Gigamon รุกตลาดไทย ตั้งเป้าโตเพิ่มอีกเท่าตัว วางรากฐาน Deep Observability ให้ธุรกิจ

คอนเซปต์ของ Observability ในองค์กรสมัยใหม่นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อทั้งประสิทธิภาพในการดำเนินการและความปลอดภัยทางไซเบอร์ การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคของ Cloud และ Hybrid Cloud ทำให้ระบบภายในองค์กรมีความซับซ้อนขึ้น และการเฝ้าระวังและตรวจสอบการดำเนินการผ่าน MELT (Metrics, Events, Logs, และ Traces) อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ทีมงาน TechTalkThai ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารจาก Gigamon ถึงแนวคิดของ Deep Observability และการนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกันแล้วในบทความนี้

Gigamon คือใคร

Gigamon คือผู้ให้บริการอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่จะเข้ามาช่วยสร้าง Visibility ให้กับองค์กรในส่วนของการเดินทางของข้อมูล พวกเขาได้พัฒนาแนวคิด “Deep Observability” ซึ่งเป็น Observability ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม โดยนอกจากข้อมูล MELT ต่างๆที่มีการเฝ้าดูแลและจัดเก็บกันอยู่แล้ว เทคโนโลยี Deep Observability ของ Gigamon นั้นช่วยให้องค์กรสังเกตการณ์ได้ลึกขึ้นถึงระดับ Packet ทำให้องค์กรไม่ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีตบตา ลดความเสี่ยง เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบปัญหาและแก้ไขได้มากกว่าเดิม

อุปกรณ์และแพลตฟอร์มของ Gigamon นั้นทำงานได้กับระบบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น On-premise บน Cloud ต่างๆ ทั้ง Public, Private, และ Hybrid Cloud โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับซอฟต์แวร์หรือโซลูชันจากพาร์ทเนอร์ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย การสังเกตการณ์เครือข่าย การวิเคราะห์การใช้งานและข้อมูลเครือข่าย รวมไปถึงแอปพลิเคชันด้านอื่นๆ 

เหตุใดองค์กรใหญ่ทั่วโลกจึงเลือกใช้ Gigamon 

คุณไซมอน ลี รองประธานฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Gigamon

คุณไซมอน ลี รองประธานฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Gigamon กล่าวถึงสภาวะของโลกธุรกิจในปัจจุบันที่มีการรับส่งข้อมูลข้ามระบบจำนวนมาก และการเดินทางของข้อมูลเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการดำเนินงานของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการตรวจสอบเฝ้าระวังภัยคุกคาม การปรับปรุงระบบให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Optimization) หรือการนำข้อมูลในเครือข่ายไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาการให้บริการ

การจะนำข้อมูลในเครือข่ายจากระบบคลาวด์ไปใช้นั้นย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายในการนำข้อมูลออก Trafiic ปริมาณมหาศาลหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นตาม การเข้ามาของ Gigamon ที่สามารถคัดกรองและสุ่มตัวอย่างข้อมูลออกไปใช้งานได้ รวมไปถึงการถอดรหัส (Decryption) ข้อมูลก่อนส่งต่อไปยังเครื่องมืออื่นๆ จึงช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นรูปธรรม

“Gigamon จะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานไอทีภายในองค์กรนั้นทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น มีความปลอดภัยทั่วถึง และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” คุณไซมอน ลี กล่าว 

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จาก Gigamon ยังถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานผ่านทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หรือภายใน VM และ Container และควบคุมผ่านแผงควบคุมกลาง ทำให้ธุรกิจใช้งาน Gigamon ได้หลายรูปแบบตามสถาปัตยกรรมที่มีอยู่ โดย Gigamon นั้นสามารถเชื่อมต่อไปยังระบบรักษาความปลอดภัย เช่น SIEM, NPM, NDR, และอื่นๆ เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล หรือโซลูชันอื่นๆได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังมีกลไกในการรองรับ High Availability และการสเกล ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุดแม้เกิดเหตุไม่คาดคิด

ปัจจุบัน Gigamon นั้นมีการใช้งานอยู่ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร หน่วยงานของรัฐ มหาวิทยาลัย บริษัทเทคโนโลยี โรงพยาบาล บริษัทเอกชนในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมไปถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 หลายราย Gigamon มีลูกค้ามากกว่า 5000 รายทั่วโลก และราว 600 รายในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ที่รวมถึงประเทศไทย

Gigamon เดินหน้าขยายตลาดในประเทศไทย มุ่งเป้าเติบโตเพิ่มอีกเท่าตัว เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคาร หน่วยงานของรัฐ และองค์กรขนาดกลางไปถึงใหญ่

