ครับฟังไม่ผิด Azure เปิดตัว Appliance จริงๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็น Caching Appliance เพื่อตอบโจทย์ในการทำ Tier Storage เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การใช้งานของ NAS หรือเป็น Edge คั่นระหว่าง NAS ในองค์กรกับ Blob Storage ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยองค์กรสามารถรองรับงานที่ต้องการ Latency ต่ำหรืองานกลุ่ม HPC

รูปแบบของการใช้งานมี 3 ลักษณะคือ
1.Hybrid Storage
สำหรับลักษณะนี้ (ตามภาพด้านบน) FXT Edge จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างการใช้งานในองค์กรด้วย NFS หรือ SMB รวมถึงสามารถติดต่อกับ Blob ด้วย API (เป็น Object Storage วิธีการส่งข้อมูลต่างกัน) ทั้งนี้ประโยชน์ก็คือทำ Cache มาเก็บไว้ใกล้กับการใช้มากกว่าจึงเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้นนั่นเอง
2.WAN Caching
แน่นอนว่าการเชื่อมต่อข้าม WAN ย่อมมี Latency มาก ดังนั้นการใช้ FXT Edge ในรูปแบบนี้จึงสามารถช่วยลด Latency ได้ด้วยการทำ Cache เก็บข้อมูลไว้ใกล้กว่าเช่นกัน

3.NAS Optimization
แม้ว่าในองค์กรจะมีฟาร์ม NAS Array จากบริษัทชั้นนำ เช่น DELL EMC ใช้งานอยู่แล้ว แต่หากองค์กรมีการใช้งานสูงมากจริงๆ Storage เหล่านั้นก็อาจเกิดคอขวดได้อยู่ดี ดังนั้น FXT Edge ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น Cache โดยเฉพาะจึงเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดย Compute จะสามารถเรียกใช้งานข้อมูลได้รวดเร็วกกว่าไปพยายามเข้าถึง NAS Array นั่นเอง

ฮาร์ดแวร์

FXT Edge เป็นฮาร์ดแวร์ที่ถูกผลิตโดย DELL แต่ซอฟต์แวร์มาจาก Microsoft ซึ่งในการประกาศครั้งนี้ Azure ได้นำเสนอโมเดลใหม่ 2 รุ่นคือ FXT 6600 และ 6400 ซึ่งความแตกต่างหลักๆ คือ แรมและ SSD ที่ 6400 เหมาะกับการใช้งานที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม FXT Edge ทั้งสองไม่ใช่รุ่นแรกเพราะเคยออกรุ่น 5600 และ 5400 มาก่อนแล้ว นอกจากนี้อีกความสามารถหนึ่งที่ต้องทราบคือ FXT Edge สามารถรองรับการเชื่อมต่อผ่าน NFSv2, SMB2 และรองรับการเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์จาก NetApp, Dell EMC Isilon แม้กระทั่ง Blob หรือ S3 Storage ก็ได้ ยังไม่หมดแค่นั้น FXT Edge ยังสามารถทำ Scale เพิ่มขึ้นได้ตั้งแต่ 3 ถึง 24 โหนดเลยทีเดียว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดตาม Datasheet ได้หรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายที่ท่านรู้จัก
ที่มา : https://azure.microsoft.com/en-us/blog/azure-fxt-edge-filer-now-generally-available/