TechTalkThai ศูนย์รวมข่าว Enterprise IT ออนไลน์แห่งแรกในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา ทาง HPE Aruba Networking ได้จัดงานสัมมนา Embrace WAN and Security Transformation with HPE Aruba Networking SASE ขึ้น เพื่ออัปเดตถึงเทคโนโลยีล่าสุดในส่วนของ SASE และเจาะลึกถึง SSE ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่ล่าสุดจากการเข้าซื้อกิจการของ Axis Security มาเมื่อเร็วๆ นี้
แนวโน้มของตลาดด้าน SASE จะเป็นอย่างไร? Security Service Edge หรือ SSE จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง? มาติดตามกันได้ในบทความนี้ครับ
มีอะไรใหม่ๆ บ้างจาก HPE Aruba Networking ในช่วงปีที่ผ่านมา?
งานสัมมนาครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงภาพรวมของ HPE Aruba Networking กับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา นั่นก็คือการเปิดตัว Next Generation HPE Aruba Networking Central ที่จะกลายเป็นระบบบริหารจัดการทุกโซลูชันของ HPE Aruba Networking ในอนาคต ที่ใช้งานได้ง่าย เข้าถึงข้อมูลเหตุการณ์สถิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว และผสานรวม AI เข้ามาใช้บริหารจัดการระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยความสามารถที่โดดเด่นเช่น
- Solar System หน้าจอบริหารจัดการในรูปแบบ Data Visualization ที่สามารถติดตามได้ทั้ง Network, Client, Application, Security และ Alert จากหน้าจอเดียวแบบเข้าใจง่าย
- Sunburst View หน้าจอบริหารจัดการ Site ขนาดใหญ่ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการแบ่งแต่ละ Site ออกจากกันในแบบ Pie Chart และแยกองค์ประกอบในแต่ละ Site ออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้เข้าใจภาพรวมของแต่ละสาขาได้ง่ายดายกว่า Diagram อย่างในอดีต
- Time Travel ติดตามข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่ายย้อนหลัง 7 วันในความละเอียดระดับรายนาที ช่วยให้สามารถตรวจสอบแก้ไขปัญหาย้อนหลังได้ง่าย
- Green Ethernet / Green AP เป็นความสามารถใหม่ที่จะถูกเสริมเข้ามาหลังจากนี้ เพื่อบริหารจัดการการใช้พลังงานภายในระบบเครือข่าย ลดการใช้พลังงานลงเมื่อไม่มีผู้ใช้งานด้วย AI และจัดทำรายงานว่าสามารถลดการใช้พลังงานหรือการก่อให้เกิด Carbon มากน้อยเพียงใด สำหรับนำไปต่อยอดสู่การจัดการ Carbon Credit ในอนาคต
และอีกหนึ่งอัปเดตที่สำคัญก็คือการเข้าซื้อกิจการของ Axis Security บริษัท Startup ที่พัฒนาโซลูชันด้าน Security Service Edge (SSE) โดยเฉพาะ ทำให้ HPE Aruba Networking มีโซลูชัน SSE ของตนเองเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับลูกค้า จากเดิมที่สามารถ Integrate กับโซลูชัน SSE หรือ SASE ใดๆ ก็ได้อย่างอิสระ
กลยุทธ์ Hybrid Work ขององค์กรแต่ละแห่งเริ่มมีความชัดเจน การกำหนดแนวทางการปกป้องผู้ใช้งานจึงสามารถเลือกได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
แนวโน้มหนึ่งที่ HPE Aruba Networking พบนั้นก็คือ เมื่อธุรกิจองค์กรได้ปรับรูปแบบการทำงานสู่ Hybrid Work กันอย่างเต็มตัวแล้ว แต่ละธุรกิจก็ได้มีบทเรียนของตนเอง และนำไปปรับกลยุทธ์ด้านการทำงานให้กลายเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับการทำงานที่แตกต่างกันไปของตนเอง ทำให้มีทั้งธุรกิจที่ยังคงทำงานแบบ Hybrid Work ที่แตกต่างกันตามแต่ละแผนก ในขณะที่บางธุรกิจก็บังคับให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศเหมือนอย่างในอดีต ไปจนถึงธุรกิจเกิดใหม่ที่มุ่งสู่ภาพ Cloud-First เป็นหลัก
ความแตกต่างนี้เอง ได้ทำให้แต่ละธุรกิจองค์กรนั้นมีทางเลือกในการใช้งานโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยที่แตกต่างกันออกไประหว่าง SASE, SSE และ SD-WAN
SD-WAN ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรที่มีหลายสาขา และใช้สถาปัตยกรรมแบบ Hybrid Cloud
SD-WAN นั้นยังคงมีบทบาทเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจที่มีหลายสาขา และต้องการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสาขาเข้าด้วยกัน พร้อมทำ WAN Optimization เพื่อให้การเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลไปยัง Internet ภายนอก, การใช้ Cloud, การเข้าถึง Data Center ขององค์กร และการรับส่งข้อมูลระหว่างสาขาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงรองรับการทำ VPN เชื่อมต่อจากภายนอกเข้ามาสู่เครือข่ายขององค์กรด้วย