คุณสุรวงศ์ วาสนาพิทักษ์ Country Manager ประเทศไทย บริษัท Gigamon

คุณสุรวงศ์ วาสนาพิทักษ์ Country Manager ประเทศไทย ของบริษัท Gigamon กล่าวว่า Gigamon นั้นมีลูกค้าอยู่ในประเทศไทยมาหลายปีแล้ว ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน ภาครัฐ เทคโนโลยีและดาต้าเซ็นเตอร์ และหน่วยงานอื่นๆ โดยคุณสุรวงศ์กล่าวว่าธุรกิจในไทยนั้นมีความต้องการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และการนำเทคโนโลยี Deep Observability ไปใช้งานในองค์กรนั้นก็สามารถตอบโจทย์การรับมือกับภัยคุกคามในยุคใหม่ที่มีความรวดเร็วและจำนวนครั้งบ่อยขึ้นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้ผลลัพธ์ในการใช้งานอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้าน Visibility ที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลที่นำไปใช้ได้มากขึ้น หรือการลดต้นทุนในการนำข้อมูลจากคลาวด์มาใช้งาน 

โซลูชัน Deep Observability จาก Gigamon นั้นจะเข้าไปมอบความสามารถในการสังเกตการณ์ในทุกส่วนของเครือข่าย แม้แต่ใน Container ซึ่งเป็นระดับที่ลึกที่สุดและยังไม่มีใครทำได้ ซึ่งการสามารถสังเกตการณ์ได้ในระดับลึกเช่นนี้ เป็นรากฐานของการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero-trust ที่หลายๆองค์กรมุ่งเป้าไปสู่

ในปี 2024 นี้ ทีมงาน Gigamon มุ่งเป้าไปที่การขยายตลาดในประเทศไทยให้เติบโตขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว โดยเริ่มจากกลุ่มอุตสาหกรรมการเงินและภาครัฐที่ได้รับความไว้วางใจมาก่อนแล้ว และจะทำการจับมือกับพาร์ทเนอร์และ Distributor เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับความสามารถของโซลูชันเพิ่มเติม จัดการอบรมให้กับพาร์ทเนอร์และผู้ที่สนใจ รวมไปถึงนำเสนอโซลูชันด้านการเฝ้าระวังเครือข่ายและความปลอดภัยร่วมกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีรายอื่นๆ

คุณสุรวงศ์กล่าวว่าโซลูชันของ Gigamon นั้นเป็นตัวกลางในระบบเครือข่ายที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในด้านการจัดการระบบเครือข่ายหรือความปลอดภัยเท่านั้น โดยธุรกิจสามารถเลือกซอฟต์แวร์ โซลูชัน หรือแอปพลิเคชันมาเชื่อมต่อได้อย่างยืดหยุ่น และเชื่อว่าในอนาคตจะมีการนำโซลูชันจาก Gigamon มาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นตามปริมาณการสื่อสารทางเครือข่ายแน่นอน 

Gigamon ครองส่วนแบ่งตลาด Deep Observability กว่า 63% มีความสามารถครบเครื่อง พร้อมช่วยเร่งประสิทธิภาพการดำเนินการให้องค์กร

Deep Observability นั้นเป็นแนวคิดของ Observability ยุคใหม่ที่เกิดขึ้นมาตอบโจทย์เครือข่ายในปัจจุบันที่มีการส่งข้อมูลปริมาณมหาศาลในทุกวัน ความสามารถในการสังเกตการณ์ระบบได้ลึกถึงระดับ Container นี้ เป็นรากฐานของแนวคิดด้านความปลอดภัยแบบ Zero-trust ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและรวดเร็วยิ่งขึ้น

Deep Observability นั้นเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปี 2022 โดยมี Gigamon เป็นผู้บุกเบิกตลาด 650 Group ได้ทำการสำรวจตลาดดังกล่าวและคาดการณ์ว่าจะเติบโตมีมูลค่าสูงถึง 825 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 และเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต และการที่ Gigamon เป็นผู้ให้บริการที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 63% ก็ตอกย้ำเป็นอย่างดีว่าโซลูชันของพวกเขานั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงและมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ 

Gigamon มีการให้บริการในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และ Agent ในคอนเทนเนอร์ รองรับการทำงานร่วมกับเครือข่ายและคลาวด์ทุกประเภท และถูกพัฒนาขึ้นให้ทำงานร่วมกับระบบจัดการและฐานข้อมูลสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ร่วมกับโซลูชันจากผู้ให้บริการอื่นๆมากมาย 

ท่านใดที่ต้องการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ Gigamon และ Deep Observability เพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการได้ที่ https://www.gigamon.com/

Check Also

AWS เพิ่มตัวเลือก WorkSpaces รุ่นใหม่รองรับ 32 vCPU สำหรับงานประมวลผลหนัก

AWS เปิดตัว WorkSpaces รุ่นใหม่พร้อม vCPU สูงสุด 32 คอร์และแรม 128GB สำหรับงานประมวลผลหนัก เพิ่มทางเลือกใหม่สำหรับการทำงาน Remote

AWS Management Console สนับสนุน Sign-In พร้อมกันหลายบัญชีได้แล้ว

ล่าสุด AWS ผู้ให้บริการ Cloud ยักษ์ใหญ่ได้ประกาศสนับสนุนการใช้งาน Multi-Session หรือการเข้าถึง AWS Management Console ด้วยบัญชี AWS ได้พร้อมกันหลายบัญชี โดยผู้ใช้งานจะสามารถ Sign-In …