Cloudflare เปิดตัว VPN สำหรับผู้ใช้งานมือถือ ‘Warp’

Cloudflare ได้ประกาศเปิดตัวบริการ VPN ซึ่งจะเป็นแอปพลิเคชันสำหรับติดตั้งบนมือถือที่ชื่อ ‘Warp’ โดยมุ่งแก้ปัญหา VPN แบบเก่าๆ ที่มักกินลดประสิทธิภาพความเร็วอย่างมีนัยสำคัญและไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ อีกทั้งยังชูโรงว่าเป็นแอป VPN ที่ใช้ง่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปอย่างแท้จริง

credit : Cloudflare

ปัญหาของ VPN สำหรับมือถือในปัจจุบัน

1.เมื่อใช้งาน VPN ความเร็วของอินเทอร์เน็ตจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

2.กินแบตเตอรรี่เนื่องจากไม่ได้ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานมือถือ

3.มีรายงานหลายครั้งว่าผู้ให้บริการบางรายไม่ได้ใส่ใจเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยเท่าไหร่นักหนำซ้ำยังมีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปหากำไรต่อด้วย

Cloudflare มองว่าการใช้งานโปรโตคอล TCP คือปัญหาหลักที่ขัดขวางการพัฒนาความเร็วในการใช้งาน VPN ซึ่งเมื่อปี 2017 ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท Neumob ที่มีเทคโนโลยีบนโปรโตคอล UDP ซึ่งจะเข้ามาตอบโจทย์ที่วางเอาไว้ ทั้งนี้ UDP โปรโตคอลยังเหมาะสมกับการใช้งานของอุปกรณ์มือถือที่ต้องทำ Retransmission บ่อยๆ เนื่องจากเคลื่อนที่ตลอดเวลาแล้วสัญญานหลุด ทั้งนี้การทำ Retransmission ได้ว่องไวจะส่งผลกระทบกับการใช้พลังงาน ด้วยเหตุนี้ทาง Cloudflare จึงได้เลือกต่อยอดโอเพ่นซอร์ส VPN จาก Wireguard ที่มีประสิทธิภาพดีพร้อมทั้งปรับปรุงให้มีการใช้สัญญาณอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับ Secure DNS 1.1.1.1 ของ Cloudflare และเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลกซึ่งมีความสามารถในการทำ Caching และ Compression จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสิทธิภาพความเร็วในระดับที่ดีไม่เหมือนกับ VPN แบบเก่าอีกทั้งยังมีความมั่นคงปลอดภัยอีกด้วย ทั้งนี้เมื่อเปิดใช้งานแอปแล้วข้อมูลของมือถือทั้งหมดจะเข้ารหัสและส่งผ่านบริการ VPN โดยอัตโนมัติไม่ใช่แค่การใช้งานใน Browser เท่านั้น

Cloudflare ยังได้ยืนยันถึงเจตจำนงค์ของการให้บริการ 4 ข้อว่า

  • จะไม่มีการเก็บข้อมูล Log ที่ใช้ระบุตัวตนของผู้ใช้งานลงดิกส์
  • จะไม่มีการ Browse ข้อมูลผู้ใช้งานหรือนำไปใช้ต่อการโฆษณา
  • มีการใช้ Audit จากภายนอกมาตรวจสอบว่าบริษัทได้รักษานโยบายอย่างโปร่งใส
  • การใช้แอปพลิเคชัน Warp หรือแอป DNS 1.1.1.1 ที่เปิดตัวมาปีที่แล้ว ไม่เคยมีการร้องขอข้อมูลส่วนตัวไม่ว่าจะเป็น ชื่อ เบอร์โทร อีเมล แต่อย่างใด

Warp จะปล่อยให้บริการฟรีในผู้ใช้งานทั่วไปแต่ทาง Cloudflare วางแผนว่าจะปล่อย Warp+ มาเป็นบริการเก็บเงินกับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้น หรืออีกโมเดลหนึ่งคือระดับองค์กรที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากๆ และสุดท้าย Cloudflare ได้ประโยชน์จากการติดตั้งแอปพลิเคชันไว้ทั้งสองฝั่งอยู่แล้วเพราะช่วยให้ทำ Optimize ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งบริษัทมีแผนที่จะทำ Compression ในรูปแบบต่างๆ, Congestion Control และ Multipath Routing เพิ่มซึ่งจะทำได้ง่ายขึ้นด้วยแอปที่ติดตั้งอยู่นี้ รวมถึงตรงกับโจทย์ของธุรกิจที่ต้องการทำให้ลูกค้ามีอินเทอร์เน็ตที่เร็วและปลอดภัยด้วย

อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าจะประกาศเปิดตัวแล้วแต่ทางบริษัทกล่าวว่าจะค่อยๆ ทยอยออกมากับผู้ใช้บางแห่งและจะสมบูรณ์พร้อมใช้ทุกพื้นที่ราวปลายเดือนกรกฏาคมซึ่งเราจะมาบอกข่าวกันอีกทีครับ

ที่มา :  https://blog.cloudflare.com/1111-warp-better-vpn/ และ  https://techcrunch.com/2019/04/01/cloudflares-warp-is-a-vpn-that-might-actually-make-your-mobile-connection-better/

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

อุปกรณ์ Apple เสี่ยงถูกโจมตี ผ่านช่องโหว่คอนโทรลเลอร์ USB-C ACE3

ผู้ใช้อุปกรณ์ Apple กำลังเผชิญความเสี่ยงใหม่ หลังจากที่นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยสามารถแฮ็กคอนโทรลเลอร์ USB-C ACE3 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่รับผิดชอบการจัดการการชาร์จไฟและการถ่ายโอนข้อมูลบนอุปกรณ์รุ่นล่าสุดของ Apple ได้สำเร็จ

[รีวิว] TP-Link OMADA EAP723 ง่าย เร็ว คุ้ม ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ

ในปี 2025 มาตรฐาน Wi-Fi 7 ได้ถูกบรรจุเข้ามาแล้วในอุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย ซึ่งสำหรับ TP-Link OMADA EAP723 ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ธุรกิจสามารถสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ได้ในราคาย่อมเยา เพราะเครือข่ายในธุรกิจมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจ โดยคอนเซปต์ของ TP-Link OMADA …