การควบรวมกิจการในเครือ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของธุรกิจ ก่อนที่จะเตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นั้น ถือเป็นกระบวนการที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง ซึ่งเบื้องหลังของกระบวนการเหล่านี้มักมีข้อคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของธุรกิจและเหล่าผู้บริหารไม่น้อย
คุณกิตติ จึงสวนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอ็นกรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TN Group) เล่าถึงมุมมองที่น่าสนใจในระหว่างการควบรวมกิจการในเครือของ TN Group จาก 7 บริษัทรวมเป็นบริษัทเดียว ซึ่งก็คือโจทย์ใหญ่ในการผสานรวมระบบ ERP ที่ใช้ทั้ง 7 องค์กร (บริษัทในเครือ) ซึ่งประกอบไปด้วย SAP S/4HANA on Premise 6 บริษัท และระบบ ERP จากผู้ผลิตรายอื่นอีก 1 บริษัท ในองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว ที่มีความท้าทายไม่น้อย แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมหาศาลเช่นกัน
TN Group ผู้ให้บริการแบบครบวงจร สำหรับในทุกภาคอุตสาหกรรม
TN Group เป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก จัดจำหน่าย สินค้าอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทยและอาเซียน มีโรงงานผลิต 3 แห่ง และมีบริษัทในเครือสำหรับทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมมากว่า 50 ปี โดยมีการลงทุนด้านเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตที่ทันสมัย และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อสินค้า ซึ่งมีการควบคุมมาตรฐานการผลิตให้เป็นมาตรฐานเดียวกับยุโรป
ปัจจุบัน TN Group มีพนักงานกว่า 1,000 คน มีลูกค้าทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก รวมกันหลายหมื่นราย ครอบคลุมมากกว่า 100 อุตสาหกรรม โดยมีสินค้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายมากกว่า 12,000 SKU
ในแง่ของการผลิต TN Group มีโรงงานด้วยกัน 3 แห่ง ได้แก่
โรงงานผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า พัดลมอุตสาหกรรม เครื่องสูบน้ำ สำหรับเกษตรและอุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ venz
โรงงานผลิตพัดลมและ Blower อุตสาหกรรม รวมถึง Blower ขนาดใหญ่ ระบบกำจัดมลภาวะทางอากาศสำหรับอุตสาหกรรม
โรงงานผลิตพัดลมระบายอากาศ สำหรับใช้ในอาคารสำนักงาน และที่พักอาศัย โดยร่วมทุนกับแบรนด์ระดับโลกจากเยอรมนี ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ มีทีมวิศวกรดูแล มีกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าในไทย, โรงพยาบาล, อาคารใหญ่, ที่จอดรถ, คอนโด, บ้าน เป็นต้น
นอกจากนี้ TN Group ยังมีการนำเข้าแบรนด์อุตสาหกรรมมาจัดจำหน่าย และให้บริการในประเทศไทย รวมถึงธุรกิจที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อภาคอุตสาหกรรม ในแบบ B2B ได้แก่ ระบบส่งกำลัง, ระบบอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำอุตสาหกรรม, เครื่องมือเกษตรและเครื่องมือช่าง, ระบบเผาไหม้และการทำความร้อน, ระบบหุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบล้างรถอัตโนมัติ เรียกได้ว่าครอบคลุมหลากหลาย และล้วนเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อภาคอุตสาหกรรมในแบบ B2B เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา TN Group มีความตั้งใจที่จะขยายตลาดสู่กลุ่ม Consumer มากขึ้น ด้วยการเปิดตัวพัดลมแบรนด์ venz รุ่น linear ที่ได้ออกแบบ โดยใช้ทั้งนวัตกรรม และองค์ความรู้จาก TN Group ออกมาเป็นพัดลมที่ สวยงาม ร่วมสมัย เข้าได้กับทุกพื้นที่ อีกทั้ง ยังใช้งานได้ง่ายในทุกมิติ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับรางวัลระดับนานาชาติอย่าง Red dot design award 2022 (ประเทศเยอรมัน) และ iF award 2023 (ประเทศญี่ปุ่น) มาครอง และถือเป็นแบรนด์พัดลมโดยคนไทยแบรนด์แรกที่ได้รางวัลนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจใหม่ของ TN Group ที่น่าสนใจไม่น้อย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TN Group ได้ที่ https://www.tngroup.co.th/
