ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ทดลองใช้งาน Samsung Galaxy XCover Pro อุปกรณ์ Smartphone รุ่นธุรกิจและอุตสาหกรรม กับ Samsung Galaxy Tab Active Pro อุปกรณ์ Tablet รุ่นธุรกิจและอุตสาหกรรมเช่นกัน เพื่อให้เข้าใจถึงความแตกต่างจากอุปกรณ์ Smartphone และ Tablet ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ทุกวันนี้ ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อย จึงอยากเขียนสรุปให้ทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ
*** หมายเหตุ: ภาพประกอบในบทความนี้ถ่ายโดย Samsung Galaxy Note 10 อันนี้เครื่องส่วนตัว ก็ถ่ายสนุกมือดีครับ
นิยามของ Smartphone และ Tablet สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม
เวลาเราพูดถึง Smartphone หรือ Tablet สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม บางทีเราอาจจะนึกถึงอุปกรณ์ที่มีความสวยงาม ทนทาน เหมาะสำหรับผู้บริหาร แต่สำหรับ Samsung ที่เป็นธุรกิจซึ่งมีกิจการหลากหลายภายใน การพัฒนาอุปกรณ์เพื่อตอบโจทย์เฉพาะทางเหล่านี้ต้องเป็นอะไรที่เหนือยิ่งกว่านั้น
สำหรับ Samsung Galaxy XCover Pro และ Samsung Galaxy Tab Active Pro นี้ ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่เป็น Field Service เป็นหลัก ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกอาคารก็ตาม ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้จึงไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับผู้บริหารหรือผู้ใช้งานที่นั่งอยู่ในออฟฟิศ แต่เป็นอุปกรณ์สำหรับพนักงานที่ต้องทำหน้าที่บางอย่างนอกออฟฟิศเป็นหลัก เช่น พนักงานขายในร้านอาหารหรือร้านค้าต่างๆ, ทีมให้บริการของธุรกิจการเงินและประกัน ไปจนถึงทีมช่างที่ต้องทำงานอยู่ในโรงงานหรือไซต์ก่อสร้าง
ด้วยการตีโจทย์ลักษณะนี้ อุปกรณ์เหล่านี้จึงไม่ได้เน้นเรื่องความสวยงามโฉบเฉี่ยวหรือสเป็คนำมาก่อน แต่ออกแบบในมุมมองของฟังก์ชันเป็นหลัก เพื่อให้การทำงานนั้นมีความลื่นไหลต่อเนื่องที่สุด ไม่ให้ธุรกิจต้องสะดุดจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ ในขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกก็จะเน้นความขึงขังให้เหมาะกับการทำงานเป็นหลัก ส่วนสเป็คที่ให้มานั้นก็จะเน้นรองรับการนำไปใช้งานและใช้พลังงานให้คุ้มค่า ไม่ได้รองรับด้านความบันเทิงแต่อย่างใด
ออกแบบด้วยแนวคิด ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่อง ปรับแต่งให้เหมาะกับ Flow ของธุรกิจได้
เพื่อให้การนำอุปกรณ์ทั้งสองนี้ไปใช้ทำงานได้ดี แนวคิดของการออกแบบหลักๆ ที่เราสัมผัสได้ในผลิตภัณฑ์ทั้งสองจึงมีดังนี้
1.มีความทนทางสูง
ทั้งสองเครื่องนี้สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ด้วยมาตรฐาน IP68 และทนทานตามมาตรฐาน MIL-STD 810G ซึ่งเป็นมาตรฐานการใช้งานระดับทหารที่ระยะหลังเรามักพบได้ในอุปกรณ์ PC/Notebook รุ่นสำหรับทำงาน และมีการทดสอบ Drop Test มาแล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าในการหยิบนำไปใช้งานจริง อุปกรณ์จะไม่พังง่ายๆ จากการหล่นหรือการกระแทกที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานอย่างแน่นอน
อันที่จริงแล้วระหว่างทดสอบทีมงานเราก็เผลอทำอุปกรณ์หล่นโดยไม่ตั้งใจเหมือนกันครับ แต่ก็พบว่าไม่มีร่องรอยขีดข่วนแต่อย่างใด เสียงตอนหล่นก็เหมือนทำของหนักๆ แข็งๆ หล่นลงพื้น ไม่ได้มีเสียงของชิ้นส่วนใดๆ หลุดกระเด็นอยู่ภายใน
