ในยุค Digital Economy ที่ Public Cloud กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของการนำเทคโนโลยีเข้าสนับสนุนธุรกิจขององค์กร ด้วยคุณสมบัติการขยายระบบได้อย่างอิสระ CapEx ที่ต่ำ สามารถเชื่อมต่อจากที่ไหนก็ได้ในโลก และส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรขนาดใหญ่หันมาใช้บริการของ Public Cloud กันมากขึ้น
ปัจจุบันนี้ ผู้ให้บริการชื่อดังระดับโลกอย่าง Amazon, Microsoft และ Google ต่างมีบริการ Public Cloud เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Infrastructure-as-a-Service, Platform-as-a-Service หรือ Software-as-a-Service ทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่สำคัญขององค์กรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ง่ายทั้งจากสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขา ในขณะนี้ช่วยลดภาระงานของผู้ดูแลระบบที่ต้องบริหารจัดการอุปกรณ์ในห้อง Data Center เป็นจำนวนมาก
“จากสถิติของ Statista 2016 แสดงให้เห็นว่า ในปีนี้ตลาดของ Public Cloud มีมูลค่าสูงถึง $38,000 ล้าน (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท) และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก Public Cloud มีจุดแข็งคือ Scalability และ CapEx ที่ต่ำ ทำให้ในอนาคตยังไงทุกบริษัทก็ต้องหันไปใช้ Public Cloud แน่นอน เพียงแค่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น” — คุณสันติ เมธาวิกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสของ UIH ให้ความเห็น
Cloud VPN และ Cloud Internet โครงข่ายพื้นฐานในยุค Digital Economy
Virtual Private Network หรือ VPN เป็นระบบเครือข่ายพื้นฐานที่เชื่อมโยงสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาเข้าด้วยกันอย่างมั่นคงปลอดภัย แต่ Site-to-Site VPN ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้นมีข้อจำกัดคือ เป็นการเชื่อมต่อแบบ 1 ต่อ 1 เท่านั้น ทำให้การตั้งค่าและบริหารจัดการการเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานใหญ่ที่มีสาขาเป็นจำนวนมากทำได้ยาก และมีความซับซ้อน
UIH ผู้ให้บริการ Managed Service Provider ชั้นนำของประเทศไทย นำเสนอโซลูชัน Cloud VPN ซึ่งเป็นบริการรูปแบบใหม่สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายของสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยใช้เทคโนโลยี Ethernet เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายความเร็วสูงแบบ Layer 3 (Full Mesh) แต่ละสาขาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้การเชื่อมโยงมีความรวดเร็วและมั่นคงปลอดภัย ที่สำคัญคือบริหารจัดการได้ง่าย สะดวก และสามารถปรับแต่งแบนด์วิดท์ตามความต้องการได้แบบเรียลไทม์ภายใต้ฟีเจอร์ Bandwidth on Demand
คุณสมบัติเด่นของบริการ UIH Cloud VPN ประกอบด้วย
- ทุกสาขาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลถึงกันได้อย่างอิสระ (Full Mesh)
- สามารถกำหนดให้สาขาใดสาขาหนึ่งเป็นต้นทางทดแทนได้ทันที ในกรณีที่เกิดปัญหากับต้นทาง
- ปรับเปลี่ยนขนาดแบนด์วิดท์ได้ด้วยตนเองตั้งแต่ 64 Kbps ถึง 1 Gbps ผ่านบริการ Bandwidth on Demand
- รองรับการประยุกต์ใช้งานโปรโตคอลได้หลายรูปแบบ เช่น IPv4, IPv6, Routing Protocol, IPX, DECNET และ SNA
- รองรับบริการแอพพลิเคชันต่างๆ อาทิ Data, Voice, Video หรือ Multimedia ทุกประเภท เช่น VoIP, Video Conference, Media Streaming เป็นต้น
- สามารถจัดอันดับความสำคัญของการใช้งานได้ (QoS)