ควบรวมบริษัท ปรับโครงสร้างองค์กร เสริมประสิทธิภาพการทำงาน เตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
คุณกิตติฯ ได้เล่าถึงโจทย์หลักที่ TN Group เผชิญในช่วงปีที่แล้ว นั่นก็คือการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบและปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยหนึ่งในภารกิจสำคัญนั้นก็คือการควบรวมกิจการภายในเครือ 7 แห่งเข้าด้วยกันให้อยู่ภายใต้ชื่อของ TN Group ให้ได้ภายในวันที่ 3 เมษายน 2023 ที่ผ่านมา
เป้าหมายหลักของการควบรวมกิจการภายในเครือเข้าด้วยกันนี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ให้กับ TN Group ให้มีทั้งความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ การรวมทรัพย์สินของทุกบริษัทเข้าด้วยกัน และการกระจายความเสี่ยงด้วยสินค้า และบริการที่เจาะกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย
อีกทั้ง เดิมทีพนักงานของทั้ง 7 บริษัทในเครือ ยังทำงานในอาคารสำนักงานเดียวกัน แต่แบ่งหน้าที่รับผิดชอบสำหรับแต่ละบริษัทที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ดังนั้น การควบรวมกิจการ ในครั้งนี้ จึงมีอีกเป้าหมายหนึ่งก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ภายในองค์กรให้สูงยิ่งขึ้น
คุณกิตติฯ เสริมว่า ถึงแม้การควบรวมกิจการครั้งนี้ จะช่วยลดความซ้ำซ้อนในหน้าที่ของพนักงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า TN Group จะปลดพนักงาน เพราะปัจจุบันนี้บริษัทเอง ก็ขาดพนักงานสำหรับทำหน้าที่ต่างๆ อยู่แล้ว ดังนั้น การลดงานที่ซ้ำซ้อนนี้ก็จะทำให้ปริมาณงาน โดยรวมของพนักงานแต่ละคนลดลง และทำให้พนักงานสามารถมีเวลาไปอบรม Upskill/Reskill และรับผิดชอบในงานใหม่ๆ ที่มีคุณค่ามากขึ้นได้ในอนาคต
ผสานรวมระบบ ERP ใน 7 ธุรกิจสู่หนึ่งเดียว ด้วย RISE with SAP S/4HANA Cloud, private edition เพิ่มความคล่องตัวด้วย Cloud
แน่นอนว่าอีกโจทย์ใหญ่ที่ TN Group ต้องเผชิญนั้น ก็คือการปรับระบบการบริหารจัดการธุรกิจทั้งหมดหลังจากการควบรวมกิจการ ซึ่งเป็นโชคดีที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารในเครือนั้น ได้มีการใช้งานระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ในการบริหารจัดการธุรกิจอยู่แล้ว โดยแต่ละบริษัทมีแผนการใช้ SAP S/4HANA บริหารจัดการแต่ละธุรกิจแยกกันไป
ด้วยเหตุนี้ การปรับระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่เกิดขึ้นนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ทำให้ TN Group จะได้ปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปด้วย โดยมีการทำ Process Reengineering ให้กระบวนการทำงานในแต่ละส่วนนั้นสั้นลง มีความเป็น Digital มากขึ้น และแน่นอนว่าข้อมูลการทำงานของกระบวนการทั้งหมด ก็จะยังคงต้องอยู่บน SAP เช่นกัน
สำหรับสาเหตุที่ TN Group ยังคงตัดสินใจใช้ SAP ต่อไปนั้น ก็มีด้วยกันหลายเหตุผล เช่น
1.ความเชื่อมั่นใน SAP ที่เป็นเบอร์หนึ่งของวงการ รวมถึงประสบการณ์การใช้งานที่ผ่านมาทำให้รู้ว่า SAP มีความยืดหยุ่นสูง ตอบโจทย์การบริหารจัดการธุรกิจได้มาโดยตลอดไม่ว่าธุรกิจจะมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
2.ระบบสามารถรองรับการทำงานได้ ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ อีกทั้งสามารถปรับแต่งเพิ่มได้ตามความต้องการ ทำให้พนักงานทุกคนสามารถทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกันได้อย่างแท้จริง
3.SAP มี Best Practice มาตรฐานระดับโลกของแต่ละอุตสาหกรรมให้นำมาปรับใช้ได้ ทำให้สามารถลดเวลาในการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
4.บริษัท SAP เป็นบริษัทซอฟแวร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปซึ่งเป็นระบบ ERP ที่ตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปให้ความยอมรับเป็นอย่างดี จุดนี้ก็เป็นอีกส่วนสำคัญสำหรับ TN Group ที่มีลูกค้าในประเทศกลุ่มนี้ไม่น้อย