นอกจากการกันกระแทกแล้ว อุปกรณ์เองก็ยังถูกออกแบบมาให้กันน้ำได้เพื่อรองรับงาน Outdoor รวมถึงยังมีความสามารถอย่างเช่นรองรับการสัมผัสหน้าจอโดยใส่ถุงมือได้ และสำหรับ Samsung Galaxy Tab Active Pro ก็ยังมีปากกาที่หัวมีความทนทานสูงเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการใช้สัมผัสหน้าจอได้อีกด้วยครับ
2.ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
อุปกรณ์ทั้งสองนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดย Samsung Galaxy XCover Pro นี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4050 mAh และ Samsung Galaxy Tab Active Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 7600 mAh ทำให้ในตัวเองนั้นสามารถทำงานเต็มวันแบบ 8 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้นได้สบายๆ และอุปกรณ์ก็เลือกที่จะติดตั้ง CPU และ RAM มาให้เพียงพอต่อการใช้ทำงานเป็นหลักและตัดฟังก์ชันการประมวลผลเพื่อความบันเทิงออกไป เพื่อให้อายุการใช้งานในแต่ละรอบการชาร์จไฟนั้นยาวนานที่สุด
อย่างไรก็ดี สำหรับธุรกิจที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง อุปกรณ์ทั้งสองนี้ก็รองรับการชาร์จไฟผ่าน POGO Pin เพื่อให้การผลัดเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดเวลานั้นเป็นไปได้อย่างสะดวกและง่ายดาย เพียงวางอุปกรณ์ลงกับแท่นชาร์จระบบก็จะทำงานชาร์จไฟทันที ไม่ต้องกังวลเรื่องสายสำหรับเสียบเชื่อมต่อพื้นการกินพื้นที่ระหว่างชาร์จไฟ
ไม่เพียงแต่การออกแบบเรื่องระบบไฟสำหรับใช้งานในแต่ละวันเท่านั้น ระบบทั้งสองนี้สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ดังนั้นหากแบตเตอรี่มีปัญหาจริงๆ ก็สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้หน้างานทันที ไม่ต้องส่งอุปกรณ์กลับไปซ่อมที่ศูนย์และเผชิญกับความวุ่นวายในการจัดการลบล้างข้อมูลหรือติดตั้งโปรแกรมใหม่อีกต่อไป
3.ปรับแต่งให้เหมาะกับ Flow การทำงานของธุรกิจได้
ทั้งสองอุปกรณ์นี้มีอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการเสริมปุ่ม Programmable Button เข้ามาให้ โดยเราสามารถเลือกเองได้ว่าเมื่อกดปุ่มนี้แล้วจะเกิด Action อะไรขึ้น เช่น การเปิดโปรแกรมที่ใช้ทำงาน, เปิดกล้องถ่ายภาพ, เปลี่ยนอุปกรณ์ให้กลายเป็นวิทยุสื่อสารแบบ Push-to-Talk หรืออื่นๆ ทำให้ในการทำงานจริงหากต้องเข้าแอปสำคัญอย่างฉุกเฉิน ก็สามารถกดได้ในปุ่มเดียวเลย ไม่ต้องเสียเวลากดออกมาเข้าหน้าแอปผ่าน Home ช่วยให้การทำงานคล่องตัวขึ้นเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งสองเครื่องนี้ยังรองรับ Samsung Knox อย่างเต็มตัว ดังนั้นการจัดการปรับแต่งทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัยและการใช้งานจึงสามารถทำได้จากศูนย์กลางทั้งหมด ซึ่งเราก็สามารถเลือกใช้โซลูชันของ Samsung Knox ที่เหมาะสมกับความต้องการของเราเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและสามารถควบคุมอุปกรณ์ในรูปแบบเท่าที่ต้องการเองได้
ความรู้สึกในการใช้งานที่แตกต่างจาก Smartphone และ Tablet ที่ใช้กันทั่วไป
หลังจากได้ลองใช้งานจริงแล้ว ทางทีมงานพบประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1.) อุปกรณ์ออกแบบมาดูมีความจริงจังสุภาพ เหมาะกับการนำไปใช้ทำงานมาก
