้ำๆ เป็นประจำ รวมถึง Ticket/Case พื้นฐานที่พบบ่อย เช่น รีเซ็ตรหัสผ่าน รีบูตเซิร์ฟเวอร์ เพิ่ม/ลบบัญชีผู้ใช้ สำรองข้อมูล เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้มักมีขั้นตอนการทำงานเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว สามารถจัดทำเป็น Runbook เพื่อดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาหรือมีการเปิด Ticket/Case ซึ่งครอบคลุมมากกว่า 350 Use Cases บน Windows Server, Linux Server, Database Server และ Active Directory นอกจากนี้ Runbook AI ยังสามารถเรียนรู้ Use Case ใหม่ๆ จาก Ticket/Case ที่เปิดเข้ามาได้ ช่วยให้ในอนาคตสามารถแก้ปัญหาได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องให้ผู้ดูแลระบบลงมาจัดการด้วยตัวเองอีก ลดภาระของผู้ดูแลระบบลงได้สูงสุดถึง 75%

จุดเด่นของ HCL BigFix คือให้บริการครอบคลุมทั้ง Patch Management, Endpoint Management, Software Asset Management และ Security Compliance & Remediation ที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างบูรณาการภายในแพลตฟอร์มเดียว ต่างจากคู่แข่งในท้องตลาดที่ให้บริการเพียงบางส่วน ทั้งยังติดตั้งใช้งานได้ทั้งแบบ On-premises และ Cloud ในขณะที่โมเดล License ก็สามารถเลือกได้ทั้งแบบ Perpetual License หรือ Subscription เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นและให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้ใช้งาน

Digitech One ในเครือ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายโซลูชันของ HCL Software รวมถึง BigFix Unified Endpoint Management อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาและให้บริการโซลูชันด้าน Endpoint & Patch Management และ Cybersecurity แก่องค์กรธุรกิจมานานกว่า 10 ปี พร้อมดูแลเหล่าพาร์ทเนอร์และลูกค้าตั้งแต่การวิเคราะห์ความต้องการ ออกแบบและติดตั้ง อบรมการใช้งาน ไปจนถึงการสนับสนุนหลังการขาย เพื่อให้การบริหารจัดการอุปกรณ์ภายในองค์กรเป็นเรื่องง่าย ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยขององค์กร รวมถึงภาระของผู้ดูแลระบบจากการใช้เทคโนโลยี Generative AI เข้ามาช่วยสนับสนุน

สนใจโซลูชัน HCL BigFix ติดต่อฝ่ายขายของ Digitech One ได้ที่อีเมล info@digitechone.co.th หรือโทร 0-2686-3000

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

AMD เปิดตัว Threadripper Pro 9000 และ Radeon AI Pro R9700

AMD เปิดตัว CPU ใหม่ตระกูล Threadripper Pro 9000 พร้อม GPU Radeon AI Pro R9700 ที่มาพร้อม RDNA …

Gravitee ระดมทุน 60 ล้านดอลลาร์ ช่วยนักพัฒนาจัดการความซับซ้อน API

Gravitee Topco สตาร์ทอัพด้านการจัดการไปป์ไลน์ทราฟฟิกดิจิทัล ประกาศว่าได้ปิดรอบการระดมทุน Series C มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์ที่นำโดย Sixth Street Growth ทำให้ยอดระดมทุนรวมจนถึงปัจจุบันสูงกว่า 125 ล้านดอลลาร์แล้ว