HPE Aruba Networking นั้นก็มีโซลูชัน EdgeConnect ที่ ทำให้โซลูชัน SD-WAN ของ HPE Aruba Networking สามารถทำหน้าที่แทนได้ทั้ง Router และ Firewall ในหนึ่งเดียว พร้อมความสามารถในการทำ WAN Optimization ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก ตอบโจทย์ขององค์กรที่มีหลายสาขา หรือยังคงมี Business Application บน Hybrid Cloud ได้เป็นอย่างดี
Security Service Edge (SSE) ทางเลือกใหม่ในการปกป้องผู้ใช้งาน สำหรับองค์กรที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Cloud-First
หลังจากที่ HPE Aruba Networking ได้เข้าซื้อกิจการของ Axis Security มานั้น ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีของ Axis Security มาผนวกรวมภายใต้ชื่อ HPE Aruba Networking Security Service Edge (SSE) เป็นที่เรียบร้อย
จุดเด่นของ Security Service Edge (SSE) นั้นคือความสามารถในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ใช้งานได้จากทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะกลุ่มของผู้ใช้งานที่ต้องทำงานจากภายนอกองค์กร โดยภายในโซลูชันดังกล่าวจะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย ได้แก่
- Zero Trust Network Access (ZTNA)
- Cloud Access Security Broker (CASB)
- Secure Web Gateway (SWG)
- Data Loss Prevention (DLP)
- Digital Experience Management (DEM)
สำหรับ HPE Aruba Networking Security Service Edge (SSE) นั้นก็มีความโดดเด่นในแง่ของสถาปัตยกรรมเบื้องหลังของระบบ จากการที่ Axis Security นั้นเป็น Startup ด้าน SSE โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความซับซ้อนในการติดตั้งใช้งานของโซลูชัน SSE และ SASE อื่นในอดีต ทำให้ทุกความสามารถที่ต้องใช้ในการปกป้องผู้ใช้งานถูกผสานรวมอยู่ภายในระบบเดียวกัน เริ่มต้นใช้งานได้อย่างง่ายดาย และปรับแต่งการควบคุมได้อย่างอิสระ ทำให้ธุรกิจองค์กรทั่วโลกจำนวนมากที่เคยเผชิญกับความซับซ้อนของโซลูชัน SASE และ SSE อย่างในอดีต หันมาใช้ Axis Security หรือ HPE Aruba Networking Security Service Edge (SSE) กันอย่างรวดเร็ว
การมาของ Security Service Edge (SSE) นี้จะลดบทบาทของโซลูชันด้าน Cybersecurity ในลักษณะ Appliance ลงไปให้มาสู่กลุ่ม Cloud มากขึ้น และธุรกิจองค์กรทั่วโลกเองก็ตอบรับแนวคิดนี้เป็นอย่างดี จากการทำนายแนวโน้มว่าตลาด SSE ทั่วโลกในปี 2023 จะมีมูลค่ารวมสูงถึง 6,000 ล้าน USD และเติบโตสูงถึง 70% ต่อปี และในภูมิภาคเอชียแปซิฟิกก็จะมีมูลค่ารวม 1,000 ล้าน USD ด้วยการเติบโตที่สูงถึง 120% ต่อปี
การใช้งาน SSE นั้นมักเกิดขึ้นในลักษณะส่วนเสริมของ SD-WAN และ SASE เนื่องจาก SSE นั้นติดตั้งใช้งานได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก หลายองค์กรจึงเลือกใช้ SSE เป็นโซลูชันสำหรับพนักงานกลุ่มที่ยังไม่ได้ถูกปกป้องด้วย SASE มาก่อน หรือใช้กับกลุ่ม Contractor ภายนอกที่ต้องเข้าถึงระบบภายในองค์กร
สำหรับในประเทศไทย ก็มีธุรกิจองค์กรที่เลือกใช้งาน Aruba SSE กันไปบ้างแล้ว และเชื่อว่าในอนาคตก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสำหรับการปกป้องพนักงานในกลุ่มที่ต้องทำงานร่วมกับ Cloud เป็นหลัก รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงานจำนวนน้อย เพราะ Aruba SSE สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ง่ายตั้งแต่พนักงาน 1 คนขึ้นไป
ผสานรวม SD-WAN และ SSE สู่ SASE ได้ทุกเมื่อที่พร้อม
แน่นอนว่า HPE Aruba Networking นั้นใช้ Open Architecture เปิดรับการผสานรวมโซลูชัน SSE และ SASE ที่หลากหลายเข้ากับ SD-WAN ของตนเอง ทำให้ธุรกิจสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อปกป้องผู้ใช้งานของตนเองได้อย่างอิสระ และทั้งหมดนี้จะสามารถบริหารจัดการผ่าน Aruba Central ได้แบบรวมศูนย์
เริ่มต้นใช้งาน Aruba SSE ได้แล้ววันนี้ กับโปรโมชันสุดพิเศษจาก HPE Aruba Networking
เพื่อให้ธุรกิจองค์กรได้สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งาน SSE ที่ง่ายดาย ทาง HPE Aruba Networking จึงได้เปิดตัวโปรโมชันราคาพิเศษดังนี้
โปรโมชันพิเศษ!! ZTNA Starter Kit จำนวน 1 ผู้ใช้ เริ่มต้นเพียง 1,600 บาทต่อปี แพ็กเกจนี้มาพร้อม SWG CASB และ DEM
ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566
สำหรับธุรกิจองค์กรที่สนใจโซลูชัน SD-WAN, SSE หรือ SASE ติดต่อ HPE Aruba Networking คุณนวรัตน์ จิตรตระการวงศ์ อีเมล nawarat.ch@hpe.com หรือโทรศัพท์ 085-912-8968