2.) วัสดุที่ใช้ดูมีความแข็งแรงทนทาน ทำหล่นได้แบบไม่ต้องกังวล แต่อุปกรณ์ก็ไม่ได้ใหญ่จนเทอะทะเกินไป แต่น้ำหนักก็ถือว่าหนักกว่าปกติ
3.) เปิดเครื่องครั้งแรก พบกับหน้าจอ Protected by Samsung Knox ทันที
4.) ถึงแม้สเป็คที่ให้มาจะไม่ได้แรงเท่ามือถือที่ใช้ตามปกติ แต่ความเร็วก็ถือว่าใช้ทำงานได้ดีไม่มีประเด็นอะไร เข้าแอปทำงานต่างๆ ได้ เปิดเว็บได้เร็ว รองรับ Business Application หรือ Productivity App ได้หมด
5.) เริ่มต้นใช้งานได้โดยไม่ต้องมี Google Account และมี App จาก Store ของ Samsung เองซึ่งมี App ทำงานพื้นฐานให้ติดตั้งได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน ทำให้สามารถ Setup อุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานได้เร็วมากๆ และไม่ต้องปวดหัวเรื่องการจัดการกับ Google Account ด้วย
6.) การปรับแต่ง Programmable Button ทำได้ทั้งการกดเฉยๆ และการกดค้าง โดยแต่ละเครื่องมีให้มาใช้ 2 ปุ่มที่เป็นแบบนี้ แต่ Samsung Galaxy XCover Pro จะมีปุ่มด้านข้างที่ปรับการกดสองครั้งหรือกดค้างได้เพิ่มเข้ามา ส่วน Samsung Galaxy Tab Active Pro จะปรับการทำงานของ Air Command ตอนใช้ S Pen เพิ่มได้ ทำให้ปรับการทำงานได้อิสระพอสมควรครับ
7.) Samsung Galaxy Tab Active Pro สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รองรับทั้งคนที่ถนัดซ้ายและถนัดขวา โดยในการใช้งานแนวตั้งแบบใช้มือซ้ายถือ ปุ่ม Back, Home, Switch App ที่เป็น Hard Key จะมาอยู่ที่นิ้วโป้งมือซ้ายพอดีทำให้กดปุ่มพวกนี้ได้ง่าย ส่วนมือขวาก็ใช้หยิบปากกาเขียนได้สะดวก ต่างจาก Tablet ปกติที่เวลาใช้แนวตั้งปุ่มพวกนี้มักจะอยู่ด้านล่าง ทำให้ต้องใช้มือขวากด เสียทั้งสองมือในการทำงาน
8.) ปากกาของ Samsung Galaxy Tab Active Pro ต่างจาก Galaxy Note 10 แบบเห็นได้ชัด โดยหัวจะเป็นวัสดุนิ่มๆ เน้นความทนทานเป็นหลัก สัมผัสฝืดนิดๆ ทำให้ตอนเขียนหรือตอนสัมผัสแทบไม่ผิดพลาดเลย
9.) กล้องถ่ายภาพสำหรับใช้ทำงานได้ ไม่ใช่ภาพแนวสวยงามเหมือนกล้องมือถือทั่วไป โดย Samsung Galaxy XCover Pro จะถ่ายรูปได้ค่อนข้างเร็ว แต่ Samsung Galaxy Tab Active Pro จะถ่ายรูปได้ช้ากว่า ส่วนคุณภาพของภาพก็ถือว่ามาตรฐาน
10.) สามารถถอดฝาหลังของทั้งคู่ออกมาซ่อมบำรุงเองได้เหมือนมือถือสมัยก่อน แกะยากนิดหน่อยเพราะต้องใช้ไขควงหัวแบนมาช่วยงัดฝาที่แข็งแรงมากๆ
11.) Samsung Galaxy Tab Active Pro จะเลือกได้ว่าจะใส่เคสหรือถอดเคสทำงาน ตัวเคสจะมีช่องใส่ปากกามาด้วย ดังนั้นถ้าจะใช้ปากกาก็แนะนำให้ใส่เคส แต่ถ้าไม่ได้ใช้ปากกาก็เลือกได้ว่าจะใส่หรือไม่ใส่เคส
12.) แบตเตอรี่ทนมากๆ เปิดทิ้งไว้ข้ามเป็นวันๆ ก็เห็นได้ชัดว่าแบตลดน้อย แต่จริงๆ อาจจะเป็นเพราะพอสเป็คเรื่องไม่แรงมากและไม่มีแอปที่นอกเหนือจากการทำงานเลย ก็เลยทำให้แบตเตอรี่ยิ่งทนขึ้นไปอีกก็เป็นได้
โดยรวมความรู้สึกในการใช้งานก็คือ Setup ง่าย, ใช้ได้สบายใจไม่ต้องกลัวหล่นเพราะมันทนมาก, เปลี่ยนแบตเปลี่ยนซิมง่าย, แบตทนทานไม่ต้องชาร์จบ่อย และหน้าตาดูสวยงามสไตล์ขึงขังทนทาน รวมๆ คือถ้าซื้อมาใช้ทำงานจริงๆ ก็ไม่ต้องกลัวบุบกลัวพังครับ
ก็ถือว่า Samsung คิดออกแบบมาดีเหมือนกัน ชอบมากกับการที่มี Store ของตัวเองที่ไม่ต้องสมัคร Account อะไรเลยในการโหลดแอปทำงานครับ
Samsung Galaxy XCover Pro และ Samsung Galaxy Tab Active Pro เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง?