ในอีกมุมหนึ่ง คุณกิตติฯ เล็งเห็นว่าที่ผ่านมา การดูแลรักษาระบบ SAP S/4HANA สำหรับธุรกิจในเครือเหล่านี้เป็นภาระไม่น้อย เพราะนอกจากจะต้องมีฝ่าย IT ที่ทำหน้าที่ดูแลระบบเหล่านี้โดยเฉพาะให้สามารถใช้งานได้อยู่ตลอดแล้ว การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบก็เป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งการมีระบบแบบ On-Premises หรือติดตั้งใช้งานภายในองค์กรเอง ก็ทำให้การเพิ่มขยายหรือเปลี่ยนแปลงระบบมีความยากลำบาก
ดังนั้น ในการปรับระบบบริหารจัดการธุรกิจ TN Group จึงตัดสินใจผสานรวมระบบ SAP S/4HANA ที่เคยมีอยู่ 7 ระบบ ให้เหลือเพียงระบบเดียว ด้วยการเลือกใช้ RISE with SAP S/4HANA Cloud, private edition เพื่อย้ายระบบขึ้นสู่ Cloud อย่างเต็มรูปแบบ และมอบหมายให้ SAP และ Implementer รับหน้าที่ในการดูแลรักษาระบบ ซึ่ง TN Group เชื่อมั่นว่าการให้ทีมงานมืออาชีพมาช่วยดูแลรักษาระบบแทนเจ้าหน้าที่ภายในนั้น ย่อมเป็นผลดีกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระของฝ่าย IT ในการดูแลรักษาระบบเหล่านี้ เพื่อให้มีเวลาไปทำงานเชิงรุกมากขึ้น และความมั่นใจ ในระบบที่จะมีความเสถียรมั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้น เพิ่มขยายได้รวดเร็วง่ายดายยิ่งกว่าเดิม ซึ่งหากพบปัญหาใดๆ ในการใช้งาน ก็สามารถเปิด Ticket ตรงหา SAP เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาได้เลย
อย่างไรก็ดี ความเร็วในการขึ้นระบบเองก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ TN Group นำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน เพราะด้วยกรอบเวลาที่ชัดเจนในการควบรวมกิจการให้สำเร็จภายในวันที่ 3 เมษายน 2023 การใช้ระบบแบบ On-Premises นั้นกว่าจะจัดซื้อ Hardware และติดตั้งเสร็จเสียเวลาไปแล้ว 3-4 เดือน แต่การตัดสินใจใช้ RISE with SAP S/4HANA Cloud, private edition จะทำให้กระบวนการเหล่านี้ลุล่วงได้ภายในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น
เลือก NTT DATA Business Solutions Thailand ติดตั้งระบบ SAP เป็นรายเดียวที่ยืดหยุ่นปรับการทำงานให้ทันตามกำหนดการ
เมื่อ TN Group ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกใช้ RISE with SAP S/4HANA Cloud, private edition การคัดสรร SAP Implementer ก็เป็นอีกขั้นตอนสำคัญ ซึ่งหลังจากได้มีการเชิญหลายบริษัทเข้ามานำเสนอแล้ว ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนดไว้ว่าระบบจะต้องใช้งานได้ก่อนวันที่ 3 เมษายน 2023 หรือมีเวลาทำงานเพียงไม่ถึง 6 เดือนนั้น ก็ไม่มีบริษัทใดสามารถตอบโจทย์นี้ได้เลย ยกเว้น NTT DATA Business Solutions (Thailand) หรือ NDBS TH ที่ตอบรับว่าสามารถทำงานให้สำเร็จภายใต้กรอบเวลาดังกล่าวได้ ซึ่งการดำเนินการในส่วนนี้ก็สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีตามที่ NDBS TH รับปากเอาไว้
จุดแข็งของ NTT DATA Business Solutions นั้นก็คือเป็นบริษัทฯ ที่ให้คำปรึกษา และให้บริการการจัดการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย มีประสบการณ์ด้านการ Implement SAP มาอย่างยาวนานกว่า 23 ปี และ รวมถึงมีเชี่ยวชาญในหลากหลายโซลูชั่นส์ และที่สำคัญเคย Implement ระบบงานในกลุ่มธุรกิจเดียวกันมาแล้วอย่างหลากหลาย ทำให้สามารถให้คำแนะนำในการขึ้นระบบครั้งใหม่ได้อย่างราบรื่น ซึ่งความน่าสนใจคือ NDBS TH อีกข้อหนึ่งก็คือ หลังจากร่วมงานกันทาง NDBS TH ไม่ตามใจ TN Group ไปทุกเรื่อง แต่เรื่องไหนที่มีข้อแนะนำที่ดีกว่าหรือมีแนวทางที่เหมาะสมกว่า ทาง NDBS TH ก็จะนำเสนอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยกันกับทีมงาน TN Group อยู่ตลอด ทำให้นอกจากโครงการจะประสบความสำเร็จได้ทันเวลาแล้ว กระบวนการการทำงานใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นก็ยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
ปัจจุบัน ระบบงาน RISE with SAP S/4HANA Cloud, Private Edition ที่ TN Group ได้เริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว โดยยังรองรับการใช้ระบบบัญชีชุดเล็กในการบริหารธุรกิจอยู่ และยังคงเดินหน้าต่อเพื่อปรับไปสู่การใช้ระบบบัญชีชุดใหญ่เพื่อเป้าหมายในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ในอนาคต
