[Guest Post] 6 เทรนด์ฟินเทคที่ต้องจับตามองในปี 2021

นวัตกรรมด้านฟินเทคได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเราไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม รู้หรือไม่ว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกัน กล่าวว่า การใช้แอปฟินเทคเข้ามาจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตแบบนิวนอร์มอล[1] หลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายเป็นตัวเร่งสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลแบงก์กิ้งและการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัล

[1] อ้างอิงจาก Plaid: The Fintech Effect (2020)

โดย สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย

 

ในปี 2020 อุตสาหกรรมฟินเทคได้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของวีซ่าที่มีอยู่ทั่วโลกเพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการชำระเงินให้กับกลุ่มลูกค้าและผู้ประกอบการต่างๆ  นอกจากนั้นโครงการ Fast Track ของเราที่ช่วยให้ฟินเทคสามารถใช้งานบนเครือข่ายของวีซ่าได้นั้นมีการเติบโตขึ้นถึง 360 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา[1] และยังได้มีการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ อย่าง ดิจิทัลแบงก์กิ้ง กระเป๋าเงินดิจิทัล บัญชีเงินเดือนดิจิทัล คริปโต และโซลูชั่นในการชำระเงินเพื่อธุรกิจอื่นๆ เป็นต้น

ในปีนี้เรามองว่าเทรนด์ฟินเทคดังต่อไปนี้น่าจะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการชำระเงิน

การชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลสำหรับโซเชียลคอมเมิร์ซ การเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลกในครั้งนี้ได้พลิกโฉมพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนไปอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ประเทศไทยเองก็ไม่อาจต้านทานเทรนด์นี้ไปได้  ข้อเท็จจริงคือจากการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ 67 เปอร์เซ็นต์ของคนไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเพิ่มการใช้อีคอมเมิร์ซ และนั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจเปิดโครงการ ‘Everyone Speaks Visa’ ขึ้นมา โดยโครงการนี้ได้เชื่อมโยงผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กกับบรรดาบริษัทฟินเทคชั้นนำของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ขายสามารถรับการชำระด้วยบัตรวีซ่าจากผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศได้  นอกจากนี้ ยังช่วยให้พวกเขาสามารถขยายธุรกิจได้อีกด้วย เราเชื่อในเทรนด์ที่จะส่งผลต่อการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ว่าจะยังคงเดินหน้าต่อไป ตามผลของการศึกษาฉบับล่าสุดของ วีซ่า เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนด้านอุปนิสัยและพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคจากสถานการณ์โควิด-19[2] ที่เผยให้เห็นว่านิสัยในการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะสิ้นสุดลง รวมถึงเกือบเจ็ดในสิบของคนไทย (69 เปอร์เซ็นต์) ยังระบุว่าพวกเขาตั้งใจที่จะเลือกใช้การชำระเงินแบบดิจิทัลต่อไปแทนที่จะกลับไปใช้เงินสดแม้ว่าการแพร่ระบาดครั้งนี้จะจบลงแล้วก็ตาม

เลือกเครดิตในแบบของคุณ ฟินเทคไม่น้อยที่เริ่มจากการนำเสนอวงเงินแบบเดบิต ซึ่งปัจจุบันเรากำลังเฝ้ามองดูเทรนด์ที่น่าสนใจในเรื่องของเครดิต  บริษัทมากมายอย่าง Upgrade ได้ออกบริการหมวดหมู่ใหม่ในการให้เครดิตอย่างรับผิดชอบ (responsible credit) ที่กำลังจะไปแทนที่วงเงินแบบหมุนเวียน (revolving credit) ด้วยการให้วงเงินส่วนบุคคลสูงสุดที่สามารถชำระคืนได้ด้วยการแบ่งชำระเท่าๆ กัน  และโปรแกรม ‘Buy Now, Pay Later’ ก็ได้กลายมาเป็นบรรทัดฐานด้านการชำระในหลายๆ ตลาดเชิงพาณิชย์ไปแล้ว  ที่น่าสนใจคือ พวกที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์หมวดนี้เป็นกลุ่มแรกมาจากตลาดที่กำลังพัฒนา อย่างเช่น ประเทศบราซิลที่ธุรกรรมครึ่งหนึ่งของวีซ่าถูกชำระแบบแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ[3]