- ตั้งอยู่บนระบบโครงข่ายสื่อสารของ UIH ซึ่งมีขนาดใหญ่ สามารถเข้าถึงและรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ UIH ยังให้บริการ Cloud Internet ซึ่งช่วยให้สำนักงานสาขาสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Cloud VPN ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านระบบเครือข่ายของสำนักงานใหญ่ ทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ บนระบบ Cloud ได้อย่างรวดเร็วจากทุกที่ ทุกเวลา และยังช่วยลดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงความเสี่ยงในกรณีที่ระบบเครือข่ายของสำนักงานใหญ่มีปัญหาอีกด้วย
เชื่อมต่อ Cloud Service Providers โดยตรงด้วย Cloud Direct
UIH จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ Cloud Service Providers ชั้นนำอย่าง Amazon AWS, Microsoft Azure/Office 365 และ Google เพื่อให้บริการโซลูชัน Cloud Direct ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถเชื่อมต่อกับ Public Cloud ของ Cloud Service Providers เหล่านั้นได้โดยตรง ผ่านเส้นทางพิเศษ (Optimum Path) ที่มีความเสถียร และ Latency คงที่มากกว่าการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตปกติ
สำนักงานสาขาสามารถเลือกเชื่อมต่อ Public Cloud ผ่านบริการ Cloud Direct ได้ 2 แบบ คือ เชื่อมต่อโดยตรงผ่าน Cloud VPN ซึ่งมีข้อดีคือ รวดเร็ว มั่นคงปลอดภัย และช่วยลดภาระทราฟฟิคที่วิ่งสู่สำนักงานใหญ่ อีกแบบหนึ่งคือ เชื่อมต่อผ่านสำนักงานใหญ่ ซึ่งมีข้อดีคือสามารถบริหารจัดการและควบคุมทราฟฟิคทั้งหมดที่จะเข้าถึงระบบ Cloud ให้เป็นไปตามนโยบายและมาตรฐานตามที่องค์กรกำหนดได้
เร็ว เสถียร มั่นคงปลอดภัย ในราคาที่ต่ำกว่า
คุณสมบัติเด่นของบริการ UIH Cloud Direct ประกอบด้วย
- เร็วกว่า – การันตีด้วยจำนวน Hop Count ที่มีค่าคงที่ เช่น Amazon AWS มีจำนวน Hop Count เพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น
- เสถียรกว่า – Latency มีความนิ่งมากกว่าการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตปกติ
- มั่นคงปลอดภัยกว่า – ทราฟฟิคการใช้งานวิ่งผ่านลิงค์ส่วนบุคคลที่แฮ็คเกอร์หรือผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถดักฟังได้ยาก
- ราคาต่ำกว่า – การเชื่อมต่อกับ Cloud Service Providers โดยตรงมีต้นทุนต่ำกว่าการเชื่อมต่อผ่าน VPN หรืออินเทอร์เน็ตปกติ
- ยืดหยุ่นกว่า – ผู้ใช้บริการสามารถปรับเพิ่มแบนด์วิดท์ได้ตามความต้องการเพื่อรับมือกับสถานการณ์พิเศษหรือไม่คาดฝัน
“UIH ได้พัฒนาตนเองกลายเป็นผู้ให้บริการ Managed Service Provider แบบครบวงจร จุดแข็งของเราคือการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายและระบบ Cloud เข้าด้วยกัน UIH Cloud Direct คือบริการที่พัฒนาไปอีกขึ้นเพื่อให้การเข้าถึง Public Cloud มีความรวดเร็ว เสถียร และมั่นคงปลอดภัย ซึ่ง UIH ได้จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ Cloud Service Providers ชื่อดังทั้ง 3 เจ้า ได้แก่ Amazon, Microsoft และ Google” — คุณสันติกล่าว
เกี่ยวกับ UIH
บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด หรือ UIH เป็นบริษัทภายใต้การบริหารของกลุ่มเบญจจินดา ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมมายาวนานกว่า 50 ปี ให้บริการลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศมากกว่า 3,000 ราย ปัจจุบันได้ขยายบริการจากเครือข่ายบรอดแบนด์ไปเป็นผู้ให้บริการ Managed Network & Security Services แบบครบวงจร ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค Digital Economy ที่ระบบเครือข่ายมีความก้าวล้ำ ผู้ใช้ต้องการแบนด์วิดท์ที่สูงและดีเลย์ต่ำ รวมไปถึงมีความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นส่วนบุคคล
ผู้ที่สนใจใช้บริการ Managed Sevices ด้าน Network, IT Solutions/Security และ Cloud ของ UIH สามารถติดต่อฝ่ายขายที่ดูแลคุณหรือฝ่ายการตลาดได้ที่เบอร์ 0-2016-5000 หรืออีเมล info@uih.co.th