IBM Flashsystem

2558 ปีแห่งอุปกรณ์สวมใส่และกลุ่มคนยุคมิลเลเนียล ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพัฒนาให้เข้าถึงตัว เกี่ยวข้อง และมีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้บริโภค [Official News]

emc_jeremy_burton

ในอดีต แลรี่ แอลลิสัน ให้ความเห็นต่อคำถามที่ว่า “เว็บ เซอร์วิสเซส” จะเป็นสิ่งสำคัญในอนาคตหรือไม่ ไว้ว่า “ผมใช้เวลาในอิตาลีนานเกินไปกว่าจะรู้ว่าเราไม่ควรมองข้ามเรื่องแฟชั่น”  ในโลกของเทคโนโลยี เราไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าเทรนด์ใหม่ๆ และเราทุกคนรู้ดีว่า แฟชั่นมีความสำคัญ ดังนั้นเราจึงไม่ควรพลาดที่จะร่วมขบวนไปด้วย  ในฐานะที่เป็นผู้เล่นหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้  เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราก็เป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ใหม่ๆ  กำหนดความคาดหวังให้สูงเข้าไว้สำหรับทุกคน และเมื่อเวลาผ่านไป บางสิ่งก็กลายมาเป็นสิ่งที่สร้างรายได้

แล้วอะไรเป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ในปี 2558  ในความคิดของผม คือ

1)  Wearable-Schmearable

ภายหลังการเกิดขึ้นของ iWatch สาวกแอปเปิ้ลทั่วโลกต่างคาดว่าเทคโนโลยีสำหรับสวมใส่ หรือ Wearable จะเป็นเทคโนโลยีกระแสหลัก  แต่คุณแน่ใจหรือว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ  ในความเป็นจริง คนที่อายุน้อยกว่า 35 ไม่สวมนาฬิกากันแล้ว พวกเขาใช้สมาร์ทโฟนทำทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่การดูเวลา  เทคโนโลยีที่ใช้สวมใส่กำลังจะหมดไป เราจะได้เห็นผู้คนใส่บลูทูธที่หูตลอดเวลาเข้ามาแทนที่  แต่ก็มีการพูดกันว่าไม่ใช่เทคโนโลยีสวมใส่ได้ทุกอย่างจะล้มเหลวไม่เป็นท่า  เทคโนโลยีสวมใส่ที่เจาะเฉพาะกลุ่มผู้ใช้จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นตลาดให้ดีขึ้น เช่น FitBits หรือ Jawbones ที่ใช้ติดตามตรวจสอบการเผาผลาญพลังงานหรือกิจกรรมด้านสุขภาพ จะยังคงเฟื่องฟูและจะไปอยู่ในเสื้อผ้ากีฬา รองเท้าและอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น

2) การเข้าถึงผู้บริโภค

อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ เป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือในเกือบทุกอุตสาหกรรม  ธุรกิจที่ปรับตัวและให้บริการผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ตรงไปยังผู้บริโภคได้ ซึ่งจะทำให้เกิดช่วงเวลารู้แจ้งสำหรับนักการตลาด  นักการตลาดมีโอกาสที่จะนำข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวของผู้บริโภค ณ ขณะนั้น มาใช้เพื่อดึงความสนใจผู้บริโภคไปยังสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง  ลองพิจารณาดูร้านค้าปลีกที่มีความชำนาญและรู้ว่าผู้บริโภคอยู่ที่ใดบ้าง หรือบริษัทเสื้อผ้ากีฬาที่เข้าใจกิจวัตรการออกกำลังกายและสภาพร่างกายของลูกค้าของพวกเขา สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเด่นในการสร้างรายได้ก็จริง แต่ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและมีความอดทนน้อย  บริษัทหลายแห่งตระหนักและดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานหลายปี ซึ่งเราหวังว่าจะมีการนำข้อมูลเฉพาะของลูกค้ามาใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น  นั่นหมายถึงว่า กระแสข้อมูลจำนวนมหาศาลจะต้องได้รับการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นการผลักดันให้เกิดการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มากมายขึ้น เช่น อิน-เมมโมรี่ ดาต้าเบสต์ และแฟลชสตอเรจ

3)  เรื่องของซอฟต์แวร์ทำงานแทนเรา

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทส่วนใหญ่เลิกธุรกิจการเขียนซอฟต์แวร์  แผนกไอทีขององค์กรกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล และการใช้ระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรโดยรวม (ERP)  ในทศวรรษหน้า เทคโนโลยีของเกือบทุกอุตสาหกรรมจะถูกกำหนดโดยซอฟต์แวร์ และซอฟต์แวร์หลายๆ อย่างเหล่านั้นจะทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต อย่างแน่นอน  นอกจากนั้นซอฟต์แวร์เหล่านั้นยังติดตั้งอยู่ในรถยนต์ เครื่องยนต์ของเครื่องบิน รองเท้าวิ่ง และแม้แต่ในตัวคน  คุณคิดว่าเทสลาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าใช่ไหม แต่เทสลาเป็นมากกว่านั้น เทสลาเป็นรถยนต์ที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ และให้ประสบการณ์การขับขี่เช่นเดียวกับแอปเปิ้ลที่ให้ประสบการณ์การใช้โทรศัพท์มือถือ  ตอนนี้รถของคุณเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่เป็นสุดยอดของการคิดค้นที่ทันสมัย  บริษัทที่ไม่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แบบนี้จะอยู่ในวงการไม่ได้นาน  เทรนด์นี้ยังมีผลกระทบใกล้ตัวเราด้วยแม้แต่โครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล (ที่อีเอ็มซีให้บริการอยู่) เช่นเดียวกันกับที่ในอนาคต  สมาร์ทซอฟต์แวร์ จะเป็นผู้จัดการและใช้งานสตอเรจ อาร์เรย์, เซิร์ฟเวอร์, เน็ตเวิร์ก, และศูนย์ข้อมูลทั้งหมด

