กรุงเทพฯ, 20 ตุลาคม, 2558 – บุคลากรฝ่ายรักษาความปลอดภัยเริ่มตระหนักเพิ่มมากขึ้นว่า เพียงแค่การติดตั้งโปรแกรมป้องกันมัลแวร์บนอุปกรณ์ลูกข่ายไม่ใช่มาตรการที่เพียงพอ ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามในไทยมากถึง 95.5% ระบุว่าตนเองสนใจที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น การตรวจจับภัยคุกคามโดยดูจากลักษณะการทำงาน และแซนด์บ็อกซ์ ( 29.4% ) การป้องกันช่องโหว่ ( 24.5% ) การตรวจสอบอุปกรณ์ลูกข่าย ( 22.9% ) และการสร้างรายการแอพพลิเคชั่นที่ปลอดภัย ( 18.7% ) ภายในองค์กร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของปัญหาด้านความปลอดภัยตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และนำไปสู่การจัดลำดับความสำคัญที่แตกต่างกันภายในองค์กร ขณะเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 4.5% เท่านั้นที่ยืนยันว่าจะยังคงใช้เฉพาะซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่อ้างอิงฐานข้อมูลที่มีอยู่ต่อไป
การสำรวจความคิดเห็นนี้ดำเนินการโดยเทรนด์ไมโคร ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 244 คนจากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี การเงิน และอุตสาหกรรมการผลิต ระหว่างการประชุมด้านความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต CLOUDSEC ประจำปี 2558 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อไม่นานมานี้
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังระบุว่า แนวโน้มต่าง ๆ เช่น การเก็บข้อมูลและการประสานงานร่วมกันบนระบบคลาวด์ ( 22% ), โมบิลิตี้ ( 21.7% ) และเซิร์ฟเวอร์เวอร์ช่วลไลเซชั่น ( 21.4% ) ก่อให้เกิดปัญหาท้าทายด้านความปลอดภัยมากที่สุดสำหรับบริษัทต่าง ๆ ปัญหาความไม่สอดคล้องในองค์กร เช่น พนักงานมีความตระหนักรับรู้ในระดับที่ต่ำ ( 31.8% ), ขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ( 14.4% ) และปัญหาท้าทายด้านการดำเนินงานระหว่างแผนกรักษาความปลอดภัยและแผนกไอที ( 13.8%) ยังคงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจสูงสุด
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 24.4% เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่าตนเองเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ โดยส่วนใหญ่ ( 61.5% ) รู้สึกว่าตนเอง “ค่อนข้างจะมีความพร้อม”
“ท่ามกลางสถานการณ์ดิจิตอลในปัจจุบัน มีการใช้งานระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ระบบเวอร์ช่วลไลเซชั่น และระบบโมบิลิตี้สำหรับบุคลากรในองค์กรอย่างกว้างขวาง และมีอุปกรณ์จำนวนมากที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายขององค์กร ด้วยเหตุนี้ องค์กรต่าง ๆ จึงเสี่ยงที่จะถูกโจมตีผ่านทางช่องโหว่ของอุปกรณ์ลูกข่าย ขณะที่ภัยคุกคามมีความซับซ้อนและปริมาณเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ลำพังเพียงแค่การปกป้องอุปกรณ์ลูกข่ายจึงไม่เพียงพออีกต่อไป ในปัจจุบัน เราจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ยุทธศาสตร์การป้องกันโดยรอบเพื่อปกป้ององค์กรอย่างทั่วถึง” ธันยา ทักการ์ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาค APAC ของเทรนด์ไมโคร กล่าว
ในยุคที่เกิดกรณีข้อมูลรั่วไหลก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงถึง 3.8 ล้านดอลลาร์ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ( 54.9% ) และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ( 28.5% ) เป็นปัญหาสำคัญที่สุดสำหรับบุคลากรฝ่ายรักษาความปลอดภัย ในส่วนที่เกี่ยวกับการทำงานบนระบบคลาวด์ และจากการสำรวจความคิดเห็น ยังพบอีกว่าการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ( 15.9% ) เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญสำหรับการทำงานบนระบบคลาวด์
เนื่องจากปัจจุบันการโจมตีทางไซเบอร์มีความรุนแรงและความถี่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นองค์กรต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาที่ระบุข้างต้นอย่างเร่งด่วน กระบวนการปฏิรูปทางดิจิตอล ซึ่งหลาย ๆ บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในทุกวันนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องความปลอดภัย โดยอาศัยแนวทางที่รอบด้าน และผนวกรวมการรักษาความปลอดภัยเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างหลักขององค์กร
เกี่ยวกับเทรนด์ ไมโคร
บริษัท เทรนด์ ไมโคร ผู้นำระดับโลกในด้านซอฟต์แวร์ความปลอดภัย มุ่งมั่นที่จะสร้างโลกที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิตอล จากประสบการณ์มากกว่า 25 ปีของเรา โซลูชั่นของเราได้ให้บริการทั้งสำหรับผู้ใช้ทั่วไป องค์กรธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ โดยนำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยในการปกป้องข้อมูลแบบแบ่งระดับชั้น [ Layered content security ] ในอุปกรณ์พกพา อุปกรณ์ลูกข่าย เกตเวย์ เซิร์ฟเวอร์ และระบบคลาวด์ โซลูชั่นทั้งหมดของเราขับเคลื่อนด้วย Trend Micro™ Smart Protection Network™ ซึ่งเป็นเครือข่ายข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามทั่วโลกบนระบบคลาวด์ พร้อมการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านภัยคุกคามกว่า 1,200 คนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.trendmicro.co.th