บัญชีเงินเดือนแบบเรียลไทม์ หากคุณสงสัยว่าทุกวันนี้บัญชีเงินเดือนเขาบริหารจัดการกันอย่างไร ตามหลักแล้วพนักงานจะให้นายจ้างกู้เงินจากเงินเดือนของพวกเขาจนกว่าจะถึงช่วงต้นเดือนของทุกเดือน จริงอยู่ว่าคุณได้รับเงินของคุณมาแล้ว แต่ทว่ามันยังคงค้างอยู่ในบัญชีงบดุลของบริษัทอยู่ก่อน  เราลองคิดดูว่าหากบัญชีเงินเดือนจะกลายมาเป็นรูปแบบเรียลไทม์ ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะบรรดาผู้ประกอบอาชีพอิสระเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่าพนักงานเงินเดือนประจำที่คุ้นเคยกับการเฝ้ารอให้เงินเดือนเข้าบัญชีทุกเดือนๆ  ทุกวันนี้มีวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในการรับเงินเดือน คือการดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม Visa Direct[4] ซึ่งหมายความว่าเงินเดือนของพนักงานจะถูกฝากเข้าบัญชีธนาคารหรือใส่บัญชีบัตรวีซ่าได้ทันทีแบบเรียลไทม์ แทนที่ต้องรอรับเงินช่วงสิ้นเดือน

การเชื่อมต่อสกุลเงินดิจิทัล นักพัฒนารุ่นใหม่กำลังใช้ประโยชน์จากอีโคซิสเท็มที่มีความทันสมัยมากขึ้น อาทิ เครือข่ายระบบบล็อกเชนที่เปิดเป็นสาธารณะ (public blockchain) และสเตเบิ้ลคอยน์ (stablecoins) ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์กระเป๋าเงินดิจิทัล และบริการทางด้านการเงินเจเนเรชั่นใหม่  ตั้งแต่เปิดตัวโครงการ Fast Track ของวีซ่า บริษัทฟิเทคจำนวนกว่าหนึ่งในสามที่เข้าร่วมโครงการกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์จากสกุลเงินดิจิทัล

วีซ่าได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Coinbase ยักษ์ใหญ่ด้านสกุลเงินคริปโตที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประกาศเปิดตัว Coinbase Card บัตรเดบิตของวีซ่า ที่ให้ลูกค้าใช้จ่ายเป็นสกุลเงินคริปโตได้อย่างสะดวก  และเรายังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับแพลตฟอร์มอย่าง Fold เพื่อเชื่อมต่อสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ กับผู้ค้ามากกว่า 61 ล้านรายบนเครือข่ายของเรา  จนถึงตอนนี้วีซ่าได้ร่วมมือกับบริษัทด้านคริปโตแล้วถึง 25 รายทั่วโลก

เปิดโลกกระเป๋าเงินดิจิทัล การชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วทุกมุมโลก ควบคู่ไปกับการเกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง Airwallex, Gojek และ LINE Pay สิ่งที่วีซ่ามุ่งทำคือการร่วมกับผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อทำให้วีซ่าสามารถกลายเป็น source of fund สำหรับทุกกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งหมายความว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลต่างยี่ห้อกันก็สามารถจะคุยกันรู้เรื่อง เพราะมีวีซ่าเป็นตัวกลางในการชำระเงิน