4)  ไอทียุคใหม่ = การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความคล่องตัวในการปรับใช้+ คนรุ่นใหม่

ในทศวรรษหน้า ซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่ได้รับการบันทึกไว้เหมือนดั่งเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งเราส่่วนใหญ่ที่อายุสี่สิบปีขึ้นไปได้เรียนรู้มาจากโรงเรียนว่าการเปลี่ยนแปลงในช่วงปลายของวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นมีราคาแพง ทำให้เราต้องจัดการกับข้อเรียกร้องหรือความต้องการใช้งานตั้งแต่เนิ่นๆ เผชิญหน้าและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงนั้น  การเปลี่ยนแปลงดูจะเป็นสิ่งที่เลวร้าย  ดังนั้นพวกเราหลายคนจึงใช้เวลาในชีวิตการทำงานของเราไปกับโครงการที่กินเวลานานหลายปี และท้ายสุดก็ได้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือ ความมหัศจรรย์ของการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่เป็นขั้นเป็นตอนในรูปลักษณะของ ‘ชั้นน้ำตก’

ถ้าจำเป็นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ จะเกิดจากการผลักดันจากธุรกิจ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับ “ไอที” (คนที่เขียนซอฟต์แวร์) ที่ฝังตัวอยู่ในธุรกิจ การพัฒนาจะถูกทำซ้ำ ใช้เทคนิคที่คล่องตัว จัดลำดับความสำคัญการทำงาน และจากนั้นจัดลำดับความสำคัญอีกครั้งทุกสองสามสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความคับคั่งของวงจรการตอบสนองของธุรกิจ  เรากำลังพูดถึงรูปแบบใหม่ด้านไอที และหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกิดความพึงพอใจเกือบจะทันที สิ่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังเข้ามาทำงานในองค์กร   ปี 2558 จะเป็นตัวแทนของจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจด้านไอที – การดำเนินงานด้านไอทีอยู่ในแบบรวมศูนย์ แต่การพัฒนาซอฟต์แวร์กำลังมุ่งหน้าออกไปสู่หน่วยธุรกิจเฉพาะที่เกี่ยวข้องกัน

5)  การเรียนรู้ยุคใหม่จะเป็นแบบนี้

ปี 2558 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นยุคใหม่ด้านการศึกษา เราจะเห็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดการเรียนแบบบรรยาย รูปแบบของการเรียนจากการบรรยายของอาจารย์จะหมดไป  การทดลองในมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ พบว่าในการบรรยาย 40 นาที นักเรียนให้ความสนใจประมาณ 7 นาทีเท่านั้น หากบรรยาย 60 นาที เวลาของความตั้งใจฟังการบรรยายก็จะลดลง  ในสถาบันการศึกษาที่เลิกการบรรยายไปแล้วและใช้การสอบแบบออนไลน์มีอัตราการที่ต้องสอบใหม่ต่ำลงจากเกือบ 50% เหลือเพียงเป็นตัวเลขหลักเดียว และนี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข่าวดีเดียวเท่านั้น การนำเนื้อหาไปไว้บนออนไลน์ ทำให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาทางการศึกษาได้ทั่วโลกอีกด้วย  ลองจินตนาการถึงโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงเอกสารการเรียนการสอนเดียวกันกับที่โรงเรียนชั้นนำสอน  ต่อไปเมื่อบุตรหลานของคุณอยู่ในสถาบันคาห์น ขอให้คุณดูดีๆ ว่าคุณกำลังเห็นอนาคตของการศึกษาแบบที่เรียนรู้จากการทำงาน

เกี่ยวกับอีเอ็มซี

emc_logo

อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่นคือผู้นำระดับโลกที่ช่วยองค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบ IT as a service โดยมีคลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นพื้นฐานสำคัญ  ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมต่างๆ ของอีเอ็มซี ช่วยให้การเดินทางไปสู่คลาวด์คอมพิวติ้งรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนหน่วยงานเทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดเก็บ จัดการ ปกป้อง และวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กรด้วยวิธีที่คล่องตัว เชื่อถือได้ และคุ้มค่ามากกว่า  ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเอ็มซีได้ที่ www.EMC.com

 

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Synology เปิดตัว DiskStation DS925+ โซลูชันจัดเก็บข้อมูลแรงจัดเต็ม ขยายได้ถึง 180TB ตอบโจทย์องค์กรยุคใหม่ที่ต้องการความเร็ว เสถียรภาพ และการขยายตัวในอนาคต [PR]

Synology เปิดตัว DiskStation DS925+ รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Plus Series โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ รองรับความต้องการของทั้งผู้ใช้งานทั่วไป องค์กรธุรกิจ และสภาพแวดล้อมสำนักงานสาขา ด้วยขนาดกะทัดรัดแต่ทรงพลัง และขยายพื้นที่จัดเก็บได้สูงสุดถึง 180TB ออกแบบมาสำหรับงานหนัก …

องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย Data และ AI ได้เปรียบกว่าเสมอ! ร่วมเรียนรู้วิธีสร้างกลยุทธ์ด้วย AI และ Machine Learning เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่วัดได้จริงในโลกธุรกิจ ไปกับ 2 หลักสูตรที่น่าสนใจ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญตัวจริง [Guest Post]

ขอเชิญเข้าร่วมอบรม 2 หลักสูตร “กลยุทธ์การนำ AI & Machine Learning ไปใช้อย่างเป็นระบบ” (Deploying AI & Machine Learning for …