Cloudera รุกตลาดไทย เตรียมร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่อยากเปิดหลักสูตร Big Data Analytics

ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปร่วมฟังงานแถลงข่าวของ Cloudera ในประเทศไทย ซึ่งก็มีประเด็นที่น่าสนใจค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับภาพรวมและการวิเคราะห์ตลาด Big Data Analytics และยังมีโครงการที่จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในไทยเพื่อเปิดหลักสูตร Big Data Analytics ให้ฟรีอีกด้วย ทางทีมงานก็ขอหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ

cloudera_banner

รู้จักกับ Cloudera อย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้ Cloudera เป็นบริษัท Startup ที่มีเป้าหมายเพื่อจะสร้าง Big Data Analytics Platform ที่ทุกๆ องค์กรสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย โดยหลังจากที่ Intel ได้เข้าลงทุนใน Cloudera แล้ว Cloudera ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วงของการเตรียมตัวเข้า IPO แล้ว

ตอนนี้ Cloudera ได้กลายเป็น Big Data Analytics สำหรับ Intel และผลักดันเทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูล Big Data Analytics ด้วย CPU Intel ร่วมกันโดยตรง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของการประมวลผล และการเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานด้วยฟีเจอร์ของ CPU เอง

ลองศึกษารายละเอียดของ Cloudera เพิ่มเติมได้ที่ https://www.cloudera.com/

 

ครบรอบอายุ 10 ปี และวิวัฒนาการของ Hadoop

Hadoop เกิดขึ้นมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Apache Hadoop มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก จากการเป็น Open Source Software ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก และมีผู้ร่วมพัฒนาเป็นจำนวนมากไปด้วยในเวลาเดียวกัน จนทั้งชุมชนของผู้ใช้งานและผู้พัฒนานั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เกิดโครงการ Open Source จำนวนมากที่เกี่ยวข้องกัน และกลายเป็นหนึ่งใน Platform ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในระดับธุรกิจองค์กรมากมาย

มีข้อมูลเสริมเล็กน้อยว่าทำไมโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Apache Hadoop นั้นต้องเกี่ยวข้องกับชื่อสัตว์ นั่นเป็นเพราะว่า Hadoop เป็นชื่อของช้างนั่นเอง โดย Doug Cutting ผู้สร้าง Hadoop ขึ้นมานั้นได้ซื้อตุ๊กตาช้างสีเหลืองให้กับลูกชายของเขา และตั้งชื่อมันว่า Hadoop และนี่ก็เป็นที่มาของชื่อโครงการ Open Source Project ชื่อดังนี้นี่เอง และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเหล่าวิศวกรที่เข้ามาร่วมพัฒนา Open Source ต่างๆ ที่ต้องการตั้งชื่อโครงการต่างๆ ให้เกี่ยวข้องกับชื่อสัตว์ล้อกันไปด้วยนั่นเอง

 

Big Data Analytics จะแก้ปัญหาให้กับธุรกิจได้อย่างไร? และ Hadoop เข้ามามีบทบาทอย่างไรบ้าง?

เมื่อก่อนนั้น Database คือเทคโนโลยีหลักในการจัดการข้อมูลของระบบ Software โดย Database นี้จะมีโครงสร้างเป็นแบบ Structured Data ซึ่งผู้ใช้งานต้องทำการกำหนดข้อจำกัดต่างๆ ก่อนล่วงหน้า เช่น ขนาดของแต่ละฟีลด์, ประเภทของข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บในแต่ละฟีลด์ และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่ Application ในปัจจุบันนี้การเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ Social Network ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราค่อนข้างเยอะ และต้องทำการเก็บข้อมูลที่มีความหลากหลายมากกว่าแต่ก่อน ทำให้ข้อมูลที่ต้องจัดเก็บนั้นกลายเป็น Unstructured Data แทน โดยลดข้อจำกัดของการกำหนดประเภทของข้อมูลล่วงหน้าก่อน ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ก็ถูกนำไปใช้เสริมขีดความสามารถต่างๆ ให้กับการดำเนินธุรกิจในระดับองค์กรด้วย

