กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ (DHS) ออกแถลงการณ์แจ้งเตือนการก่อการร้านผ่านระบบ National Terrorism Advisory System (NTAS) ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า การโจมตีไซเบอร์ของอิหร่านมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ แนะนำให้แต่ละหน่วยงานยกระดับการเฝ้าระวังและเตรียมแผนรับมือให้พร้อม

แถลงการณ์ NTAS ฉบับนี้บรรยายถึงภัยคุกคามที่เป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาหลังจากที่สหรัฐฯ ลอบสังหารนายทหารระดับสูงของอิหร่าน “พลตรี คัสเซม โซไลมานี” ในวันที่ 2 มกราคม 2020 ที่ผ่านมา แม้ในแถลงการณ์จะยังไม่มีข้อมูลที่ระบุว่า DHS กำลังถูกโจมตี แต่ก็เป็นไปได้ที่อาจตกเป็นเป้าหมายโดยไม่ทราบล่วงหน้า ที่สำคัญคือ อิหร่านและกลุ่มพันธมิตรอย่างฮิซบุลลอฮ์แสดงท่าที่อย่างชัดเจนว่าจะแก้แค้นสหรัฐฯ อย่างสาสม ซึ่งวิธีการที่ใช้อาจรวมไปถึงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานหรือเป้าหมายอื่นๆ ของสหรัฐฯ ด้วยภัยคุกคามไซเบอร์
DHS ยังเตือนอีกว่า อิหร่านเป็นประเทศที่มีโปรแกรมด้านไซเบอร์ที่ทันสมัย และสามารถสั่งโจมตีไซเบอร์มายังสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศจนถึงขั้นระบบเกิดความเสียหายหรือหยุดให้บริการได้ เหล่านี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สาธารณสุข และความปลอดภัยของพลเมืองสหรัฐฯ ตามมา แม้ในแถลงการณ์ NTAS จะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหน่วยงานใดที่อาจตกเป็นเป้าหมายบ้าง แต่ก็ได้ลิสต์โครงสร้างพื้นฐาน 16 รายการที่เป็นหัวใจสำคัญของประเทศ ได้แก่
- Chemical Sector
- Commercial Facilities Sector
- Communications Sector
- Critical Manufacturing Sector
- Dams Sector
- Defense Industrial Base Sector
- Emergency Services Sector
- Energy Sector
- Financial Services Sector
- Food and Agriculture Sector
- Government Facilities Sector
- Healthcare and Public Health Sector
- Information Technology Sector
- Nuclear Reactors, Materials, and Waste Sector
- Transportation Systems Sector
- Water and Wastewater Systems Sector
นอกจากนี้ DHS ยังได้แนะนำให้หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องยกระดับการเฝ้าระวัง สำรองข้อมูล เพิ่มมาตรการควบคุมด้านการพิสูจน์ตัวตน และเตรียมแผนรับมือกับการโจมตีไซเบอร์ให้พร้อม เพื่อเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด