CDIC 2023

Elastic Observability และ AWS – Migrate ขึ้นคลาวด์อย่างง่าย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ 

เป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้บริการคลาวด์นั้นสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างมากทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและค่าใช้จ่าย ทำให้ในปัจจุบันคลาวด์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้บริการบนคลาวด์ สำหรับธุรกิจที่มีระบบ IT ภายในองค์กรอยู่แล้ว ความท้าทายแรกที่จะต้องเจอคือขั้นตอนของการย้ายระบบและโครงสร้าง IT ที่มีอยู่ขึ้นไปบนคลาวด์นั่นเอง 

ในบทความนี้ เราจะมาเล่าถึงปัญหาที่ธุรกิจอาจต้องเผชิญและการเตรียมตัวและวางแผนเพื่อย้ายระบบขึ้นไปบนคลาวด์ หรือที่เรียกกันว่า Cloud Migration รวมไปถึงแพลตฟอร์ม Elastic Observability ที่สามารถเข้ามาช่วยให้การย้ายนี้มีประสิทธิภาพและเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด โดยจะยกตัวเองถึงการใช้งานร่วมกับคลาวด์ของ AWS ซึ่งถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

ย้ายไปใช้งานคลาวด์ ต้องวางแผนก่อน

บริการคลาวด์สามารถเข้ามาช่วยธุรกิจได้ในหลายด้าน ตั้งแต่การควบคุมค่าใช้จ่าย การลดภาระการดูแลและซ่อมบำรุงระบบ การขยายขนาดระบบที่ยืดหยุ่น การรักษาความปลอดภัยให้กับระบบและข้อมูล ไปจนถึงการเข้าใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ประโยชน์เหล่านี้ดึงดูดธุรกิจให้เข้าไปใช้บริการคลาวด์ โดยธุรกิจอาจย้ายระบบทั้งหมดไปอยู่บนคลาวด์ หรือย้ายเพียงบางส่วนและใช้งานในรูปแบบของ Hybrid Cloud ก็ได้

อย่างไรก็ตามการเริ่มต้นย้ายระบบไปอยู่บนคลาวด์นั้นก็เป็นงานใหญ่ที่มีความซับซ้อน โดยนอกจากเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ที่ต้องการแล้ว ธุรกิจยังต้องคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้

  • ความซับซ้อนของระบบ – การดำเนินงานของธุรกิจอาจกำลังใช้งาน Service หรือ Microservices อยู่เป็นจำนวนมาก และ Service เหล่านั้นก็พึ่งพาอาศัย สื่อสาร และเชื่อมต่อกันอย่างซับซ้อน หากธุรกิจไม่พิจารณาแผนผังและ Dependencies ของระบบภายในองค์กรให้ดี ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงตามมา 
  • ระยะเวลา – การย้ายระบบขึ้นคลาวด์นั้นอาจใช้เวลานานนับปี โดยเวลาที่ใช้ในการย้ายระบบก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย
  • ขนาดและสเปคของฮาร์ดแวร์ที่ใช้ – องค์กรต้องสำรวจสเปคและขนาดของเครื่องที่ต้องการใช้งาน เช่น ต้องใช้ RAM เท่าไร หน่วยประมวลผลแบบใด เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายให้แม่นยำ
  • การรื้อโครงสร้างระบบ – ในบางครั้ง ธุรกิจอาจต้องออกแบบโครงสร้างและระบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับบริการบนคลาวด์เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีและ Services ต่างๆที่คลาวด์มี โดยเฉพาะธุรกิจที่มีระบบแบบ Monolithic อยู่มาก 
  • Performance – การย้ายระบบอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบ โดยอาจทำงานได้ช้าลง หรือมีช่วงเวลาที่ใช้งานไม่ได้ ธุรกิจจึงต้องวางแผนและเตรียมความพร้อมเผื่อกรณีที่ไม่คาดคิดเสมอ
  • ความปลอดภัย – การรักษาความปลอดภัยของระบบบนคลาวด์นั้นแตกต่างจากการรักษาความปลอดภัยในระบบแบบ On-premise อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องการจัดเก็บข้อมูลด้วย 

เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆอย่างถี่ถ้วน และศึกษา Service บนคลาวด์ที่ต้องการใช้งานและเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจแล้ว ธุรกิจก็จะวางแผน Cloud Migration ได้ง่ายขึ้น โดยระหว่างการย้ายระบบสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ Visibility (การมองเห็นภาพ) ของทั้งระบบที่จะช่วยให้ธุรกิจได้รู้ถึงแผนผัง สถานะ และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขั้นตอน Migration 

Elastic Observability – ช่วยตั้งแต่ก่อนย้าย ดูแลต่อเนื่องหลังย้ายเสร็จ

แพลตฟอร์ม Elastic Observability นั้นถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อช่วยธุรกิจในการดูแลและมอนิเตอร์ระบบ มาพร้อมกับเครื่องมือที่สามารถช่วยในขั้นตอน Cloud Migration ได้เป็นอย่างดี รองรับการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ทุกเจ้า ซึ่งในบทความนี้ เราจะเน้นไปที่การใช้งานเพื่อ Migrate ระบบไปยังคลาวด์ของ AWS 

Elastic Observability จะเข้ามาช่วยตั้งแต่ขั้นตอนของการเตรียมการย้าย ในระหว่างการย้าย และคอยดูแลระบบต่อหลังการย้ายเสร็จสิ้น ดังนี้ 

ก่อนการย้ายระบบ

ช่วยทำความเข้าใจระบบ IT ทั้งหมดที่ธุรกิจใช้งานอยู่ วาดแผนผังสถาปัตยกรรมและความเชื่อมโยงของแต่ละส่วนด้วย Service Mapping ช่วยดูแลประสบการณ์การใช้งานของเว็บแอปต่างๆในระบบ On-premise ช่วยคำนวณค่าใช้จ่าย วิเคราะห์แอปพลิเคชันว่าใช้งานอะไรบ้าง และแนะนำขนาดและสเปคของเครื่องที่ต้องใช้บนคลาวด์

Service Map ที่จะช่วยองค์กรทำความเข้าใจกับความซับซ้อนของระบบ

ระหว่างการย้ายระบบ 

คอยดูแลระบบทั้งหมดในขณะที่ทำงานแบบ Hybrid อยู่ช่วยวัด Performance และเตือนถึงปัญหาที่ผู้ใช้ในองค์กรอาจต้องเจอ เช่น แอปพลิเคชันที่ย้ายไปบนคลาวด์แล้วทำงานได้ช้าลง ช่วยวาดแผนผัง Service Dependency ภายในระบบ เพื่อให้ธุรกิจเข้าใจภาพรวมและตัดสินใจได้ดีขึ้น 

หลังการย้ายระบบเสร็จสิ้น

หลังย้ายระบบแล้วก็จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบการทำงานของระบบทั้งหมด Elastic Observability จะช่วยแจ้งเตือนถึงปัญหา จัดการปัญหา และมอนิเตอร์สถานะการทำงานของ Service ทั้งหมดบนคลาวด์ ช่วยให้ธุรกิจพบปัญหาได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถทำ Performance และ Cost Optimization ได้จากข้อมูลการใช้งานจริงด้วย 

Visibility ปัญหาใหญ่ที่ DevOps ทุกคนต้องเจอ

การไม่สามารถมองเห็นถึงสถานะและภาพรวมของการทำงานของระบบได้นั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับ DevOps มักจะเจอกันบ่อยๆ จากการสำรวจโดย Enterprise Management Associates (EMA) พบว่าทีม DevOps นั้นอาจใช้เวลาถึง 50% ของการทำงานทั้งหมดไปในการพยายามหต้นตอของปัญหาเชิงเทคนิคที่ธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ ดังนั้น แพลตฟอร์มอย่าง Elastic Observability จึงมีประโยชน์เป็นอย่างมาก 

ความสามารถในการตรวจสอบ เฝ้าระวัง และดูแลระบบของ Elastic Observability นั้นนอกจากจะช่วยดูแลในขั้นตอนการ Migrate ระบบไปยังคลาวด์แล้ว ยังสามารถนำมาใช้งานในการดูแลระบบไอทีบนคลาวด์ในทุกๆวัน โดยประกอบไปด้วย