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจประกัน ที่เมื่อก่อนการเก็บข้อมูลทั้งหมดอาจจะอยู่ในรูปของข้อความเท่านั้น และจัดเก็บข้อมูลในรูปอื่นๆ เก็บแยกเอาไว้ หรือเก็บเอาไว้ใน Database จนทำให้ระบบทำงานช้า การมาของ Apache Hadoop ทำให้การเก็บข้อมูลทั้งส่วนที่เป็นข้อความ และข้อมูลเสริมต่างๆ อย่างรูปภาพ, ไฟล์วิดีโอ หรือเอกสารในรูปแบบอื่นๆ ถูกรวมอยู่ภายในระบบเดียวกัน และเชื่อมข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกันได้ ทำให้การออกแบบ Application และการจัดเก็บข้อมูลมีความยืดหยุ่นสูงขึ้นมาก และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ในเชิงธุรกิจสามารถเป็นไปได้อย่างยืดหยุ่นและง่ายดายมากยิ่งขึ้น

ด้วยแนวคิดนี้ ทำให้ Cloudera ที่ใช้ Apache Hadoop เป็นฐาน สามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งการจราจร, ภัยพิบัติ, การแพร่ระบาดของไวรัส และอื่นๆ อีกมากมายเป็นไปได้ด้วยการนำข้อมูลที่มีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายสูงเหล่านี้สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ และการที่ Cloudera เข้ามาในประเทศไทยนี้ ทาง Cloudera เองก็มุ่งหวังที่จะเข้ามามีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

 

Cloudera จะทำให้ทุกๆ ข้อมูลมีคุณค่า และนำไปใช้แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้มากขึ้น

ด้วยความยืดหยุ่นในการจัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ การนำข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ ตัวอย่างเช่นการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานรถไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ประเทศอื่นๆ อย่างสิงคโปร์เองก็มีการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานรถไฟฟ้าของประชาชน ในการปรับแผนราคาให้ประชาชนเลือกที่จะเดินทางก่อนเวลา 7.30น. เพื่อแก้ปัญหาความแออัดในการแย่งกันใช้บริการรถไฟฟ้า และลดปริมาณการใช้งานรถยนต์ส่วนตัวไปพร้อมๆ กัน เป็นต้น

นอกจากประเด็นเรื่องของความยืดหยุ่นแล้ว Cloudera ยังได้เสริมประเด็นเรื่องของความเร็วในการประมวลผล, ความง่ายในการใช้งาน และความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล

ความเร็ว: จากเดิมการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ด้วย Database นั้นอาจใช้เวลาหลายเดือนในการประมวลผล แต่ Cloudera สามารถช่วยลดเวลาในการประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นลงมาเหลือเวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ได้

ความง่าย: Apache Hadoop นั้นถือเป็นระบบที่มีความซับซ้อนสูงในการติดตั้งใช้งาน Cloudera ได้ช่วยในการติดตั้งใช้งานและการเชื่อมต่อระบบต่างๆ เข้าด้วยกันสามารถทำได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

ความปลอดภัย: เป็นประเด็นหลักที่องค์กรให้ความสำคัญสูงสุด และเป็นปัจจัยที่ทำให้ Cloudera Hadoop ได้ถูกเลือกใช้งานในองค์กรและธุรกิจต่างๆ มากมาย

 

Cloudera คือบริษัทที่รู้จัก Hadoop ดีที่สุด

Cloudera ได้ให้เหตุผลไว้ว่าทำไม Cloudera Hadoop ถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรด้วยกัน 2 ประการ

  1. Doug Cutting ผู้ที่สร้าง Hadoop ขึ้นมานั้นทำงานอยู่ในบริษัท Cloudera ในตำแหน่ง Chief Architect
  2. Cloudera คือบริษัทที่มีการ Contribute Source Code กลับเข้าไปยังโครงการ Open Source ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Hadoop เยอะที่สุด

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ Cloudera กล้ากล่าวว่า Cloudera คือบริษัทที่รู้จัก Apahce Hadoop ดีที่สุด และมีประสบการณ์สูงที่สุดในการใช้ Hadoop รวมถึงได้ทำการพัฒนาระบบ Predictive Analytics เสริมเข้าไปในระบบของ Cloudera เพื่อช่วยวิเคราะห์ว่าระบบ Hadoop ที่องค์กรต่างๆ ใช้งานอยู่จะเกิดปัญหาหรือมีโอกาสเกิด Downtime ได้อย่างไรบ้าง ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถทำการรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้ล่วงหน้า และลดเวลาที่อาจเกิด Downtime ลงได้

