Black Hat Asia 2023

[Guest Post] คณบดี CITE DPU เตือนภัยคุกคาม Ransomware ตัวใหม่ยังถอดรหัสไม่ได้ แนะผู้ใช้งาน IT ตั้งรับด้วยความตระหนักรู้

ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)  เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการโจมตีทางไซเบอร์จำนวนมากทั่วทั้งโลกและในประเทศไทย ซึ่งไม่นานมานี้ได้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ที่สำคัญขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง โดยแฮกเกอร์โจมตีด้วย Ransomware จนระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลไม่สามารถทำงานได้ทำให้การให้บริการกับผู้ป่วยได้รับผลกระทบอย่างหนัก รวมทั้งมีการเรียกค่าไถ่ด้วยมูลค่าที่สูงมาก เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนต้องหันมาสนใจเรื่องภัยคุกคามจากไซเบอร์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบเจาะระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เป็น Security Engineer ให้กับผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของโลกในประเทศไทย ได้วิเคราะห์เหตุการณ์ดังกล่าวโดยระบุว่า  Ransomware  ของโรงพยาบาลที่ถูกโจมตีมีชื่อว่า “VoidCrypt” ที่ปรับปรุงใหม่ โดยปัจจุบันยังไม่สามารถทำการถอดรหัสเพื่อแก้ไขไฟล์ที่ติด Ransomware ตัวนี้ได้ และหากดูจากลักษณะการโจมตี รูปแบบและผลกระทบที่เกิดขึ้นคาดว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของคนไทยแต่มีความเป็นไปได้ที่เกิดจากการโจมตีจากชาวต่างชาติแถบทวีปยุโรปตะวันออกหรือตะวันออกกลางมากกว่า

ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)

 

ดร.ชัยพร กล่าวว่า Ransomware ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายเพื่อการเรียกค่าไถ่ หากยอมจ่ายค่าไถ่ดังกล่าวแล้วก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าแฮกเกอร์จะยอมถอดรหัสไฟล์ทั้งหลายที่ติด Ransomware ดังกล่าวหรือไม่ แต่ผลกระทบเกิดขึ้นกับข้อมูลที่ได้เก็บบันทึกไว้และไม่สามารถนำมาใช้งานได้เกิดขึ้นแล้ว การกู้คืนระบบทำได้ยากหากไม่มีการบริหารจัดการสำรองข้อมูลที่ดี มีการใช้งานเครื่องมือป้องกันจำพวก Endpoint Security ไหม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ล้าสมัยหรือมีการอัพเดตบ้างไหม การกำหนดสิทธิในการทำงานหรือการใช้งานของ User รัดกุมเพียงพอหรือไม่ รวมทั้งความตระหนักของหน่วยงานและผู้ใช้งานมีหรือไม่ โดยในระยะสั้นอาจต้องแก้ปัญหาด้วยการทำงานด้วยกระดาษเป็นหลักก่อน ส่วนในระยะกลางถึงยาวอาจต้องแก้ปัญหาด้วยการคีย์ข้อมูลที่ต้องใช้งานเข้าไปใหม่ พร้อมทั้งการเพิ่มเติมและอัพเดตระบบคอมพิวเตอร์และระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งต้องเสียทั้งเวลา งบประมาณ การให้บริการ และชื่อเสียง

คณบดีวิทยาลัย CITE DPU  กล่าวว่า ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีอยู่รอบตัวเรา และยังมีรูปแบบอื่น ๆ อีกยกตัวอย่างเช่น มีข้อมูลส่วนตัวของบุคคลที่สำคัญไปโผล่ที่ตลาดมืด เป็นไปได้ว่าแฮกเกอร์เป็นผู้นำไปขาย โดยเจาะระบบผ่านอีเมลล์ฟิชชิ่งทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานในองค์กรทำให้ติด Malware ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ หรือกรณีการติด Malware จนทำให้เกิดการแก้ไขข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าต่างประเทศของบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จนทำให้เกิดการโอนเงินไปยังบัญชีปลายทางที่เป็นของแฮกเกอร์ในต่างประเทศ เป็นต้น ปัญหาทั้งหลายดังกล่าวมักเกิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีระบบป้องกันป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือมีแต่ขาดการอัพเดต