  • Centralized Log Analysis – จัดเก็บ รวบรวม Log ของแอปพลิเคชันและทุกระบบที่องค์กรใช้งานมาไว้ในที่เดียว พร้อมด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ Log และแจ้งเตือนปัญหา
  • Infrastructure Monitoring – เผยทุกสถานะของ Infrastructure ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็น Log, Uptime, หรือสถิติอื่นๆ
  • Application Performance Monitoring – ดูแลทุกแง่มุมของแอปพลิเคชัน เก็บสถิติ ตรวจสอบสถานะการทำงาน และวาดแผนผังความเชื่อมโยง (Dependency) ของระบบ เพื่อให้องค์กรสามารถหาข้อผิดพลาดและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว 
  • End-user Experience Monitoring – ดูแลการใช้งานแอปพลิเคชันจากฝั่งผู้ใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ยังทำงานได้ดี ไม่ล่ม ในทุกฟังก์ชัน

โดยในการดูแลระบบ Elastic Observability จะใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลและ Machine Learning เพื่อแนะนำการใช้งาน ตรวจจับความผิดปกติ และค้นหาสาเหตุของการทำงานที่ด้อยประสิทธิภาพ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาจัดแสดงในหน้า Dashboard ที่จะช่วยให้ทีม DevOps สามารถนำข้อมูลไปแก้ไขหรือปรับปรุงระบบได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด

นอกจากนี้ ในด้านของความปลอดภัย Elastic Observability ยังสามารถส่งต่อข้อมูลในแพลตฟอร์มมาทำงานร่วมกับ Elastic Security ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยแบบ XDR (Extended Detection and Response) ที่ช่วยเฝ้าระวังและตรวจสอบความเสี่ยงและการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นกับองค์ประกอบใดๆในระบบอย่างทันท่วงที และเมื่อระบบรักษาความปลอดภัยนี้ทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงจาก AWS องค์กรจึงสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลและระบบทั้งหมดจะปลอดภัยจากการโจมตีในรูปแบบต่างๆ

Elastic Security สามารถช่วยเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับระบบทั้งหมด โดยการทำงานร่วมกับ Elastic Observability ที่คอยดูแลสถานะการทำงานของระบบในที่ต่างๆอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น On-premise, Data Center หรือบน Public Cloud

สนใจนำ Elastic Observability ไปใช้ย้ายระบบขึ้นคลาวด์ ติดต่อทีมงาน Elastic ได้ทันที

Elastic เป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการของโครงการ AWS ISV Workload Migration Program (WMP) และได้พัฒนาขั้นตอนและฟีเจอร์การทำงานของผลิตภัณฑ์ให้ทำงานในทิศทางเดียวกันกับ Best Practice ต่างๆของ AWS เช่น AWS Well-Architected Framework และ AWS Migration Acceleration Program ดังนั้นธุรกิจจึงมั่นใจได้ว่าขั้นตอนการย้ายระบบนั้นจะได้รับการซัพพอร์ตเป็นอย่างดีจากแพลตฟอร์มที่สร้างด้วยประสบการณ์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับคลาวด์ของ AWS 

หากผู้อ่านท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Elastic Observability หรือต้องการพูดคุยเกี่ยวกับการใช้งานและประสบการณ์ในการทำ Cloud Migration สามารถติดต่อทีมงาน Elastic โดยตรงได้ที่ teepiyanut.tipakornsaowapak@elastic.co 

 

อ้างอิง: https://www.elastic.co/blog/elastic-and-aws-accelerate-your-cloud-migration-journey


Check Also

[รีวิว] Asus Zenbook 14X OLED รุ่น Sandstone Beige สีเบจ ให้ความรู้สึกเหมือนเซรามิก

Asus Zenbook 14X OLED มีการออกแบบที่โดดเด่นในสีเบจ Sandstone Beige เคลือบผิวด้วยเซรามิกรูปแบบใหม่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนบนฝาแล็ปท็อป มีรูปทรงบางเบา ขนาดหน้าจอ 14.5” (2880×1800) OLED มาพร้อมพลังขับเคลื่อนชิป CPU …

Apple ออกอัปเดต macOS Sonoma ให้ผู้ใช้งานทั่วไปอัปเดตได้แล้ว

Apple ออกอัปเดต macOS Sonoma ให้ผู้ใช้งานทั่วไปอัปเดตได้แล้ว