วีซ่า เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มการชำระเงิน อีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเราคือการสนับสนุนผู้เล่นไม่ว่าจะรายเล็กหรือใหญ่ เพื่อสร้างเส้นทางการชำระเงินรูปแบบใหม่ไปพร้อมกับขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับคนทั่วโลก เราตระหนักถึงบทบาทของเราในการช่วยชี้แนะ ให้การสนับสนุน และผลักดันนวัตกรรุ่นใหม่ๆ ที่ต่อยอดอุตสาหกรรมนี้ให้แก่พวกเราทุกคน และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะทำความเข้าใจกับเทรนด์เหล่านี้ไปด้วยกัน

 

เกี่ยวกับวีซ่า

Visa Inc. (NYSE:V) เป็นผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิตอลระดับโลก ภารกิจของเราคือการเชื่อมโยงโลกผ่านเครือข่ายนวัตกรรมการชำระเงินที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อช่วยให้ผู้บริโภค ธุรกิจ และเศรษฐกิจทั่วโลกเติบโตต่อไป นอกจากนี้เครือข่ายประมวลผลที่ทันสมัยและเชื่อถือได้ทั่วโลกของเราอย่าง VisaNet (วีซ่าเน็ต) มีหน้าที่ในการช่วยให้บริการการชำระเงินนั้นปลอดภัยที่สุด และยังมีศักยภาพในการจัดการธุรกรรมมากกว่า 65,000 รายการต่อวินาที เรามุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการค้าขาย การเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี และยังทุ่มเทเพื่อให้เกิดการพัฒนาสู่สังคมไร้เงินสดสำหรับทุกคนในทุกสถานที่ โดยในขณะที่โลกเรากำลังพัฒนาสู่ระบบดิจิตัลอย่างเต็มรูปแบบ วีซ่าได้ใช้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ กำลังคน และเครือข่ายทั่วโลกของเรา เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนโฉมของโลกการค้าในอนาคต รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ About Visa visacorporate.tumblr.com และ @VisaNews

 

[1] อ้างอิงจาก Visa Fast Track Global Data, กันยายนปี ค.ศ. 2020
[2] Kantar COVID-19 Barometer เป็นการศึกษาภาคสนามระหว่างวันที่ 27-31 มีนาคม 2563 ที่ศึกษาข้อมูลผู้บริโภคเชิงเปรียบเทียบในพื้นที่ 40 แห่งทั่วโลก และ 11 แห่งในเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งประเทศไทย ร่วมกับการสำรวจผ่านโครงข่ายปัญญาประดิษฐ์ว่าคนมีการพูดคุยถึงอะไรและค้นหาอะไรบนอินเทอร์เน็ต
[3] โครงการวิจัยเชิงปริมาณเกี่ยวกับฟีเจอร์การแบ่งชำระเป็นงวดของบัตรเครดิตที่สนับสนุนโดยวีซ่าและดำเนินการโดย Ipsos บริษัทวิจัยอิสระ ได้ดำเนินการสำรวจในรูปแบบออนไลน์กับผู้บริโภคจำนวน 2,108 คน ในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม 2560 ABECS (Associação Brasileira das Empresas de Cartões de Crédito e Serviços) และ พฤศจิกายน 2559 – กันยายน 2560. http://www.abecs.org.br/indicadores-graficos
[4] ความพร้อมของกองทุนตามจริงขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่รับในแต่ละภูมิภาค

 


About Maylada

Check Also

Salesforce นำเสนอโซลูชั่น AI ใหม่ล่าสุด ต่อยอดนวัตกรรมเพื่อยกระดับ Customer Experience ให้ธุรกิจทั่วโลก [Guest Post]

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 8 มิถุนายน 2566 – เมื่อเร็ว ๆ นี้ Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) ประกาศเปิดตัวนวัตกรรม AI ล่าสุดหลายรายการสำหรับ Data …

ดีป้าและอีริคสันร่วมเดินหน้าขับเคลื่อน Thailand Digital Valley [Guest Post]

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประเดิมขับเคลื่อนความร่วมมือในโครงการ Thailand Digital Valley ของดีป้า เพื่อมุ่งพัฒนาซิลิคอนวัลเลย์เวอร์ชั่นประเทศไทย