“DNSSEC” เกราะป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกอินเทอร์เน็ต [Guest Post]

ในยุคที่การโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตจึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องทำธุรกรรมออนไลน์หรือเข้าถึงข้อมูลสำคัญผ่านเว็บไซต์ต่างๆ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า เว็บไซต์ที่คุณกำลังเข้าใช้งานนั้นเป็นเว็บไซต์จริงหรือเว็บไซต์ปลอม?

OPEN-TEC (Tech Knowledge Sharing Platform), ภายใต้การดูแลของ TCC TECHNOLOGY GROUP จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Domain Name System Security Extensions (DNSSEC) ระบบที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและปกป้องข้อมูลในระบบ DNS

ระบบที่ชื่อว่า DNSSEC นี้ เป็นชุดโปรโทคอล (protocol) ความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบ DNS โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นตำรวจจราจรบนท้องถนนอินเทอร์เน็ต คอยตรวจสอบว่าเว็บไซต์ที่เราเข้าถึงนั้นเป็นเว็บไซต์ที่แท้จริง ไม่ใช่เว็บไซต์ปลอมที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นเพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวของเรา

ระบบนี้ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงที่เรียกว่า Public Key Infrastructure (PKI) ซึ่งสร้างกุญแจคู่สำหรับการตรวจสอบความถูกต้อง เปรียบเสมือนกับการมีกุญแจสองดอกที่ต้องใช้คู่กันเพื่อยืนยันตัวตน วิธีการนี้ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ DNS Spoofing ที่มิจฉาชีพพยายามปลอมแปลงเว็บไซต์เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้

ขั้นตอนสำคัญของระบบ DNSSEC เพื่อการรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย

1.การสร้างคู่กุญแจ (Key Pair Generation) เป็นกุญแจสาธารณะ (Public Key) และกุญแจส่วนตัว (Private Key) สำหรับกุญแจสาธารณะนั้นจะถูกเผยแพร่ใน DNS ในขณะที่กุญแจส่วนตัวจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย

2.การลงนามดิจิทัล (Digital Signatures) โดยกุญแจส่วนตัวจะถูกนำไปใช้ในการสร้างลายเซ็นดิจิทัลสำหรับข้อมูล DNS เพื่อเป็นการยืนยันความถูกต้อง

3.การตรวจสอบความถูกต้อง (Validation) เมื่อ Resolver ได้รับข้อมูล DNS ที่ลงนามแล้ว จะใช้กุญแจสาธารณะเพื่อตรวจสอบลายเซ็น หากลายเซ็นถูกต้อง Resolver จะยอมรับข้อมูล แต่หากไม่ถูกต้อง จะปฏิเสธข้อมูลนั้นทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

แม้ว่า DNSSEC จะเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูง แต่การนำมาใช้งานยังมีความท้าทาย เนื่องจากต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคมาก และอาจส่งผลให้การเข้าถึงเว็บไซต์ช้าลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ข้อดีในด้านความปลอดภัยนั้นมีค่ามากกว่าข้อเสียอย่างแน่นอน

สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แม้จะไม่สามารถเห็น DNSSEC ทำงานได้โดยตรง แต่ระบบนี้ทำงานอยู่เบื้องหลังตลอดเวลาเพื่อปกป้องภัยร้ายบนโลกไซเบอร์ เหมือนกับทหารที่คอยเฝ้าระวังภัยอยู่ตามชายแดน ทำให้เราสามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น

ในอนาคต คาดว่าการใช้งาน DNSSEC จะแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและหน่วยงานรัฐที่ต้องการความปลอดภัยสูง การสนับสนุนผู้ให้บริการเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตนำ DNSSEC มาใช้ จะช่วยทำให้การท่องอินเทอร์เน็ตมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และเป็นการสร้างระบบนิเวศทางดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

About Maylada

Check Also

พบช่องโหว่ใน Kubernetes ที่อาจถูกใช้ยึดควบคุม Windows Node

พบช่องโหว่ใน Kubernetes ที่อาจถูกใช้ยึดควบคุม Windows Node ทั้งหมดในคลัสเตอร์

SonicWall เตือนช่องโหว่ Zero-day ใน SMA 1000 ให้ผู้ใช้อัปเดตด่วน!

พบการโจมตีในโซลูชัน SonicWall SMA 1000 Appliance Management Console (AMC) และ Central Management Console (CMC) ที่เป็นโซลูชันสำหรับรวมศูนย์การบริหารจัดการ โดยช่องโหว่มีความร้ายแรงที่ …