เตรียมปรับธุรกิจรับเทรนด์ใหม่: Industry 4.0, B2B Commerce, ESG
คุณกิตติฯ ยังได้เผยวิสัยทัศน์ของ TN Group ในอนาคตอีกว่า ทางบริษัทจะเร่งปรับตัวไปสู่ Industry 4.0 ที่มีการทำงานในแบบ Digital ให้มากขึ้น โดยมีการนำเครื่องจักร, เทคโนโลยี, ข้อมูล AI และระบบ IoT เข้ามาใช้งาน เชื่อมต่อเครื่องจักรเข้ากับระบบ IT เพื่อให้ระบบมีความชาญฉลาด และสามารถริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้น โดยมีอัตราการจ้างงานเพิ่มในอนาคตที่น้อยลง ให้เทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาเติมเต็มการทำงานในหลายๆ ส่วน เช่น การประมวลผลข้อมูล, การวิเคราะห์แนวโน้ม และการตัดสินใจในกระบวนการต่างๆ ของธุรกิจ
นอกจากนี้ ช่องทางการขายสินค้าและบริการในรูปแบบ B2B ผ่านช่องทางออนไลน์หรือ B2B Commerce เอง ก็มีความสำคัญ เพราะพฤติกรรมของลูกค้านั้น เปลี่ยนจากการติดต่อสื่อสารกับฝ่ายขายเป็นหลัก ไปสู่การค้นหาข้อมูลด้วยตนเองมากขึ้น ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่ B2B Commerce จะได้เติบโตจนกลายมาเป็นหนึ่งในช่องทางการขายหลักของ TN Group ในอนาคตได้
ส่วนเทรนด์ด้าน Environmental, Social, and Governance หรือ ESG เองก็ส่งผลกระทบในแง่ดีกับธุรกิจของ TN Group เพราะเดิมทีสินค้าเครื่องจักรที่ TN Group ได้ทำการผลิตและจัดจำหน่ายนั้นก็อยู่ในหมวดหมู่ของการลดมลภาวะภายในโรงงาน รักษาความปลอดภัยและสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อตลาดให้ความสนใจในประเด็นเหล่านี้มากขึ้น TN Group ก็สามารถจัดสรรทีมงานมาพัฒนาโซลูชันตอบโจทย์ด้านนี้โดยเฉพาะมากยิ่งขึ้น เป็นความถนัดและจุดแข็งของทีมงานอยู่แล้ว ทำให้ในอนาคตก็มีโอกาสเติบโตจากแนวโน้มเหล่านี้ได้อีกมาก
ทุกการปรับตัว ความต้องการของลูกค้าคือหัวใจสำคัญ
คุณกิตติฯ ได้ทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำต่อธุรกิจในกลุ่มโรงงานและการผลิตรายอื่นๆ ด้วยกัน 3 ประเด็น
1.ธุรกิจโรงงานและการผลิต ต้องทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ทุกรายมีความต้องการเหมือนๆ กัน ดังนั้น ธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ ต้องสนใจความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าให้มาก เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าได้อย่างคล่องตัว
2.ต้องเร่งปรับปรุงความสามารถในการบริหารจัดการ Supply Chain เพราะการส่งของลูกค้าให้ได้ทันเวลานั้น เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ดังนั้น ธุรกิจโรงงาน และการผลิตต้องปรับปรุงให้กระบวนการ Supply Chain สั้นที่สุด และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Supplier ทุกราย จะได้ผลิตสินค้าได้ทันท่วงที มีต้นทุนที่แข่งขันได้ และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าในระยะยาว
3.การพัฒนา Product / Innovation ถ้าจะแข่งขันกับคนอื่นให้ได้ ผลิตภัณฑ์ต้องมีนวัตกรรม ธุรกิจโรงงานและการผลิตจะผลิตหรือขายแต่สินค้าเดิมๆ ไปตลอดไม่ได้ แต่ต้องมีการลงทุนวิจัยผลิตของใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอด สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ๆ ให้ได้อย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับ NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd.
บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) ภายใต้กลุ่ม บริษัท NTT DATA ผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก และเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation และเป็นสมาชิก SAP Global Partner ที่พร้อมคำปรึกษา และบริการด้านการออกแบบ พัฒนา ติดตั้งโซลูชัน SAP Solution
และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรึกษาด้านโซลูชั่น SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้น
บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ ติดต่อได้ที่ โทร 02 237 05553 หรือติดตาม ได้ที่ email: marketing–solutions–th@nttdata.com หรือ www.nttdata–solutions.com