อ้างอิงจาก http://jeffsaidso.com/2014/04/the-cisco-nexus-9000-10-cool-features/ นะครับ เค้ามาเล่าให้ฟังถึง 10 ฟีเจอร์เจ๋งๆ ใน Cisco Nexus 9000 ทาง TechTalkThai เห็นว่าน่าสนใจก็เลยเอามาสรุปให้อ่านกันครับ
1. ไม่มีการใช้ Midplane อีกต่อไป
การใช้ Midplane นั้นทำให้เกิดปัญหาสองประการ 1) ต้องมีการอัพเกรด Midplane เมื่อเปลี่ยนเทคโนโลยีจาก 40G เป็น 100G และ 2) อาจเกิดปัญหา Pin งอและใช้การไม่ได้เมื่อมีการใส่ Component ต่างๆ เข้าไปผิดมุม หรือออกแรงมากเกินไป ดังนั้น Nexus 9000 จึงเอา Midplane ออกไป และเหลือเป็นเพียงช่องโล่งๆ กว้างๆ แทนเมื่อไม่ได้ใส่ Component อะไรเลย
2. สนับสนุน 40G เป็นแบบ Native เลย
ตามนั้นครับ ไม่มีอธิบายอะไรเพิ่มเติม
3. ใช้ Image File ข้ามรุ่นกันได้
ทั้งรุ่น 9500 ที่เป็น Modular Switch และรุ่น 9300 ที่เป็น Top of Rack Switch ต่างก็ใช้ Image File เดียวกัน ทำให้เวลามีปัญหาแล้วแก้ไขได้ง่ายขึ้น และ Test หา Bug ได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
4. Single System Image
พอ Switch ทั้งหมดใช้ Image File เดียวกันได้ ก็ไม่ต้องมีปัญหาเหมือนในอดีต ที่ต้องหา Version ของ Firmware ที่ Support กับ Switch แยกย่อยแต่ละรุ่นลงไปอีก
5. ระบบ Patch ดีขึ้น
ระบบ Patch ใหม่นี้จะทำการ Patch เพียงส่วนย่อยของ Image เท่านั้น จึงไม่ต้องทำการ Replace System Image ทั้งหมด ส่งผลให้การ Patch มีความรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น
6. สนับสนุน XMPP
ต่อ CLI ของ Switch เข้ากับระบบ Chat/Instant Messenger ขององค์กร เช่น Jabber, Messenger, AIM และอื่นๆ ได้ ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถคุยกับ Switch เช่น “show run int eth 0/1” ผ่านระบบ Chat ได้เลย และเห็นผลลัพธ์ทันทีด้วย
7. ส่งผลลัพธ์ของคำสั่งไปยัง Email ได้ง่ายๆ ขึ้น
จากเดิมที่เคยต้องเรียก Command แล้วทำการ Copy ผลลัพธ์มาอัพโหลดขึ้น Email แล้วส่งเอง ตอนนี้ Cisco Nexus 9000 สามารถ pipe ผลลัพธ์ของคำสั่งแล้วส่ง Email ต่อได้เลย เช่น show run | email <from> <smtp-host> <subject> และยังกำหนดการตั้งค่าของ Email ล่วงหน้าไว้ใช้ง่ายๆ ได้ที่คำสั่ง email ตอนอยู่ใน conf t อีกด้วย
8. ใช้ BASH Shell ได้
เพราะ OS ของ Nexus 9000 เป็น Hardened Linux ดังนั้นจึงเข้าใช้งานด้วย BASH Shell ได้ และทำให้มีอิสระในการทำงานมากขึ้น เช่น กำหนด cron jobs ได้, ใช้ meminfo หรือ ps ได้ โดยการใช้งาน BASH Shell นี้ ให้เข้าไปที่ Configuration Mode แล้วสั่ง feature bash จากนั้นจึงไปที่ exec mode แล้วสั่ง run bash
9. Chassis 9508 รองรับ 10G ได้ถึง 1152 พอร์ต
ด้วยการใช้สายแบบ break-out ที่จะแยกช่อง 40G ออกมาเป็นช่อง 10G จำนวน 4 พอร์ต ทำให้ Chassis รุ่น 9508 ที่ติดตั้ง 40G ได้ 288 พอร์ต ถูกแปลงเป็น 10G ได้มากถึง 1152 พอร์ตนั่นเอง
10. สนับสนุน 40G BiDi
ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ Cisco ทำให้เราสามารถใช้สาย Fibre แบบ MMF ที่มีอยู่เดิมมาเป็นสายสำหรับ 40G ที่รับส่งข้อมูลได้พร้อมๆ กัน ต่างจากเทคโนโลยี 40G ทั่วๆ ไปที่ต้องอัพเกรดสาย Fibre ทั้งหมดก่อน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้องค์กรมีเครือข่ายความเร็ว 40Gbps ได้ในการลงทุนที่ต่ำกว่าปกติ และคุ้มค่าสูงสุดนั่นเอง