ดังนั้น วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ทุกคนต้องมีสติระมัดระวังในการใช้งาน มีการตระหนักรู้ (Awareness) ของการใช้งานที่ดี ไม่เข้าใช้โปรแกรมที่ไม่มีแหล่งที่มา  ไม่เปิดเมล์ที่ไม่มีแหล่งที่มาหรือน่าสงสัย รู้จักใช้ระบบป้องกัน เก็บบันทึกข้อมูลการใช้งานให้ครบถ้วน มีการสำรองข้อมูลสม่ำเสมอ อัพเดตซอฟต์แวร์และเครื่องมือต่างๆ สม่ำเสมอ นอกจากนี้การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์จำเป็นต้องได้รับการทบทวนและตรวจสอบ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ห้ามการ์ดตก เปรียบเหมือนเกมแมวไล่จับหนู เพราะแฮกเกอร์มักจะปรับเปลี่ยนวิธีการโจมตีใหม่ไปเรื่อย ๆ ทำให้เราต้องปรับวิธีตั้งรับและป้องกันตลอดเวลาเช่นเดียวกัน 

 ดร.ชัยพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ภัยคุกคามไซเบอร์ไม่มีทางหมดไปจากโลก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต และการโจมตีมาจากส่วนไหนของโลกก็ได้ เพราะภัยคุกคามต่าง ๆ มาจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต  แม้ภาครัฐได้ออกกฎหมายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  แต่กฎหมายดังกล่าวบังคับและครอบคลุมหน่วยงานหรือบริษัทที่สำคัญเท่านั้นให้มีกระบวนการและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีพอ ยังไม่ครอบคลุม Home User หรือหน่วยงานหรือบริษัททั่วไป  ดังนั้นผู้ใช้งานควรจะตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วยความระมัดระวัง รู้จักใช้เครื่องมือที่ช่วยป้องกันภัยคุกคามต่างๆ มีการสำรองข้อมูลสำคัญสม่ำเสมอ เสริมสร้างความรู้ด้านไซเบอร์ เป็นต้น

 

 


About Maylada

Check Also

องค์กรของคุณควบคุมค่าใช้จ่ายคลาวด์แล้วหรือยัง เริ่มต้นวันนี้ด้วยเครื่องมือ FinOps จาก VMware Aria

รายจ่ายเป็นเรื่องใหญ่เสมอสำหรับทุกองค์กร และมักเป็นคำถามสำคัญในทุกการประชุมจากเหล่าผู้บริหารว่าวันนี้ทีมของคุณจัดการค่าใช้จ่ายได้ดีเพียงใด เหมาะสมแล้วหรือไม่ คุ้มค่าหรือยัง อย่างไรก็ดีองค์กรที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมมักยากที่จะตอบคำถามนี้ได้ โดยเฉพาะการใช้งาน Multi-cloud ที่มีความซับซ้อนสูง เพราะคลาวด์ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายขององค์กรให้ติดตามได้ยาก จึงนำไปสู่แนวคิดใหม่ของหน้าที่ที่เรียกว่า FinOpsในบทความนี้ท่านจะได้เรียนรู้กับหน้าที่ของ FinOps และแนวทางปฏิบัติที่จะทำให้แนวคิดนี้ประสบความสำเร็จ รวมถึงผลประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับหากมีการจัดการต้นทุนของคลาวด์ที่ดี อนึ่ง …

ปกป้อง Workload อย่างไร้รอยต่อจาก Azure สู่ AIS Cloud X ด้วย Microsoft Defender for Cloud

สาเหตุที่ Public Cloud ได้รับความนิยมมีหลายปัจจัย นอกเหนือจากตัวเลือกทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็คงหนีไม่พ้นเครื่องมือด้าน Security อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาความท้าทายของ Security ที่เกิดขึ้นก็คือข้อจำกัดของเครื่องมือที่ไม่สามารถก้าวออกนอกแพลตฟอร์มได้ ด้วยเหตุนี้เองผู้ทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัยจึงต้องรับบทหนักเพิ่มขึ้นจากแนวทาง Multi-cloud ด้วย การใช้งาน Local …