เมื่อได้ลองใช้แล้ว ก็รู้สึกว่างานประเภทที่ต้องให้พนักงานเข้าถึงแอปใดๆ เพื่อทำงานในหน้าร้านหรืองานบริการหรือการจัดการโครงการต่างๆ ก็น่าจะเหมาะกับการนำอุปกรณ์ทั้งสองนี้ไปใช้ โดยใช้ในฐานะของอุปกรณ์ทำงานเฉพาะในเวลาทำงาน ไม่ได้เอามาทดแทนอุปกรณ์ส่วนตัวของพนักงานแต่อย่างใด ซึ่งอุปกรณ์หนึ่งเครื่องอาจจะผูกไว้สำหรับพนักงานคนเดียว หรือแบ่งให้พนักงานหลายคนใช้ด้วยกันก็ได้ครับ
จากการลองสอบถามทีมงาน Samsung ก็พบว่ามีธุรกิจนำไปใช้งานประเภท Point-of-Sales แบบเคลื่อนที่, ใช้ติดตั้งในรถขนของสำหรับงานด้าน Logistics ไปจนถึงงานจัดการคลังสินค้ากันอยู่แล้ว ส่วนตัวผู้ทดสอบเองก็เคยเจอธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ด้านเครื่องใช้ในบ้านก็ให้พนักงานใช้มารับออเดอร์สินค้าเรานอก Counter ชำระเงินครับ ก็ทำให้การจ่ายเงินซื้อของชิ้นใหญ่สะดวกดี จ่ายเงินตรงหน้าสินค้าได้เลยไม่ต้องเดินไปต่อแถวอีกต่อไป
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมาะแน่ๆ ในการนำอุปกรณ์ตระกูลนี้ไปใช้คือใช้แทน Smartphone หรือ Tablet ที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันครับ เพราะไม่เหมาะทั้งในแง่ของรูปลักษณ์ ขนาด น้ำหนัก ไปจนถึงสเป็คเครื่องที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้เพื่อความบันเทิงหรือใช้ส่วนตัวซักเท่าไหร่
ทั้งนี้ผมว่าในบางธุรกิจอาจต้องเลือกใช้ผสมผสานกันไประหว่างสองรุ่นนี้ครับ ดังนั้นถ้าจะทดสอบก็ติดต่อทาง Samsung ขอยืมเครื่องทั้งสองแบบมาลองใช้กันดูจะดีที่สุด จะได้รู้ว่างานไหนเหมาะกับอะไรครับ
สนใจโซลูชันอุปกรณ์ Smartphone หรือ Tablet สำหรับธุรกิจ ติดต่อทีมงาน Samsung ได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันด้านการนำ Smartphone หรือ Tablet สำหรับนำไปใช้งานกับธุรกิจ หรือระบบบริหารจัดการอุปกรณ์เหล่านี้ให้มีความมั่นคงปลอดภัยและกำหนดค่าการใช้งานต่างๆ ได้จากศูนย์กลาง สามารถติดต่อทีมงาน Samsung Business ได้ทันทีที่โทร 02-118-1000 หรืออีเมล์ b2b_thailand@samsung.com หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Samsung Business ได้ที่ https://www.samsung.com/th/business/