นอกจากนี้ Cloudera ยังมี Partner ในทุกๆ ระดับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Vendor ขนาดใหญ่, ผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำทั้ง AWS และ MS Azure, ผู้ให้บริการระบบ IT ชั้นนำ, บริษัท Startup และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ Cloudera ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการ Big Data Analytics ทั่วโลก และนำองค์ความรู้เหล่านั้นมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ระบบของ Cloudera เองก็จะยังสามารถรองรับการทำงานร่วมกับ Software และ Hardware จากผู้ผลิตชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก พร้อมการสนับสนุน่จากบริษัท Systems Integrator ชั้นนำได้อีกด้วย

 

Cloud คือเทคโนโลยีที่จะทำให้ Big Data Analytics เข้าถึงได้สำหรับธุรกิจทุกระดับ

ในมุมของ Cloudera เองนั้นมอง Cloud ว่าเป็นหนึ่งในช่องทางที่จะทำให้องค์กรต่างๆ และบริษัททุกขนาดสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี Big Data Analytics ได้ง่ายในค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่คุ้มค่า และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ Cloudera จับมือกับ Cloud Provider ชั้นนำ

 

กรณีศึกษาที่น่าสนใจในการนำ Cloudera ไปใช้แก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี Big Data Analytics

ตัวอย่างหนึ่งคือการนำเทคโนโลยีของ Cloudera เข้ามาผสานกับ Internet of Things เพื่อช่วยติดตามอาการของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันด้วย Sensor จาก Wearable Device ที่อ่านข้อมูลกว่า 300 ค่าต่อวินาที และทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยแต่ละคนทำได้ดีขึ้น ในขณะที่การนำข้อมูลจากผู้ป่วยทุกคนมาวิเคราะห์ร่วมกันก็ทำให้สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรค และผลที่เกิดขึ้นจากยาที่ใช้ในการรักษาได้อย่างละเอียดนั่นเอง อีกทั้งการติดตามอาการของผู้ป่วยนี้ก็จะช่วยให้โรงพยาบาลสามารถติดตามได้ว่าผู้ป่วยรายใดเกิดอาการผิดปกติขึ้น และสามารถโทรศัพท์เข้าไปตรวจสอบ หรือแจ้งต่อครอบครัวของผู้ป่วยได้

ตัวอย่างถัดมาคือระบบ Smart Parking ที่รวบรวมข้อมูลของที่จอดรถที่ยังว่างอยู่ เข้ากับรถยนต์ที่กำลังมองหาที่จอดรถ ทำให้สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เกินกว่าร้อยล้านปอนด์ และช่วยลดการปริมาณมลภาวะที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย

ธุรกิจประกันเองก็เริ่มมีการออกโมเดลการคิดค่ากรมธรรม์สำหรับลูกค้าแต่ละคนตามพฤติกรรมและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ซึ่งการทำแบบนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ก็เพราะการนำ Big Data Analytics ขึ้นมาใช้นั่นเอง

Uber, Grab และ Airbnb นั้นมีจุดร่วมอย่างหนึ่ง คือทั้งสามธุรกิจนี้ไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอะไรเลย แต่ทั้งสามบริษัทนี้ต่างก็รู้วิธีการในการนำข้อมูลมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้ และตอบสนองความต้องการของผู้คนด้วยข้อมูลได้ จนได้กลายเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างในทุกวันนี้

 

ปัญหาของตลาด Big Data Analytics ทั่วโลก

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นเรื่องของคนนั้นกลับเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า ทั่วโลกยังขาดแคลน Data Scientist ที่มีความสามารถทั้งการวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการข้อมูลด้วยเทคโนโลยีทางด้าน IT แต่ Cloudera นั้นมองว่าเมืองไทยมีโอกาสที่จะเติบโตในด้านนี้ได้ด้วยศักยภาพของเหล่านักพัฒนาและชาว IT ในไทย

ความยากอีกอย่างหนึ่งในการผลิตบุคลากรทางด้านนี้ก็คือ การแก้ปัญหาในแต่ละอุตสาหกรรมนั้นไม่สามารถนำมาใช้ข้ามกันได้ และอาศัยความสามารถในการวิเคราะห์และความรู้ความเข้าใจในแต่ละอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป ทำให้แต่ละอุตสาหกรรมเองก็ยิ่งขาดแคลน Data Scientist เฉพาะทางลงไปอีก

ในไทยยังมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ ที่มีบุคลากรที่มีความรู้ทางด้าน IT เยอะอยู่แล้วในระดับหนึ่ง เหลือเพียงการเสริมความรู้ทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละธุรกิจและแต่ละอุตสาหกรรม ก็พอที่จะทำให้ไทยสามารถสร้าง Data Scientist เพิ่มขึ้นมาได้อยู่ในอนาคต

 

Cloudera ในประเทศไทย และเป้าหมายในการสร้าง Data Scientist เพิ่มเติมร่วมกับมหาวิทยาลัย

ตอนนี้ Cloudera พร้อมให้บริการในประเทศไทยแล้วร่วมกับ Partner รายต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้ง Global Partner อย่าง Dell, HPE และ Partner ในไทยอย่าง G-Able และในอนาคตก็จะมีการเปิดรับบริษัทอื่นๆ อีกมากมาย โดยลูกค้ารายหนึ่งที่ Cloudera พูดถึงคือ True ที่ได้นำ Cloudera ไปช่วยเสริมในระบบ Customer Experience

ปัญหาที่ Cloudera มองว่าประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสได้จากการนำเทคโนโลยี Big Data Analytics มีดังนี้

  1. การปรับปรุงประสิทธิภาพของภาคการเกษตร ให้มีผลผลิตดีขึ้น
  2. การปรับปรุงการคมนาคมในประเทศไทย ให้การวางแผนและการแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นไปได้ดีขึ้น
  3. การปรับปรุงระบบ e-Commerce ในไทยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ทั้งการนำเสนอสินค้า และการจัดการคลังสินค้า

สิ่งที่ประเทศไทยควรทำคือการตั้งคำถามสำหรับการแก้ไขปัญหาที่มีขนาดใหญ่และส่งผลกระทบต่อสังคมจริงๆ เพราะยิ่งคำถามมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ การนำข้อมูลมาใช้ตอบโจทย์เหล่านี้ก็จะยิ่งสร้างความเป็นได้ใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น

ตอนนี้ Cloudera กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในไทย ทั้งองค์กรต่างๆ ที่ต้องการใช้ Big Data Analytics ในการแก้ปัญหาธุรกิจ และบริษัท Partner รายใหม่ๆ ที่จะมาช่วยผลักดันธุรกิจของ Cloudera ให้เติบโต ในขณะที่ Cloudera เองก็จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้าง Big Data Analytics Community ร่วมกับภาครัฐและการศึกษาในไทย ด้วยการเปิดให้มหาวิทยาลัยสามารถนำหลักสูตรของ Cloudera ไปสอนในมหาวิทยาลัยได้ฟรีๆ เพื่อสร้างบุคลากรเหล่านี้ขึ้นมา ดังนั้นใครที่สนใจก็สามารถติดต่อ Cloudera ได้ทันทีครับ หรือจะติดต่อทีมงาน TechTalkThai ที่ info@techtalkthai.com เพื่อให้ช่วยประสานงานก็ได้เช่นกันครับ

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cloudera ได้ที่ https://www.cloudera.com/

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

[Video Webinar] พลิกโฉมการตรวจจับ ป้องกัน และตอบโต้ภัยคุกคามอย่างครบวงจรด้วย Splunk และ Cisco

สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าฟังการบรรยาย Splunk & Cisco Webinar เรื่อง “พลิกโฉมการตรวจจับ ป้องกัน และตอบโต้ภัยคุกคามอย่างครบวงจรด้วย Splunk และ Cisco” ที่เพิ่งจัดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือต้องการรับชมการบรรยายซ้ำอีกครั้ง สามารถเข้าชมวิดีโอบันทึกย้อนหลังได้ที่บทความนี้ครับ

Google ทุ่มกว่าพันล้านดอลลาร์ให้ Anthropic คู่แข่ง OpenAI

มีรายงานจาก Financial Times ว่า Google ได้ลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน Anthropic โดยเพิ่มจากเดิมที่บริษัทได้สนับสนุนเงินทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ 2 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มจากรายงานก่อนหน้านี้ว่า Anthropic กำลังระดมทุนอีก …