Startup Genome บริษัทด้านการวิจัยธุรกิจ Startup ในสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเปิดเผยถึงรายงานประจำปี 2018 ว่าปัจจุบันนี้ จีนถือครองสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง Artificial Intelligence (AI) และ Blockchain จำนวนมากกว่าสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รายงานยังระบุว่าจากข้อมูลปี 2017 จีนมีปริมาณสิทธิบัตรด้าน AI มากกว่าสหรัฐอเมริกาอยู่ 4 เท่า และถือครองสิทธิบัตรด้าน Blockchain มากกว่าสหรัฐอเมริกาอยู่ 3 เท่า ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วทางด้านการวิจัยเทคโนโลยีนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการสนับสนุนอย่างเต็มตัวของภาครัฐในจีนที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาใช้ผลักดันการเติบโตของประเทศจีน ทั้งในส่วนของตอบสนองต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือการที่จีนให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมด้าน Seminconductor มากยิ่งขึ้นไปอีกในระยะหลัง เนื่องจากอุตสาหกรรมด้านนี้จะกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันด้านพลังประมวลผล และพลังประมวลผลเหล่านี้นี่เองที่จะส่งผลเป็นอย่างมากต่อความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี AI ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการคำนวน และความคุ้มค่าในการใช้พลังงาน
ปลายทางของรัฐบาลจีนนั้นคือการก้าวไปสู่การเป็นผู้นำทางด้าน AI ให้ได้ภายในปี 2030 ในขณะที่ประชาชนจีนเองก็เริ่มมีการใช้งาน AI กันในชีวิตประจำวันมากขึ้นแล้ว และ Blockchain เองก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะตาม AI ไปติดๆ
อย่างไรก็ดี กระบวนการในการออกสิทธิบัตรของจีนนั้นถือว่ามีความรวดเร็วสูงกว่าและเคร่งครัดน้อยกว่าการออกสิทธิบัตรในญี่ปุ่นหรือในสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก ประเด็นนี้เองก็อาจเป็นอีกหนึ่งแรงผลักที่ทำให้เหล่านักวิจัยและธุรกิจจีนเร่งจดสิทธิบัตรเพื่อปกป้องนวัตกรรมของตนเองกันมากขึ้น แต่โจทย์ถัดไปของจีนก็คือการทำให้สิทธิบัตรเหล่านี้มีความเป็นสากลมากขึ้น และช่วยให้เหล่านักนวัตกรรมในจีนสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง
ผู้ที่สนใจรายละเอียดฉบับเต็ม สามารถศึกษาได้จากรายงานที่ https://startupgenome.com/all-reports/?file=2018 ครับ